posttoday

"สางมาเฟีย"คืนชีพดอนเมือง

18 มีนาคม 2556

สัมภาษณ์พิเศษ "น.ต.ศิธา ทิวารี" ประธานบอร์ดท่าอากาศยานแห่งประเทศไทยที่มีอายุน้อยที่สุดในทำเนียบ

โดย...ธรรมสถิตย์ ผลแก้ว

จากนักบินขับไล่เอฟ 16 พลิกลงจอดสู่รันเวย์การเมือง มาวันนี้ น.ต.ศิธา ทิวารี หรือ “ผู้พันปุ่น” หวนคืนสู่สนามบินอีกครั้ง ในฐานะประธานบอร์ดการท่าอากาศยานแห่งประเทศไทย (ทอท.) หมวกใบใหม่กับการทำงานที่ต้องเผชิญสารพัดปัญหา

ด้วยภาพฝ่ายการเมืองยึดกุมองค์กรรัฐวิสาหกิจด้วยแล้ว นับเป็นความท้าทายยิ่ง

น.ต.ศิธา บอกว่า การเป็นประธานบอร์ดทำหน้าที่กำกับดูแล มีขั้นตอนต่างๆ ให้บอร์ดตัดสินใจตามกรอบทำงานแค่นั้น แต่ด้วยมีประสบการณ์เป็นนักบิน รู้เรื่องอุตสาหกรรมการบิน เป็นจุดแข็งสามารถดูทั้งหมดอย่างบูรณาการ อีกทั้งรู้จักมักคุ้นคนแวดวงการเมือง เป็นช่องทางที่ดีกว่าคนอื่นในการประสานรัฐบาล

“ผมเข้ามาอยู่ในระยะกึ่งสั้นกึ่งยาว สิ่งที่ท้าทายที่สุดนอกเหนือจากสะสางปัญหาภายในก็คือการที่ประเทศไทยต้องพร้อมเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน หรือเออีซี จึงต้องทำองค์กรให้พร้อมรับเออีซีด้วย”

ห้วงเวลาที่กัปตันปุ่นเข้ามา เขาวางเป้าหมายยกระดับท่าอากาศยานสุวรรณภูมิขึ้นสู่สายการบินชั้นนำของโลก พร้อมคืนชีพสนามบินดอนเมืองเป็นสนามบินนานาชาติอีกครั้ง

“ผมจะติดเคาต์ดาวน์ความพร้อมถึงเวลานี้เราต้องการอะไร ตอนนี้ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิติดระดับสามดาวต้องขึ้นเป็นห้าดาวให้ได้ภายในปี 2558 ขณะที่ดอนเมืองกำลังเข้าสู่การจัดลำดับเรตติ้ง ดังนั้นต้องขยับให้ได้ จึงต้องมาดูหลายอย่าง ทั้งเรื่องแผนการตลาด ดอนเมืองต้องให้มีจุดขายแข่งกับสุวรรณภูมิให้ได้ นับเป็นโอกาสดีที่ตอนนี้ดอนเมืองมีอายุ 98 ปี จะเข้าสู่ปีที่ 99 เลขสวย ปีหน้า 100 ปี เลขก็สวย ก็ใช้จุดนี้มาทำการตลาด”

ตามแผนจะโปรโมตให้ต่างชาติรับรู้ดอนเมืองคือสนามบินแรกของเมืองไทย จะมีการตกแต่งภายในใหม่ ซึ่งมีการเตรียมงบฯ แล้วไม่ต้องเพิ่มงบ โดยจะประสานกรมศิลปากรช่วยออกแบบแสดงถึงความเป็นเอกลักษณ์ จากนั้นในส่วนทัวร์ต่างชาติเขาก็จะออกใบขายว่าดอนเมืองเป็นสนามบินเปิดให้บริการเกือบ 100 ปี เชื้อเชิญมาสัมผัสบรรยากาศแบบไทยๆ

ทั้งนี้ จะต้องปรับปรุงเอาเทอร์มินัล 1 และ 2 ให้ใช้อย่างเต็มประสิทธิภาพพร้อมรองรับเครื่อง ประสานสายการบินต่างๆ ขอให้มาลง ต้องทำแผนทั้งหมด อยู่ระหว่างสภาพัฒน์ตรวจสอบ เมื่อเรียบร้อยเสนอกระทรวงคมนาคมนำเข้าที่ประชุม ครม.

