posttoday

ควบบิ๊กไบค์หลบการเมือง

02 กุมภาพันธ์ 2556

ชีวิตทุกวันนี้ 70% เป็นฟุตบอล อีก 30% เป็นมอเตอร์ไซค์ ถ้าจะถามเรื่องการเมืองคุยเรื่องการเมืองจะไม่ขอพูด

ชีวิตทุกวันนี้ 70% เป็นฟุตบอล อีก 30% เป็นมอเตอร์ไซค์ ถ้าจะถามเรื่องการเมืองคุยเรื่องการเมืองจะไม่ขอพูด

โดย..ชัยรัตน์ พัชรไตรรัตน์

ทำบอล3ปี ดังกว่าการเมือง20 ปี
         
ห่างหายจากหน้าสื่อการเมืองไปนานสำหรับ"บิ๊กเน" เนวิน ชิดชอบ แกนนำพรรคภูมิใจไทย "กลุ่มเพื่อนเนวิน"ซึ่งหลายคนคิดว่าคงมัวไปซุ่มทำทีมฟุตบอล "บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด" หรือปราสาทสายฟ้า ให้แข็งแกร่งขึ้น หลังจากฤดูกาลที่ผ่านมาไม่สามารถกวาดแชมป์ได้ตามเป้า   ทว่าผิดคาดเมื่อ"เนวิน" พลิกบทบาทมาทุ่มเท"บิ๊กไบค์" ไปซะงั้น
         
ที่ไปที่มาของการพลิกบทบาท จากนักการเมืองชื่อดังมาเป็นผู้จัดการทีมฟุตบอล แล้วผันตัวไปเป็นนักบิดบิ๊กไบค์นั้น "เนวิน" ได้เปิดใจกับโพสต์ทูเดย์ด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยความสุข
         
"ชีวิตทุกวันนี้ 70% เป็นฟุตบอล อีก 30% เป็นมอเตอร์ไซค์" เนวิน กล่าว พร้อมตั้งข้อแม้ว่า ถ้าจะถามเรื่องการเมืองคุยเรื่องการเมืองจะไม่ขอพูด
         
เนวิน บอกว่า จริงๆ แล้วต้องพูดคำเดียวกับสโลแกนของ "ช้าง" คือ ชีวิตของเรา...ใช้ซะ เพราะว่าชีวิตเรา เราไม่ใช้ แล้วจะรอให้ใครมาใช้ จะเอาชีวิตเราให้คนอื่นมาใช้มันไม่มีความสุขก็อย่าไปทำทุกวันนี้ครอบครัวมีความสุข ผมมีความสุข ชีวิตเป็นนักการเมืองร่วม 20 ปี ไม่ได้รับความรักหรือความยอมรับจากประชาชนมากเท่ากับมาทำฟุตบอลแค่ 3 ปี
         
เนวิน ยอมรับว่า หลายปีบนเส้นทางการเมืองยอมรับเหนื่อยมาเยอะลำบากมามาก เลยตั้งใจกับชีวิตว่า 55 ปี จะเกษียนทางการเมือง เพื่อเปิดโอกาสให้คนรุ่นใหม่เข้ามา แต่ไม่มีใครเชื่อเพราะประวัติศาสตร์การเมืองประเทศไทยมันไม่มีนักการเมืองยอมเกษียนตัวเอง นอกจากถูกชาวบ้านไม่เลือก บางคนไม่เลือกแล้วยังไม่เลิกก็เยอะแยะชีวิตก็ไม่อยากอยู่ในสภาพแบบนั้น
         
เนวินตอกย้ำน้ำเสียงแห่งความสุข วันนี้ต้องบอกว่าได้เจอสิ่งที่เป็นความสุขสำหรับชีวิตแล้ว จึงเลือกเส้นทางนี้ เพราะฉะนั้นการขี่บิ๊กไบค์ก็เหมือนกับ1.เราต้องอยู่บนความไม่ประมาท เพราะถ้าไม่มีสมาธิสติไม่ดี ขับไม่ได้ 2.มอเตอร์ไซค์มันเหมือนอยู่ในโลกของตัวเอง อยู่คนเดียวไม่มีใครมาวุ่นวายกับเรา อยากคิด อยากทำอะไรก็อยู่ในหัวของเราเอง มันเป็นความสุข
         
