"ไอดอล"ชอบวางระเบิด
ต่อให้เสถียรภาพรัฐบาลแข็งแกร่ง แต่ถ้ารัฐบาลสะสมปัญหาการทุจิรตคอร์รัปชั่น โดยไม่รีบสะสาง ไม่ว่ารัฐบาลไหนก็ล่มสลายด้วยกันทั้งนั้น
โดย....ขำ เคืองใจ
ระเบิดเวลาการเมือง หาได้เกิดจากฝ่ายใดเป็นผู้กำหนด แต่ล้วนก่อเกิดจากฝีมือคนในรัฐบาลวางไว้ตามรายทางทั้งนั้น ที่เห็นและเป็นอยู่ รัฐบาลปูยิ้มสวยกำลังทำอะไรไว้ลองไล่ดูบ้างปะไร
โครงการรับจำนำข้าว ที่ทุกฝ่ายไม่ว่าจะเป็นภาควิชาการ ฝ่ายการเมือง หรือแม้แต่องค์กรอิสระ พยายามชี้แนะตรวจสอบกำลังส่งสัญญาณร้ายไปสู่หายนะชาติ เห็นจะมีแต่คนในรัฐบาลเท่านั้นยืนกระต่ายขาเดียว คุยฟุ้งเป็นนโยบายดีเลิศประเสริฐศรี แถมพยายามดันหลังชาวนาออกมาช่วยเชิดชูรัฐบาล ด้วยคำกล่าวอ้าง ถ้าไม่มีรัฐบาลนี้เกษตกรอยู่ไม่ได้ ไม่มีทางได้รับเงิน 1.5 หมื่นบาท เหมือนอย่างที่ยิ่งลักษณ์กล่าววจีเด็ดกลางสภา "ดิฉันอยากเห็นจำนวนเงินมากกว่าจำนวนตัน" ทำนองนั้น
ภาพใหญ่รัฐบาลได้ฐานเสียงจำนวนมากสนับสนุน แต่นโยบายหาเสียงดังกล่าว คือ ระเบิดเวลาระดับถล่มประเทศกันเลยทีเดียว ระเบิดการเมืองจากโครงการรับจำนำข้าวยังผลิตลูกระเบิดขนาดกลาง ขนาดย่อม ตั้งแต่ความคลุมเคลือจากกรณีการขายข้าวแบบจีทูจี 7.3 ล้านตัน มิใช่แค่กรณีเงื่อนงำระบายข้าว 7 ประเทศที่ไม่เปิดเผย
แต่ชนวนจีทูจีที่ถูกจุดขึ้นมาก่อนเพื่อน เห็นจะเป็นกรณีจีทูจีกับจีน โดยมีการตั้งบริษัทผีเชื่อมโยงนักการเมืองไทยเข้ามาซื้อข้าวแหกตาปริมาณที่มีอยู่ในเมืองไทย ตอกด้วยข้อมูลจากผู้ส่งออกข้าวออกมาเปิดเผยสถานการณ์ส่งออกข้าวไทยล่าสุด ตามที่รัฐบาลบอกว่าจีทูจีกับ 7 ประเทศยังไม่มีความเคลื่อนไหว
"ตามข้อเท็จจริงขณะนี้ การจำหน่ายข้าวเมล็ดต่อเมล็ด ก็มีแต่กับอินโดนีเซียในรอบปีที่ผ่านมาเท่านั้น หรือการระบายข้าวไปโกติวัวร์หรือไอเวอร์รี่โคสต์ ตามที่ท่านรมว.พาณิชย์ออกมาเปิดเผยเป็นหนึ่งใน 7 ประเทศที่ทำจีทูจนี ก็ยังไม่พบการระบายออกไปแต่อย่างใด เรื่องธุรกิจค้าข้าวอยู่ในวงแคบ เช็คตัวเลขเห็นกันอยู่แล้วว่าอะไรเป็นอะไร ยิ่งระบายไม่ได้ ข้าวที่รับจำนำมาก็ค้างและจะล้นโกดัง ข้าวมันไม่เหมือนทองคำนะครับที่เก็บได้ มันมีอายุของมัน" นี่คือคำสารภาพล่าสุดจากระดับผู้บริหารองค์กรที่ทำหน้าที่ส่งออกข้าว เป็นใครนั้นแนะนำกระทรวงพาณิชย์ลองไปสืบหาดู ว่าข้อมูลดังกล่าวเท็จจริงขนาดไหน ถ้าหากไม่จริงกรุณาออกมาแถลงข่าวให้ประชาชนทราบด้วย เพราะที่ผ่านมาไม่มีสัญญาณตอบรับจากกระทรวงพาณิชย์ที่จะแถลงข้อเท็จจริงแต่อย่างใด(ฮา..)