"สางมาเฟีย"คืนชีพดอนเมือง

น.ต.ศิธา ยอมรับว่า เหตุที่ต้องเร่งคืนชีพสนามบินดอนเมือง เนื่องจากสนามบินสุวรรณภูมิมีปริมาณผู้โดยสารมากขึ้น ซึ่งตามแผนเฟส 2 จะแล้วเสร็จปี 2560 แต่ระหว่างนี้ไม่ทันต่อการ|รองรับผู้โดยสารเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ต้องเร่งปรับปรุงดอนเมืองที่จากการเปิดให้โลว์คอสต์แอร์ไลน์อย่างเดียว ต้องสร้างเครือข่ายเน็ตเวิร์กการบินให้กับดอนเมือง ถ้าไม่ทำเน็ตเวิร์กสมบูรณ์ โลว์คอสต์มาลงก็ไม่อยากส่งต่อ

น.ต.ศิธา ระบุว่า สำหรับท่าอากาศยานสุวรรณภูมิมีปัญหาคาราคาซังหลายด้าน เช่นกรณีลานจอดรถเปิดศึกแบ่งผลประโยชน์ถึงขั้นเลือดตกยางออกเป็นคดีความ

“ลานจอดรถสุวรรณภูมิค่อนข้างเป็นมหากาพย์ ตั้งแต่เปิดสนามบินยังไม่เรียบร้อย กลุ่มหนึ่งเข้ามาทำก็ชวนอีกกลุ่มลงทุนแล้วมีปัญหาถึงทุกวันนี้ ปรากฏว่าการเก็บค่าจอดต้องเก็บแล้วไปอายัดไว้ที่ศาล ศาลคุ้มครองเงินล็อกใส่บัญชีทุกเดือน ตอนนี้อยู่ที่ศาล 200-300 ล้านบาท เอาไปไหนไม่ได้ ซึ่งตามสัญญาแบ่งผลประโยชน์กับการท่าฯ 75% เอกชน 25%

“ตอนนี้ผมให้เจ้าหน้าที่ไปเจรจา สมมติจะยกเลิกสัญญา หรือปรับแก้ไขก็ว่ามา อย่างน้อยคุณได้เงินกลับไป แต่ถ้าเงินนั้นถูกฝาชีครอบไว้ ใครเอาไปไม่ได้ ไม่มีใครได้ประโยชน์ เท่าที่เจรจาแนวโน้มน่าจะดี ถ้าแก้ไขได้ เขาก็กล้ามาลงทุน จะได้มีอุปกรณ์ตรวจรถทันสมัย”

น.ต.ศิธา บอกไปถึงเอกชนว่า ค่าจอดรถที่อายัดไว้ในศาลก็สูงถึง 300 ล้านบาท ตามสัดส่วนที่เอกชนจะได้ไป 25% ประมาณ 75 ล้านบาทแล้ว จึงต้องย้อนถามเอกชนว่าตกลงจะค้าความหรือค้าขาย ถ้าค้าความ การท่าอากาศยานฯ ก็ต้องสู้คดีความต่อไป แต่ถามว่าองค์กรเดือดร้อนหรือไม่ ประการแรกเป็นภาพลักษณ์องค์กร ส่วนเอกชนทำงานในส่วนนี้มา 2 ปี แต่ไม่สามารถนำเงินไปได้เพราะถูกอายัดไว้

“ผมว่าเราคุยกันด้วยเหตุผลดีกว่า” ประธานบอร์ด ทอท.ยื่นข้อเสนอ

การให้บริการแท็กซี่สนามบินเป็นอีกปัญหา ที่ผู้พันปุ่นเห็นว่าต้องปรับระบบให้มีประสิทธิภาพมากขึ้นและยึดหลักความเป็นธรรม โจทย์ที่ น.ต.ศิธา วางไว้ 1.ถ้าเข้ามาอยู่ในระบบทั้งหมดจะทำอย่างไร เพราะนี่คือสนามบินอินเตอร์ ไม่ใช่ตลาดนัดจตุจักร แต่สนามบินเป็นประตูหน้าบ้านของประเทศไทย ต้องจัดระบบให้ดี

2.สนับสนุนให้คนทำมาหากินสามารถเข้ามาทำงานในสนามบินได้ โดยไม่กระทบกระเทือนระเบียบ และไม่ใช่กระจัดกระจาย ไม่ใช่มีใครมากินหัวคิว สมมติจะตั้งเป็นกลุ่มมีคนมาดูแลกันในสัดส่วนที่มีค่าธรรมเนียมในเกณฑ์ที่เหมาะสมไม่ใช่ขูดรีด ก็เป็นการพูดคุยขอร้องกันทีละขั้นตอน

