posttoday

ระวังฉันทามติ"เหนือเมฆ"

10 มกราคม 2556

ถ้ามองข้าม โดยใช้อำนาจเฟอะฟะทำลายความรู้สึกผู้คนอย่างนี้ไปเรื่อยๆจะเป็นการสะสมความเกลียดชังทับถมทวี

โดย....ขำ เคืองใจ

ในขณะที่สังคมคนธรรมดาต่างมีวิถีชีวิตตามเส้นทาง จะเป็นชาวนาชาวไร่  ข้าราชการ ศิลปินดาราฯลฯ ต่างมีหน้าที่ประกอบสัมมาอาชีพเป็นไปอย่างปกติ 

แต่ที่ไม่ปกติเห็นจะเป็นสังคมของนักการเมืองที่มักจะทำอะไรในลักษณะมาเหนือเมฆเสมอ ชนิดที่ทำให้ผู้คนทั่วไปคาดไม่ถึง พฤติการณ์ของเหล่านักการเมืองมักทำให้ผู้คนต้องพลอยรับผลการกระทำของนักการเมืองเหล่านี้ไปด้วย 

อย่างสภาพของบ้านเมืองที่เป็นไปอย่างปกติแท้ๆ  แต่จู่ๆนักการเมืองผู้ได้อำนาจ ก็คิดอ่านจะแก้ไขรัฐธรรมนูญ  โดยอ้างบ้านนี้เมืองนี้ถูกครอบงำด้วยอำนาจเผด็จการ จึงต้องแก้ไขให้เป็นประชาธิปไตย  ก็ไม่รู้ว่ายังอยากได้ประชาธิปไตยอภิมหาอลังการ์กันไปถึงไหน  เพราะสังคมคนหาเช้ากินค่ำที่ดำเนินชีวิตมาได้ถึงข้ามปี ไม่ปรากฎว่ามีใครลงแดงตายสักรายหากไม่ได้มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญให้คนหนีคุกได้กลับประเทศ

แต่สิ่งที่พวกเขาเดือดร้อนในขณะนี้ คือปัญหาข้าวยากหมากแพงซะมากกว่า 

การแก้ไขรัฐธรรมนูญทำให้ประชาชีมีเงินในกระเป๋าพองขึ้นบ้างไหมหรือว่าทำให้เกิดรายการวางบิลเพื่อนำไปแลกบ้านหลังโตมูลค่านับสิบล้านเป็นรางวัลให้กับนักการเมืองผู้ภักดีเท่านั้น

แม้แต่การปรับค่าแรงขั้นต่ำ 300 บาท ที่นัยหนึ่งเป็นผลดีต่อผู้ใช้แรงงาน แต่พ่นพิษตามมาเมื่อสถานประกอบการต่างจังหวัดปรับตัวไม่ทัน หรือไม่อยากปรับตัว ประกาศปิดโรงงานต้อนรับปีใหม่ล้วนเป็นผลกระทบจากนโยบายของคณะนักการเมือง 

เมื่อการแก้ไขรัฐธรรมนูญไม่ได้ทำให้ชีวิตประชาชนดีขึ้น แต่ประชาชนต้องถูกกำหนดให้เข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องโดยนักการเมืองที่ไม่ได้รู้จักหน้าที่ว่าควรทำอะไรเพื่อประชาชนแต่ไปทำเพื่อคนใดคนหนึ่ง  ให้เข้าคูหาไปร่วมกำหนดชะตากรรมการแก้ไขรัฐธรรมนูญด้วยการลงประชามติ และก็มีอะไรต่อมิอะไรเกิดขึ้นตามมา จากความคิดเห็นในหลายมุมมองทางข้อกฎหมายจะนำไปสู่ความขัดแย้งกลายเป็นการเคลื่อนไหวของกลุ่มคนมาเผชิญหน้ากันระลอกใหม่  เหล่านี้ก็มาจากตัวต้นเหตุคือนักการเมืองที่ไม่อยากอยู่อย่างปกติอีกนั่นเอง

เรื่องของนักการเมืองที่เป็นส.ส.ควรทำหน้าที่แทนประชาชน เป็นปากเป็นเสียง  สร้างประโยชน์เพื่อความผาสุขของประชาชน  แต่ใช้หน้าที่ไม่ถูกทางแถมยังไม่รู้จักหน้าที่ตัวเองเสียอีกไปทำเรื่องไม่เป็นเรื่องให้เกิดความวุ่นวายในบ้านเมืองอย่างไม่รู้จบ