ในเมื่อรัฐบาลสร้างความไม่โปร่งใส ก็ทำให้อะไรต่อมิอะไรเลวร้ายมากขึ้น จริงอยู่บุญทรง เตริยาภิรมย์ รมว.พาณิชย์ ระบุเตรียมตั้งกรรมการสอบข้อเท็จจริงโดยให้ตรวจสอบย้อนหลัง 3 ปีที่แล้วเพื่อดูว่ารัฐบาลที่ผ่านมาบกพร่องอย่างไร ก่อนจะส่งเรื่องให้ดีเอสไอสอบต่อไป แทนที่จะตรวจสอบเงื่อนงำความผิดปกติในรัฐบาลปัจจุบันก่อนแต่กลับกลายเป็นตั้งแท่นมุ่งตอบโต้ฝ่ายตรงข้ามซะงั้น
เพราะการปล่อยให้แผลเน่าไปเรื่อยๆ ย่อมลุกลามไปเป็นปมระเบิดอีกชุด ที่อยู่ในคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ปช.) โดยที่กำลังรอหลักฐานเพิ่มจาก ประชาธิปัตย์ที่จะมายื่น ก่อนที่จะมีการตั้งอนุกรรมการไต่สวนและรอให้ ป.ป.ช.ชุดใหญ่ชี้ขาด
ผลการพิจารณาส่อให้เห็นพฤติการณ์ทุจริตหรือไม่ อาจต้องใช้เวลา 2-3 เดือน ซึ่งนั่นหมายถึงอนาคตรัฐบาลยิ่งลักษณ์จะอยู่ในสถานะหมู่หรือจ่า ในส่วน ผู้นำประเทศต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่หรือไม่เป็นอีกปมที่จะเกิดขึ้นในไม่ช้า
ระเบิดเวลารัฐบาลอีกลูก อยู่ในป.ป.ช.อีกเช่นกัน คือ ประเด็นที่ปชป.ยื่นถอดถอนนายกฯ ด้วยข้อกล่าวหา บังอาจเมินเฉยมาตรการปราบโกงของปปช. ที่เคยเสนอให้เปิดเผยราคากลางและวิธีคำนวณราคากลาง เพื่อเป็นหลักประกันสร้างความโปร่งใสประมูลโครงการ แต่ครม.ยิ่งลักษณ์ ไม่ตอบสนอง
อย่าได้แปลกใจโครงการบริหารจัดการน้ำแสนล้าน จึงมีการขอครม.ออกมติยกเว้นการประมูลงานตามปกติบ้าง โดยให้ใช้วิธีพิเศษบ้าง ตัวอย่างมติครม. 3 ก.ค. 2555 ออกระเบียบสำนักนายกฯว่าด้วยการบริหารโครงการและการจ่ายเงินกู้เพื่อการวางระบบบริหารจัดการน้ำและสร้างอนาคตประเทศ พ.ศ.2555 สาระสำคัญตอนหนึ่ง กบอ.มีอำนาจยกเว้นการปฏิบัติตามระเบียบสำนักนายกฯว่าด้วยการพัสดุ พ.ศ.2535 และระเบียบสำนักนายกฯว่าด้วยการพัสดุด้วยวิธีการอิเล็กทรอนิกส์ พ.ศ. 2549 โดย ให้เสนอหลักเกณฑ์อื่นเกี่ยวกับการพัสดุในดำเนินโครงการที่แตกต่างจากระเบียบพัสดุทั้งสองฉบับได้
"กล่าวกันตามประสาคนเตรียมอิ่มหมีพีมัน ระเบียบนี้ ยกอำนาจให้กบอ. จัดซื้อจัดจ้างด้วยวิธีใดก็ได้ตามอำเภอใจ เพียงแค่บอกว่า โครงการดังกล่าวมีความพิเศษ มีความจำเป็นเร่งด่วนสามารถเข้าข่าย”วิธีพิสดาร” โดยไม่ต้องคำนึงถึงการตรวจสอบ เปิดเผยรายละเอียด"