สภาพแบบนี้ถามกันตรงๆ กลุ่มมาเฟียในการท่าอากาศยานฯ เยอะหรือไม่ ประธานบอร์ด ทอท. หน้าใหม่หยุดคิดครู่หนึ่ง “คิดดูแล้วกัน ผู้โดยสารวันหนึ่งไม่ต่ำกว่าแสนคน ฐานลูกค้าพรีเมียมเกรดเอ ก็ไม่ธรรมดา โดยสารเครื่องบินได้แสดงว่าอำนาจในการจับจ่ายใช้สอยทุกเรื่องเป็นตัวเงินได้หมด ตัวหนังสือตัวเดียวแปะไว้ที่การท่าฯ ก็สามารถเป็นเงินได้”

นั่นเป็นคำตอบแหล่งขุมทรัพย์มหาศาล

น.ต.ศิธา คงต้องไปดำเนินการหลายจุด อันดับแรก คนในองค์กรการท่าอากาศยานฯ รู้เรื่องกิจการการบินดีมากที่สุด ที่ผ่านมาอาจมีผลประโยชน์อะไรบ้าง ถ้าไม่สามารถแก้ไขก็ติดขัด เช่น มีผู้มีอิทธิพลเข้ามาเกี่ยวข้อง ดังนั้นจะเจรจาทั้งภายในและภายนอกองค์กร
กรณีดิวตีฟรีอีกแหล่งสร้างรายได้ให้สนามบิน ตั้งแต่ น.ต.ศิธา เข้ามาพบว่าผู้โดยสารมากขึ้น แต่รายได้ในส่วนดิวตีฟรีกลับสวนทาง ดิวตีฟรียังไม่จัดทำระบบตรวจสอบยอดขาย ทั้งที่ในสัญญาระบุว่าเอกชนต้องมีการติดตั้งระบบดังกล่าว

“เขามีระบบภายในแต่เราไม่สามารถเข้าไปดูได้ ในฐานะเจ้าของสถานที่ดูแลตรงนี้ซึ่งเป็นรัฐวิสาหกิจ เป็นภาษีราษฎรน่าจะกำกับดูแลให้เต็มเม็ดเต็มหน่วยให้โปร่งใส และให้ทุกคนรู้สึกว่าตรงนี้มีการตรวจสอบ โดยไม่มีอคติ

“บางคนบอกมีการรั่วไหล บางคนตั้ง|ข้อสังเกตข้อตกลงแบ่งผลประโยชน์ให้เราน้อยเกินไปหรือไม่ เพราะโดยทั่วไปสนามบินระดับโลกแม้ให้บริการอย่างดีที่สุดแล้ว เครื่องบินมาลงมีอัตราส่วนหนาแน่น แต่ปรากฏว่ากิจกรรมที่ไม่เกี่ยวกับการบินสูงถึง 60% แต่สนามบินบ้านเราเหมือนมีห้างสรรพสินค้าเต็มไปหมด ปรากฏว่ามีรายได้ 40% แต่กิจการการบิน 60% จึงมองว่าบางอย่างมันผิดตรงไหน ต้องตรวจสอบ”

"สางมาเฟีย"คืนชีพดอนเมือง

ปัญหาที่เกิดขึ้น น.ต.ศิธา เผยว่า มอบหมายให้ไปเจรจาเอกชนในการทำระบบตรวจสอบแล้ว จากที่แจ้งว่าจะขอเวลา 9 เดือน ก็ให้เร่งเร็วขึ้น เพื่อเห็นว่าคณะผู้บริหารชุดนี้กระฉับกระเฉงว่องไว

คราวนี้กลับมาดูภายในบ้านการท่าอากาศยาน กรณีวิ่งเต้นเด็กฝาก เจ้าตัวไม่ปฏิเสธ “การท่าฯ เนื้อหอม คนฝากทุกวัน บางทีมีข่าวจ่ายเงินจ่ายทองไปก็มี มีทั้งจ่ายได้มาทำงาน จ่ายแล้วไม่ได้ทำงานก็เงียบไป เพราะทำงานไป ธุรกิจมั่นคง โบนัส 7 เดือนครึ่ง สวัสดิการดี ทำงานสนามบินใครๆ ก็อยากมาอยู่ อยากให้ลูกหลานมาทำ อย่างน้อยสบายใจว่าเขาจะได้มีหน้าที่การงานเติบโตตลอด