"ช่วงนี้ใช้ชีวิตกับมอเตอร์ไซค์เยอะมากตลอด 1 ปีผมไม่รู้ว่าในประเทศไทยใครขี่ขนาดไหน แต่ว่าตัวผม1 ปี กับ KTM 990 Adventure ก็ 4.6 หมื่นกว่ากิโลเมตร ไปตั้งแต่เหนือจรดใต้ หรือทุกที่ที่อยากไป ไปถนนทุกเส้นที่เขาบอกว่ามันโหดมันสนุก โค้ง-เขาให้อารมณ์ความรู้สึก"
        
 เนวิน เล่าว่า ชีวิตทุกวันนี้ถ้าเข้ากรุงเทพฯก็มีอยู่ 2 อย่าง คือ 1.เครื่องบินและ 2.มอเตอร์ไซค์ เดินทางไปที่ไหนในประเทศไทย มีแค่เครื่องบินกับมอเตอร์ไซค์เท่านั้นรถยนต์แทบไม่ใช้เลย รถยนต์ใช้ในชีวิตประจำวันแทบจะไม่ถึง 5% ใน1 ปี นอกนั้นก็มอเตอร์ไซค์กับเครื่องบินซ้ำไปซ้ำมา
         
บิ๊กเนพูดหยิกแกมหยอก ตอนนี้เริ่มคิดว่าปี 2556 คงต้องเอามอเตอร์ไซค์สักคันไปทิ้งไว้ในกรุงเทพฯเพราะพิษของรถยนต์คันแรกคงจะเบ่งบานในปี2556 คงจะติดมโหฬาร และเดี๋ยวนี้พอนั่งรถปั๊บ เห็นคนขี่มอเตอร์ไซค์ แล้วคัน แบบว่าคันอย่างบอกไม่ถูกมันอึดอัดอยู่กับการนั่งบนรถ อยากไปให้ถึงเร็วๆปู๊ดป๊าดๆ มุดไป
         
ทั้งนี้ ยอมรับว่ามีคนทักท้วงเยอะที่จะเอามอเตอร์ไซค์มาขี่ในกรุงเทพฯ แล้วใครจะตาม ผมก็บอกไปว่าไม่ต้อง ขี่คนเดียว ไปคนเดียว สนุกดีมีความสุข แต่สิ่งที่ดีใจสุดในชีวิต คือ ความพยายามทั้งชีวิตเพื่อตอบแทนคนบุรีรัมย์บนเส้นทางการเมืองมันไม่สามารถสร้างความสุขให้กับคนบุรีรัมย์ได้มากเท่ากับเลิกเล่นการเมืองและมาทำฟุตบอล
         
"ทุกวันนี้คนบุรีรัมย์มีแต่รอยยิ้ม เศรษฐกิจในบุรีรัมย์ดีขึ้น พอขี่มอเตอร์ไซค์ไปแล้ว เห็นมี ไอ-โมบาย สเตเดี้ยม การมี บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด คนมาบุรีรัมย์เพิ่มขึ้น จากคนไม่เคยมาเลย เดี๋ยวนี้เฉลี่ยนักท่องเที่ยววันหนึ่งเป็น 1,000 คน มีการจับจ่ายใช้สอย ผู้คนมีความสุข ราคาที่ดินขึ้น โรงแรมมีคนพัก ร้านอาหารมีคนกิน ทุกอย่างดีขึ้นไปหมด" n
         

ทุ่มพันล้านเนรมิตบุรีรัมย์
         
เนวิน บอกว่า ปี 2556 จะเป็นปีที่ทำงานหนักอีกปีหนึ่งสำหรับตัวเอง โดยตั้งใจว่าปี 2557 จะเป็นปีที่บุรีรัมย์จะขึ้นมาเป็น 1 ใน 5 ของจังหวัดประเทศไทยที่มีคนอยากมามากที่สุด
         
"จะยกบุรีรัมย์ให้เป็นเมืองสปอร์ตแอนด์มอเตอร์สปอร์ต โดยเราเตรียมที่จะทำสนามแข่งรถยนต์ มอเตอร์ไซค์ทางเรียบ และสนามซูเปอร์ครอส ไว้สำหรับมอเตอร์ไซค์วิบาก พร้อมมีเป้าหมายจะใช้เวลาก่อสร้างประมาณปีเศษๆ ระหว่างกลางปี 2556 เสร็จประมาณต้นปี 2557 บนเนื้อที่ 500 ไร่ด้วยงบประมาณก่อสร้าง 1,000 ล้านบาท"
         