ย้อนกลับไปถึงโครงการรับจำนำข้าว อยู่ในอีหรอบนี้เช่นกัน โดยที่ ป.ป.ช.เจ้าเดิมเคยเสนอแนะการป้องกันทุจริตจำนำข้าว แต่ครม.ยิ่งลักษณ์ มีการหารือระดับอินไซค์ ตอบโต้การทำงานปปช.อย่าไปสนใจเห็นควรให้ออกเป็นมติครม.เพื่อทราบเท่านั้น
รัฐบาลเปรียบเหมือนแม่แบบให้ทุกหน่วยงานดำเนินนโยบายปราบปรามการทุจริตคอร์รัปชั่น
ดูจะไม่ต่างกับบริเวณหน้าสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ(ก.พ.ร.) ถนนพิษณุโลก ฝั่งตรงข้ามทำเนียบรัฐบาล มีการจัดทำป้ายขนาดบิ๊กไซด์ ด้วยการนำภาพผู้นำหญิงสวยสง่ายืนยื้มร่าพร้อมกับเหล่าคณะ พร้อมกับเขียนข้อความรณรงค์”เพื่อภาพลักษณ์ประเทศไทยให้เป็นที่ยอมรับของนานาชาติ ร่วมกัน หยุดคอร์รัปชั่น "ประหนึ่งเป็นไอดอลปราบโกง เพื่อให้พี่น้องประชาชนได้ร่วมกันสนับสนุนนโยบายปราบพวกโกงบ้านกินเมือง"
แต่ทว่าถ้าหากแม่แบบกลับสนับสนุนคนในรัฐบาลละเลยปราบปรามทุจริตแล้ว จะรณรงค์ให้ใครเชื่อถือได้
ต่อให้เสถียรภาพรัฐบาลแข็งแกร่ง มวลชนเชียร์หนาแน่น แต่ถ้าการทำงานรัฐบาลสะสมปัญหาการทุจิรตคอร์รัปชั่นมากๆเข้าไว้ ไม่รีบสะสาง ไม่ว่ารัฐบาลไหนก็ล่มสลายด้วยกันทั้งนั้น
นี่แค่ระเบิดเวลาการเมืองล็อตแรกเท่านั้นเอง ยังมีการวางสายระเบิดระโยงระยางพันตัวรัฐบาลอีกหลายเรื่อง
ไม่ว่าจะเป็นความพยายามของคนในรัฐบาล(อีกแล้ว) ยื่นอำนาจภายในรัฐไทยให้ศาลอาญาระหว่างประเทศ(ไอซีซี) เข้ามามีอำนาจนำพิจารณาคดีฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ ทั้งที่ยังไม่มีข้อยุติจะทำได้หรือไม่ หรือถ้าลงนามไปแล้วจะกระทบต่อกระบวนการศาลไทยขนาดไหน หรือ การเดินหน้าแก้ไขรัฐธรรมนูญที่ดูออกอาการคั่นเนื้อคั่นตัวเหลือเกินอยากให้เสร็จรวดเร็วโดยไม่ได้มีการหารืออย่างกว้างขวางตามหลักประธิปไตยที่กล่าวอ้าง หรือ จะเป็นระเบิดลูกใหญ่จากการเสนอร่างกฎหมายปรองดองเปิดทางคนไกลไร้มลทินเข้าประเทศ ฯลฯ
พิจารณาอย่างมีสติ ทำไมรัฐบาลถึงชอบเล่นกับลูกระเบิดทางการเมือง ทั้งๆที่ถ้าเขี่ยชนวนร้อนเหล่านี้ไม่ข้องแวะ รับรองการบริหารบ้านเมืองเป็นไปด้วยความสงบเรียบร้อย
แปลกแต่จริง หาเรื่องใส่ตัวแท้ๆ คิดดีแล้วหรือนี่!!!