“ผมบอกว่าไม่ต้องห่วงเลย เรื่องแต่งตั้งโยกย้าย ถ้ามีข่าวว่าตรงไหนหรือมีการจ่ายเงินจ่ายทองแม้แต่บาทเดียวให้มาบอก ถ้าคุณไปจ่ายเขาจะมาสมัคร ถ้าผมรู้ ผิดทั้งคู่ ทั้งคนรับและคนจ่าย ทุกอย่างขอคนมีคุณภาพ เรื่องการฝากฝังต้องยอมรับจะมีมาเรื่อยต้องมาดูจะทำอย่างไร องค์กรต้องแชร์กัน แต่จะบอกว่าฝากทำงานไม่ได้เลยก็กระไรอยู่ ต้องพิจารณาว่าองค์กรต้องการบุคลากรประเภทนี้ไหม กระบวนการคัดเลือกคัดสรรต้องทำให้ดูดี

“เยอะครับ! ทุกจุดทุกงานมีเป็นธรรมดาของทุกองค์กร” เป็นคำกล่าวส่งท้ายยอมรับเด็กเส้นเด็กฝาก ซึ่งประธาน ทอท. ยืนยันไม่ได้นิ่งนอนใจแก้ปัญหา

สายตรงทุบสถิติปธ.บอร์ด

ก้าวสู่ตำแหน่งประธานบอร์ดรัฐวิสาหกิจขนาดใหญ่ ท่ามกลางคำถามมากมาย มาทำไม มาดูแลผลประโยชน์อะไร เกี่ยวกับพรรคการเมืองหรือเปล่า น.ต.ศิธา ตอบตรงไปตรงมา

“ผมเป็นสมาชิกบ้านเลขที่ 111 ตอนนี้ปาเข้า 6 ปีกว่า ผมออกจากการเมือง ไม่ได้เข้าไปยุ่งกับพรรค แต่ยอมรับนะครับ ในเมื่อประเทศเราส่งเสริมให้เป็นประชาธิปไตย ทุกคนต้องออกไปเลือกตั้ง ในใจเขามีพรรคสนับสนุนอยู่แล้ว ผมก็มีพรรคสนับสนุน ถ้าเกิดมีอะไรเรียกใช้ เราก็ช่วยเพราะชอบการบริหารประเทศแนวทางนี้ ขณะเดียวกัน เรามากินเงินเดือนของการท่าฯ เป็นรัฐวิสาหกิจมาจากภาษีของประชาชน ต้องทำทุกอย่างสนับสนุนการท่าฯ อะไรไม่ถูกต้องในอดีต ปัจจุบันถ้าไม่โปร่งใสผิดปกติมาถามได้เลย”

หลังจาก น.ต.ศิธา พ้นจากการตัดสิทธิการเมือง นายกฯ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ปรับ ครม. ท่ามกลางกระแสข่าว น.ต.ศิธา มีชื่อติดโผ แต่สุดท้ายวืด จึงมีการเสนอให้ไปรับตำแหน่งที่ปรึกษา รมว.มหาดไทย (จารุพงศ์ เรืองสุวรรณ รมว.มหาดไทย) นั่งอยู่ในตำแหน่งกุนซือแค่ 2 เดือน อีกฟากหนึ่งมีการส่งสัญญาณให้ปรับเปลี่ยนบิ๊กบอสรัฐวิสาหกิจหลายแห่ง พลาดไม่ได้คือบอร์ดการท่าอากาศยาน หวยล็อกชื่อ น.ต.ศิธา เป็นบอร์ด ก่อนที่ พล.อ.อ.สุเมธ พรหมมณี ลาออกไปเป็นประธานบอร์ดการทางพิเศษแห่งประเทศไทย (กทพ.) เปิดทางให้ น.ต.ศิธา ขยับขึ้นสู่ประธานบอร์ด

ดูจากทำเนียบประธานบอร์ดการท่าอากาศยาน แต่งตั้งมาถึง น.ต.ศิธา แล้ว 17 คน แต่กรณี น.ต.ศิธา สร้างสถิติใหม่บนเก้าอี้นี้หลายประการ ทั้งเป็นประธานบอร์ดอายุน้อยที่สุด เพราะบรรดาประธานบอร์ดอยู่ระดับ 60 อัพ ส่วนใหญ่มาจาก ผบ.ทอ. เสนาธิการทหาร อัตราจอมพล หรือไม่ก็เป็นปลัดกระทรวง อดีตข้าราชการระดับสูง ทว่า น.ต.ศิธา เป็นแค่ระดับนาวาตรีก้าวสู่ตำแหน่งใหญ่