ทั้งนี้ เงินดังกล่าวสามารถกระตุ้นระบบเศรษฐกิจของบุรีรัมย์ เพราะปีหนึ่งๆ มีเงินสะพัดในหลายร้อยล้านบาท ซึ่งทั้งหมดเป็นการร่วมทุนกับภาคเอกชน และตัวเป็นแกนหลัก รวมถึงครอบครัว พรรคพวกจากต่างประเทศ ไม่มีงบประมาณ ไม่มีอะไรเกี่ยวข้องเป็นเรื่องPrivate Sector มาร่วมลงทุน เพื่อชีวิตที่ดีขึ้นของคนบุรีรัมย์
         
อย่างไรก็ดี ผมคิดว่าการเป็นเมืองฟุตบอลวันนี้ มาถึงจุดที่เรียกว่าดีที่สุดในประเทศ แต่สิ่งที่กำลังจะทำ คือ มอเตอร์สปอร์ต เพราะฉะนั้นปี 2557 เราจะมีสนามทางเรียบที่ดีที่สุดในประเทศไทย ความยาวประมาณเกือบ 5 กิโลเมตร สามารถใช้เป็นสนามแข่งโมโตจีพี หรือซีรีส์ 3 ได้ แล้วมีสนามซูเปอร์ครอสที่ดีที่สุดในประเทศไทย ให้สำหรับคนที่มีหัวใจรักกีฬาด้านนี้ ให้มาใช้ชีวิตที่บุรีรัมย์
        
นอกจากนี้ ยังมีโปรเจกต์แมนเนเจอร์ ให้หลานชายซึ่งเป็นคนรักมอเตอร์ไซค์ รถยนต์อยู่แล้ว มาเป็นผู้จัดการดูแล ซึ่งทุกอย่างต้องใช้ความเป็นมืออาชีพเข้ามาจัดการ ผมยืนยันว่าสนามที่เราทำเสร็จ จะดีกว่าไทยแลนด์เซอร์กิต นครชัยศรี ดีกว่าพีระอินเตอร์เนชั่นแนลเซอร์กิต ดีกว่าสนามแข่งรถโบนันซ่าสปีดเวย์ เขาใหญ่ เป็นสนามที่แบบคนไทยไม่อายใครในเอเชีย
         
เนวิน ยังแย้มว่า เฉพาะค่าออกแบบอย่างเดียว โดยจ้างวิศวกรจากต่างประเทศในโซนยุโรปเป็นล้านยูโร และเหตุที่ต้องจ้างเพราะต้องการให้สนามได้ไลเซนส์จากสมาพันธ์กีฬาแข่งรถนานาชาติ หรือ FIA (Federation Internationale de l'Automobile) และสหพันธ์จักรยานยนต์นานาชาติ หรือ FIM (Federation Internationale de Motocyclisme) เหมือนกับสนามฟุตบอลที่ต้องได้มาตรฐานจากฟีฟ่าทำสนามรถยนต์หรือมอเตอร์ไซค์ทางเรียบก็ต้องได้มาตรฐานเช่นกัน
         
"ประเทศไทยเองสนามแข่งรถยนต์ หรือมอเตอร์ไซค์ หรือซูเปอร์ครอสเองก็ตามสนามดีที่สุดอยู่ในแค่คลาสซี ในจำนวนที่เรามีสนามมา แต่เป้าหมายเราก็จะสร้างสนามแข่งเอฟ วัน ได้แต่เป้าหมายหลักจริงๆ ต้องการให้แข่งได้ในระดับแคส 2 คือ ประมาณซีรีส์ 3 ของซูเปอร์คาร์กับโมโตจีพี แล้วผมคิดว่าตรงนั้นมันจะเป็นอะไรที่ใครๆ ก็คิดถึงบุรีรัมย์ ผมจะได้เห็นว่าบรรดาคนที่มีหัวใจชอบมอเตอร์สปอร์ตทั้งหลาย ทั้งรถยนต์มอเตอร์ไซค์ ทั้งทางเรียบและวิบาก ทุกวีกเอนด์ ทุกเสาร์-อาทิตย์ จะมาอยู่ที่บุรีรัมย์ มาใช้ชีวิตที่บุรีรัมย์ จะเป็นโอกาสหนึ่งที่จะทำให้คนบุรีรัมย์มีรายได้"
         