แม้แต่เรื่องราวความบันเทิง มิวายที่นักการเมืองยังขอเข้าไปใส่เกือกด้วยคนบานปลายกลายเป็นประเด็นขึ้นมาจนได้    อย่างกรณี “ละครเรื่องเหนือเมฆ ภาค 2 ตอน จอมขมังเวทย์”  ทางสถานีโทรทัศน์ช่อง3 นั่นปะไร

ไม่ขอเท้าความเนื้อหาของเรื่อง  แต่เป็นกระแสขึ้นมาจากการที่ช่อง 3 งดเผยแพร่กระทันหัน ด้วยการอ้างเนื้อหาไม่เหมาะสม แถมมาได้ข้อมูลเพิ่มเติมจาก กสทช.รายหนึ่งอ้างผู้บริหารช่อง 3 ให้เหตุผล  ขัดต่อมาตรา 37 ตาม พ.ร.บ.การประกอบกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์ 2551 ระบุไว้ว่า  “ห้ามมิให้ออกอากาศรายการที่มีเนื้อหาสาระที่ก่อให้เกิดการล้มล้างการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข หรือที่มีผลกระทบต่อความมั่นคงของรัฐความสงบเรียบร้อยหรือศีลธรรมอันดีของประชาชน หรือมีการกระทำซึ่งเข้าลักษณะลามกอนาจาร หรือมีผลกระทบต่อการให้เกิดความเสื่อมทรามทางจิตใจหรือสุขภาพของประชาชนอย่างร้ายแรง”  

แฟนละครอ่านเหตุผลแค่นี้พิจารณาเอาเองแล้วกัน

ที่แน่ๆ ตั้งแต่เริ่มต้นปีผ่านมาถึงบัดนี้ ยังมีเสียงวิพากษ์วิจารณ์ทั่วบ้านทั่วเมือง โดยเฉพาะสาวกโซเชียลมีเดีย ที่มีการโพสต์ข้อความหนักไปทางโจมตีนักการเมืองผู้มีอำนาจเละไม่มีชิ้นดี 

นักการเมืองผู้มีอำนาจพึงคิดคำนึง  เรื่องใดเกิดขึ้นตามกระแสมีการโพสต์ข้อความเพิ่มจำนวนต่อเนื่อง  ซึ่งไม่ใช่จำนวนหลักหมื่น แต่เพิ่มพรวดเป็นหลักแสน  อีกทั้งกระจายไปตามเครือข่ายของผู้มีมุมมองต่อเรื่องนี้

จำนวนโพสต์สามารถนำมาแปลงได้เป็นทั้งพลังสนับสนุนและต่อต้าน 

จากวงเล็กๆแค่หมู่คนบันเทิงกระจายไปเป็นสังคมในโซเชียลมีเดียขยายวงกว้างสู่สาธารณะ มันย่อมไหลรวมเป็นพลังยิ่งใหญ่

ตรองคิดดูถึงพลังยิ่งใหญ่เหล่านี้ ถ้ารู้จักบริหารความรู้สึก ย่อมเป็นผลตอบสนองกลับในทางที่ดี โดยเฉพาะการที่นักการเมืองคิดอ่านทำเรื่องดีๆให้กับประเทศชาติ ย่อมได้รับ “ฉันทามติสนับสนุน”

แต่ถ้ามองข้าม โดยใช้อำนาจเฟอะฟะทำลายความรู้สึกผู้คนอย่างนี้ไปเรื่อยๆจะเป็นการสะสมความเกลียดชังทับถมทวี ถึงวันหนึ่ง การจะขอความร่วมมือทำการใดในอนาคตเป็นไปด้วยความยากลำบาก

อย่างนักการเมืองลำพองตน ประกาศกร้าว “การหา 24 ล้านเสียงออกมาประชามติก่อนแก้ไขรัฐธรรมนูญเป็นเรื่องหมูๆ อยู่แล้ว “  แต่ขอโทษด้วย ประชาชนคนไทย มีสมอง มีความคิดอ่าน  ไม่ใช่ หมู หมา กาไก่ ให้นักการเมืองดูถูกเหยียดหยามไล่ต้อนออกมาง่ายๆ 

หรือแม้แต่นักการเมืองบางตนอีกเช่นเคย เที่ยวคุยโวโอ้อวดส่งใครลงสมัครผู้ว่ากทม.ก็ชนะแม้แต่เสาไฟฟ้า 

โปรดพึงระวังเถอะ พฤติการณ์กร่าง ลุแก่อำนาจลักษณะนี้ ประชาชนจะให้บทลงโทษชนิดมาเหนือเมฆ