อย่างไรก็ตาม สิ่งที่เหมือนกันคือ ได้รับการสนับสนุนจากการเมือง

“เมื่อก่อนอายุ 60 บวกลบเป็นเฮดองค์กร เรายังต่ำกว่า 50 ห่างจากคนเมื่อก่อนเยอะ แต่ถือว่าท้าทาย” เจ้าตัวมองว่าสาเหตุที่ผู้หลักผู้ใหญ่มอบความไว้วางใจให้มานั่งเป็นประธานบอร์ดคงเห็นว่าถึงเวลาที่การท่าอากาศยานฯ ต้องการความรวดเร็ว ต้องการความคิดคนรุ่นใหม่ ซึ่งในด้านเทคโนไอทีก็มีความรอบรู้ อีกอย่างเคยทำงานการเมืองเป็นโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีมา 2 ปีกว่า สามารถเชื่อมต่อฝ่ายการเมืองได้หมด

"สางมาเฟีย"คืนชีพดอนเมือง

“ถามว่าผมเก่งในบอร์ดหรือไม่ ไม่ใช่ เป็นประธานทำหน้าที่ควบคุมการประชุม นำวาระต่างๆ เข้าพิจารณา ใครจะเข้าเอามาคุยกับผม เรื่องโหวตประธานก็เสียงหนึ่ง ที่ผ่านมาประธานบอร์ดการท่าอากาศยานฯ เป็น ผบ.ทอ.อย่างเดียว อาวุโสสูงสุดในกองทัพ ถามว่าเป็นไง ดีอย่างเสียอย่าง ทำให้เกรงขาม เวลาพูดอะไรออกไป ไม่กล้าขัดไม่กล้าเถียง แต่สำหรับผมเหมือนระดมสมอง ออกความเห็นร่วมกัน”

เส้นทางการเมืองอดีตนักบินเอฟ 16 ได้รับการชักชวนจาก สมยศ ลีลาปัญญาเลิศ สามีคุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธ์ เขาตัดสินใจมาสมัครเป็นสมาชิกพรรคไทยรักไทย ก่อนได้รับเลือกเป็น สส.เมื่อปี 2544 ด้วยเหตุนี้หนีไม่พ้นความสัมพันธ์เครือข่ายคุณหญิงหน่อย

“คนชอบคิดเป็นกลุ่มมุ้งต่างๆ บางส่วนอาจใช่ แต่ในส่วนของผมโตจาก สส.กทม. คุณหญิงสุดารัตน์เป็นประธานภาค กทม. ซึ่งท่านมาจากพรรคพลังธรรมก่อนเป็นไทยรักไทย ผมเดินเข้ามาสมัครเป็นสมาชิกพรรค โดยที่รู้จักสามีคุณหญิงอยู่แล้ว อีกอย่างยุคนั้นคนเป็นทหารมาเล่นการเมืองน้อย และกฎหมายรัฐธรรมนูญตอนนั้น สส.รับตำแหน่งการเมืองอื่นได้ พอทำงานได้สักพัก พี่อ๊อด (พล.อ.ยุทธศักดิ์ ศศิประภา อดีต รมว.กลาโหม) อยากได้คนหนุ่มๆ มาช่วยงาน ผมได้รับตำแหน่งเลขานุการ รมว.กลาโหม กระทั่งคุณหญิงสุดารัตน์ไปเป็น รมว.เกษตรและสหกรณ์ ผมก็มาเป็นเลขาฯ รมต.เกษตรฯ”

ความที่หน้าตาดีมีชัยไปกว่าครึ่ง ต่อมาจึงได้รับแต่งตั้งเป็นโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กระบอกเสียงรัฐบาลข้างกาย พ.ต.ท.ทักษิณ อดีตนายกฯ ก่อนไปเป็นรองเลขาธิการนายกฯ สร้างสมประสบการณ์งานการเมืองมากขึ้น

“ผมพูดได้เต็มปาก ณ เวลานั้นท่านทักษิณเป็นนายกฯ ได้ดีที่สุด ถ้าไม่เป็นนายกฯ ให้เป็น รมว.คลัง ท่านก็เป็น รมต.คลังเก่งที่สุด จะมาเป็น รมว.พาณิชย์ หรือมหาดไทย ก็บริหารจัดการดีที่สุด ท่านเป็นหัวหน้าองค์กร ซึ่งผมมองว่าเก่งกว่าลูกน้องทุกคนที่นั่งในตำแหน่งในทุกเรื่อง” ประธานบอร์ดการท่าอากาศยานฯ ผู้มีคอนเนกชันการเมือง กล่าว