เนวินได้ยกตัวอย่างผลดีหากทำได้ เช่นต่างประเทศ อย่างสหรัฐอเมริกา ในลาสเวกัส เป็นทะเลทราย แต่สร้างกาสิโนคนก็ไปกัน แต่เมืองไทยสร้างไม่ได้ และผมก็ไม่คิดจะทำ แต่เราคิดว่าการทำให้เป็นเมืองสปอร์ตแอนด์มอเตอร์สปอร์ต มันจะเป็นอะไรที่สามารถดึงดูดให้คนมาที่นี่ และอาจเป็นโชคร้ายของคนบุรีรัมย์ที่เกิดมาไม่มีทะเลไม่มีภูเขา ทุกอย่างแม้เป็นฟ้าลิขิต แต่คนก็สามารถคำนวณได้ ดังนั้นสิ่งที่อยากทำในชีวิตที่ยังเหลือ ทำให้ที่นี่เป็นเมืองฟุตบอลแอนด์มอเตอร์สปอร์ต
         
นอกจากนี้ เนวิน บอกว่า เมื่อทำสนามเสร็จ และเมื่อเราจะเป็นเมืองมอเตอร์สปอร์ต ก็จะมีอะคาเดมี เปิดคลินิกมอเตอร์ไซค์ คลินิกรถยนต์ ให้กับมือใหม่ เด็กๆ เพื่อให้เรียนรู้หลักการขับปลอดภัย ทำควบคู่กันไปด้วย
        
 มอเตอร์ไซค์อวัยวะที่33
         
เนวินได้เล่าบรรยากาศการออกทริปแต่ละครั้งว่าสนุก ชีวิตก็เหมือนคนที่ขี่บิ๊กไบค์ทั่วๆ ไปแต่ "เซราะกราว (บ้านนอก) คลับ" ใน 1 ปีที่ผ่านมา มีคนอยากเป็นสมาชิกเยอะมาก จนทุกวันนี้มีสมาชิกทั้งสิ้น 80 คัน
         
มีคนพูดถึงกลุ่มเซราะกราวขี่โหดมาก เนวินบอกว่า เรามีหลักเกณฑ์ จะต้องซ้อมกันทุกวันด้วยการขี่ในแทร็กตลอด เพื่อสร้างความเคยชินกับรถ วันหนึ่งขี่กันในแทร็กประมาณ 50-70 กิโลเมตร แล้วแต่สภาพถนนที่จะไป ต้องเรียนรู้การขับขี่ร่วมกัน ว่าห้ามแซงซ้าย หรือเวลาไปด้วยกันเรียงลำดับแล้ว 1-2-3-4-5 เป็นยังไง รถคันไหนเสีย คันไหนจะต้องตาม ใครมาเป็นมาร์แชล ทุกอย่างมีกฎกติกาในการรวมกลุ่ม
        
เนวิน ย้ำว่า หากใครไม่มาร่วมซ้อม ไม่มาขี่ในแทร็ก หรือคนในกลุ่มเห็นแล้วว่าฝีมือไม่ถึงหรือมีถึงแต่ขับขี่โลดโผน ไม่รักษากฎระเบียบ ก็ไม่ให้มาอยู่ในกลุ่ม เพราะจะทำให้คนอื่นเดือดร้อน ทั้งประชาชนที่สัญจรไปมาในถนน หรือกลุ่มด้วยกันเองมันก็ไม่ปลอดภัย
         
"ผมยึดเสมอว่า มอเตอร์ไซค์ต้องเป็นอวัยวะชิ้นที่ 33 ของร่างกาย มันต้องขี่แบบสั่งได้เลยเหมือนเรายกมือ กระดิกนิ้ว เราต้องสัมพันธ์กับมัน และเรียนกับมันได้ขนาดนั้น เพราะไม่อย่างนั้น ไม่ใช่มีตังค์แล้วขี่เอาเท่ คือ เรารักมัน ชอบมัน ก็ต้องบอกว่าถ้าไม่พูดถึงเรื่องครอบครัวแล้วฟุตบอล ก็มอเตอร์ไซค์ มันคือที่สุดสำหรับผม"
         
เนวิน อธิบายนิยามคำว่าขี่โหดว่า ไม่รู้สิ อาจเป็นเพราะออกจากบุรีรัมย์ 08.00 น. ไปถึงเชียงใหม่ 17.00 น.
         
"เราก็ขี่อย่างนี้ บางวันอากาศกลางวันไม่ค่อยร้อนเท่าไหร่ มันขี่ไม่สนุก ก็ออกจากบุรีรัมย์20.00 น. ถึงกรุงเทพฯ 23.30 น. ไปนอน เช้าทำธุระเสร็จเย็นขี่รถกลับถึงบุรีรัมย์ 22.00-23.00 น. มันก็โอเค ไม่เสียงาน ได้เวลา มีความสุข แต่เดี๋ยวนี้ติดออกกลางคืนมากหน่อย ส่วนใหญ่จะเห็นขี่ที่เขาใหญ่ เดือนหนึ่งประมาณ 2 หน ไปกินข้าวกลางวันเขาใหญ่ ไปกินข้าวกลางวันที่สุรินทร์ หรือขี่ไปกินข้าวเช้ากรุงเทพฯ แม้จะใช้เวลาเยอะบนถนน แต่เราก็มีความสุขกับมัน"
         
ประธานสโมสรบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ออกปากด้วยว่า คลับเราไม่ได้ปิดกั้น ถ้าใครคิดจะร่วมหรือเด็กๆ ที่ชอบความเร็ว ขับ 250 ซีซี หรือต่ำกว่านั้น อยากจะเข้าแทร็ก เราก็ให้ขี่ แต่ต้องเริ่มไล่ไปตามลำดับ เช่น สลาลม เลขแปดเล็ก เลขแปดใหญ่ แล้วถึงจะให้มาขี่แทร็ก เพราะต้องฝึกการมอง มันไม่ใช่ขี่ยังไงก็ได้ ต้องรู้ว่าเข้าโค้งเข้ายังไง มองโค้งมองยังไง เพราะถ้าคนไม่เข้าใจแหกโค้งตลอด การบังคับรถ ทุกคนที่เข้ามาต้องรู้เรื่องการเอนจินเบรกเป็นหมด เพราะการใช้เบรกเฉยๆ กับการขี่บิ๊กไบค์อันตรายมาก
         
เพราะฉะนั้น สิ่งแรกที่เราจับเมื่อขึ้นรถปั๊บจะเริ่มสอนเรื่องเอนจินเบรกทันทีทางตรง เอนจินเบรกยังไง ไม่ให้รถเสียการทรงตัว เพิ่มความเร็วขึ้นเรื่อยๆจนกระทั่งความเร็วมาที่ 150-160 กิโลเมตรต่อชั่วโมง คุณสามารถไล่ 6-5-4-3-2-1 แล้วรถไม่มีปัญหาอยู่ได้นิ่ง ภายในระยะทางที่สั้นที่สุด เพราะเวลาขับจริงตามท้ายกันมา ห่างไม่เกิน 20 เมตร ดังนั้นเรื่องเอนจินเบรกเป็นหัวใจสำคัญ
         
ทริปไหนชอบที่สุดกับการไปต่างจังหวัด เนวินบอกว่า ทริปที่เพิ่งไปมา 8 วัน 3,600 กว่ากิโลเมตร เราไปกัน 45 คัน ไม่มีอุบัติเหตุเลย เนื่องจากมีการซักซ้อมทำความเข้าใจกันตลอด เพราะการขี่รถ 45 คัน 8 วัน 3,600 กิโลเมตร ออกจากบุรีรัมย์ไปนอนเชียงคาน ออกจากเชียงคานไปนอนน่าน ออกจากน่านไปนอนเชียงแสน ออกจากเชียงแสนไปนอนเชียงใหม่ ออกจากเชียงใหม่ไปนอนที่แม่ฮ่องสอน จากแม่ฮ่องสอนไปนอนแม่สอด จากแม่สอดมานอนกรุงเทพฯจากกรุงเทพฯ กลับบุรีรัมย์ ก็เป็นอะไรที่แบบ อืม... โดยเฉพาะแถวน่านต้องบอกตรงๆ ว่า ใครบอกว่าไปปาย แม่ฮ่องสอน มันขี่โหดขี่สนุก ผมว่าแถวปัว แถวน่าน เป็นอะไรที่แบบสุดๆสำหรับคนขี่บิ๊กไบค์
         
เนวิน ยังเล่า ถึงแผนจะไปที่ไหนต่อจากนี้ คือการขับไปที่สิบสองปันนา อยู่ประมาณ 4-5 วันและนอกจากนี้ยังมีโครงการขี่ทางไกลข้ามประเทศ ซึ่งกำลังอยู่ระหว่างการคุยกันในคลับว่า ประมาณซัมเมอร์หน้าที่อังกฤษ โดยจะขี่จากลอนดอนไปสกอตแลนด์ ไปเป็นกรุ๊ปประมาณ10 คัน เพื่อไปเซอร์เวย์ทางก่อนพาพวกตามไปหลัง  จากนี้
         
ควบKTMเหมือนได้อยู่กับกิ๊ก

         
เมื่อคุยถึงเรื่องมอเตอร์ไซค์หลายคนอยากรู้ว่าภรรยาสุดเลิฟ "ซ้อต่าย" กรุณา ชิดชอบ จะบ่นอะไรหรือไม่ เนวิน (พูดเสียงสูง) เจ้านายนะหรือ มีปัญหาอยู่บ้าง คือ จะคอยดูว่าใส่หมวกกันน็อกไหม เซฟตีไหม ทุกอย่างก็ได้จากภรรยาเวลาที่เขาไปเดินช็อปปิ้งที่ไหน พอเจออุปกรณ์ใช้ขี่ เช่น เสื้อหนังสวยๆ ก็จะซื้อมาให้ บางทีมีอุปกรณ์ออกใหม่ เช่น เสื้อแอร์แบ็ก เขาก็จะซื้อมาให้ใส่ ทุกอย่างเป็นเรื่องปลอดภัยรถรุ่นใหม่ออกมาก็ถามว่า ชอบไหมรุ่นนี้ อะไรอย่างนี้สนับสนุนอย่างเดียว ขี่กลางคืนก็ไม่ว่า ไปทริปหนึ่ง 5 วัน 8 วัน ก็ไม่บ่น
         
มีหลายคนสงสัยทำไมถึงเลือกขับเจ้า KTM 990 Adventure เนวิน ให้เหตุผลว่า ผมว่ามันไม่จุกจิก และอีกอย่างผมชอบขี่สไตล์Adventure แล้ว Adventure ทนที่สุดมันไม่มีอะไรสู้เจ้ายี่ห้อนี้ได้ และโดยตัวผมเองขี่มา เวลาสาดโค้ง และสภาพถนนในประเทศไทย มันมีคลื่นมีหลุม มีอะไรเยอะแยะไปหมด การทรงตัวมันดีมาก แล้วมันไม่จุกจิก กระแทกยังไงก็ได้ผมลองขี่มาหมด BMW ก็ขี่
         
ความรู้สึกการขับขี่ KTM เมื่อกับยี่ห้ออื่นเนวิน บอกให้เห็นภาพชัดเจน เช่น ขี่ BMW เหมือนไปกับเมีย แต่ขี่ KTM ก็เหมือนไปกับกิ๊กวันนี้เราอารมณ์ขี่รถมันก็ต้องประมาณอารมณ์นี้ เพราะการขี่รถมันต้องเป็นอารมณ์ ถ้าขี่แล้วรู้สึกเรื่อยๆเฉื่อยๆขี่ทำไม นอนอยู่บ้านดีกว่าหรือนั่งรถยนต์ให้คนอื่นเขาขับสบายกว่าถ้าจะขี่แล้วมันต้องได้อารมณ์ แล้วมันต้องโดนในหัวใจด้วย มันถึงจะโอเค
         
สำหรับความเร็วที่เคยใช้ เนวิน ยอมรับว่าไม่เคยดูสักครั้ง ประมาณ 8,000 กว่ารอบ ก็คงต้องไปคำนวณเองว่าเท่าไหร่ ส่วนพวกตามไม่ทัน ไม่มี เพราะเรายึดในวินัย ต้องไปให้ได้ทั้งกลุ่ม ความสำเร็จของการขี่บิ๊กไบค์ คือ ทำอย่างไร ก็คือออกทริปร่วมกันแล้วไม่มีอุบัติเหตุถึงที่หมายปลายทางปลอดภัย
         
นอกจากนี้ เนวิน ยังแนะนำมือใหม่รวมถึงบุคคลทั่วไปที่ต้องการขับขี่รถประเภทนี้ คือ ต้องมีอุปกรณ์หลักสำคัญ เช่น กางเกง ถุงมือ สนับเข่า การ์ดศอก เสื้อแอร์แบ็ก หมวกกันน็อก อันนี้เป็นเรื่องที่คาดไม่ได้พร้อมทั้งย้ำว่า ใครอยากขี่ การเรียนรู้ทักษะเป็นเรื่องสำคัญเช่นการสลาลม ทรงตัวรถ การเลี้ยว วนซ้าย วนขวา มันต้องได้หมด ถ้าหากผ่านตรงนี้ไปได้ก็สามารถขับขี่ได้อย่างปลอดภัย