posttoday

จารุพงศ์"ผมเป็นหมูไม่กลัวน้ำร้อน"

01 พฤศจิกายน 2555

เปิดใจ "จารุพงศ์ เรืองสุวรรณ" หัวหน้าคนใหม่ของพรรคเพื่อไทยพ่วงด้วยเก้าอี้ รมว.มหาดไทย

โดย...ชุษณวัฏ ตันวานิช/สุภชาติ เล็บนาค

หลังได้รับเลือกตั้งจากสมาชิกพรรคด้วยมติเอกฉันท์ถึง 332 เสียง จารุพงศ์ เรืองสุวรรณ ซึ่งก้าวขึ้นผู้นำสูงสุดของพรรคที่ใหญ่ที่สุดของประเทศในเวลานี้ พ่วงด้วยเก้าอี้ รมว.มหาดไทย สดๆ ร้อนๆ เปิดใจกับโพสต์ทูเดย์ดังนี้ 

เคยคิดหรือไหมว่าจะได้เข้ามาเป็นหัวหน้าพรรค

ต้องทำความเข้าใจก่อนว่า ผมเคยอยู่พรรคพลังประชาชน หลังจากเกษียณอายุราชการและดำรงตำแหน่งอธิการบดีมหาวิทยาลัยเอเชียอาคเนย์ครบเทอม ผมเคยลงเลือกตั้งระบบบัญชีรายชื่อตามโซนในการเลือกตั้งเมื่อปี 2550 แต่ไม่ได้รับเลือก ต่อมาผมก็เป็นรองหัวหน้าพรรค และเป็นเลขาธิการพรรค ดังนั้นไม่ใช่เรื่องแปลก เพราะมีการไต่อันดับในวงการกรรมการบริหารพรรคมาก่อน

ที่มาก่อนเล่นการเมืองครั้งแรก

คุณต้องรู้จักผมก่อน ตระกูลผม คุณพ่อผม (จารุบุตร เรืองสุวรรณ) เป็น สส.ตั้งแต่ก่อนผมเกิด เพราะฉะนั้นเป็นสายเลือด การถูกบ่มฟักอุดมคติถูกฝังโดยคุณพ่อ ถึงแม้ผมไม่ได้เป็นคนทำงานการเมือง ผมอยู่สายข้าราชการประจำ แต่ตลอดชีวิตผมอยู่กระทรวงมหาดไทย ผมเป็นปลัดอำเภอ เป็นจ่าจังหวัด เป็นหัวหน้าฝ่ายงานทะเบียนราษฎรและอาวุธปืน จนกระทั่งมาเป็นนายอำเภออีก 4 อำเภอ และเป็นเลขานุการผู้ว่าฯ กทม. เป็นผู้อำนวยการเขตบางเขน จนกระทั่งเป็นผู้ช่วยปลัด กทม. เป็นรองปลัด กทม. ก่อนจะย้ายมาเป็นรองปลัดกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ปลัดกระทรวงแรงงาน และเป็นปลัดกระทรวงยุติธรรม จนกระทั่งเกษียณอายุราชการในที่สุด นี่คือผม

ผมสนใจการเมืองมานานแล้ว แต่ก็เห็นว่าการรับราชการไม่ติดขัดอะไร ก็ทำมาถึงเกษียณอายุราชการ เกษียณ หลังจากเกษียณมา 4 ปี ดร.ประเสริฐ สมะลาภา อดีตปลัด กทม. ก็ขอให้ผมไปช่วยเป็นอธิการบดีมหาวิทยาลัยเอเชียอาคเนย์ แต่พอครบเทอม อายุ 64 ปี ก็บอกว่าพอแล้ว ขอมาทำงานการเมืองบ้าง จึงเข้าร่วมกับพรรคพลังประชาชน แล้วก็เลื่อนขึ้นมาตามลำดับ ไม่ใช่หวือหวา ไม่ใช่ลอยมาเป็นหัวหน้าพรรค

จารุพงศ์"ผมเป็นหมูไม่กลัวน้ำร้อน"

ได้รับการปลูกฝังจากคุณพ่อด้านไหนบ้าง

ได้เยอะเลย เพราะเวลาคุณพ่อไปหาเสียงในช่วงปิดเทอม ผมไปกับคุณพ่อมาตลอดตั้งแต่ประถมยันมหาวิทยาลัย ท่านบอกเสมอว่าภาคอีสานไม่ใช่เป็นภาคที่เลวร้าย แต่ว่าโครงสร้างทางชลประทานไม่ดี เพราะรัฐไม่ได้ลงทุน ท่านพยายามเขียนบทความบอกทุกคนว่า การที่คนอีสานจนมาจากการขาดโอกาสและตลาดในการค้าขายผลผลิตทั้งหมด มันเลยเป็นความฝังใจตั้งแต่เด็กว่าอยากแก้เรื่องนี้

เป็นหัวหน้าพรรคเพื่อไทย เพราะพรรคตั้ง ใจสานสัมพันธ์กับ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์

ไม่ถึงขนาดนั้น แต่ พล.อ.เปรม กับผมรู้จักกัน เพราะตอนที่ผมเป็นนายอำเภอเสิงสาง จ.นครราชสีมา ท่านเป็น รมว.กลาโหม และเป็นผู้บัญชาการทหารบก พอวันที่ 1 ม.ค. 2523 พล.อ.เปรมขึ้นเฮลิคอปเตอร์บินไปลงหน้าอำเภอเสิงสางเพื่อตักบาตรที่นั่น ผมยังจำได้ ตอนนั้นผมเป็นนายอำเภออยู่ โดยที่ท่านไม่ได้บอกล่วงหน้านะ เพราะที่นั่นเป็นพื้นที่สีแดง พล.อ.เปรม ขึ้นเฮลิคอปเตอร์มา เราก็ตกใจว่าใคร (หัวเราะ) พล.อ.เปรม ก็ลงเครื่องเพื่อใส่บาตรกับข้าราชการ นี่คือภาพที่ผมประทับใจ แต่ระยะหลังไม่ได้พบกันตั้งแต่ปี 2545 แล้ว

ความสัมพันธ์ระหว่างคุณพ่อในฐานะประธานรัฐสภากับ พล.อ.เปรม ขณะนั้นเป็นอย่างไร

คุณพ่อเป็นประธานรัฐสภาที่เซ็นสนองพระบรมราชโองการแต่งตั้ง พล.อ.เปรม เป็นนายกรัฐมนตรี เมื่อปี 2526 และ พล.อ.เปรม ก็เป็นคนเซ็นสนองพระบรมราชโองการในการแต่งตั้งพ่อผมเป็นประธานรัฐสภาอีกที ก็ไม่รู้ว่าสัมพันธ์กันอย่างไร (หัวเราะเสียงดัง) แต่เท่าที่ผมเห็น ก็พูดคุย ใกล้ชิด เวลาเข้าเฝ้าฯ หรือนั่งรถไปไหน ก็จะนั่งติดกันตลอด

กลัวเป็นสายล่อฟ้าหรือไม่ในตำแหน่งนี้

ก็พี่ยุทธ (ยงยุทธ วิชัยดิษฐ) โดนเพราะอะไร โดนเพราะอยู่ตำแหน่งนี้ไม่ใช่เหรอ (หัวเราะ) เรื่องอัลไพน์คนอื่นไม่โดนแม้แต่คนเดียว คนรับเงินไปก็ไม่โดน คนซื้อไปก็ไม่โดน เหลือคนเดียวคือพี่ยุทธ

กลัวถูกขุดเรื่องในอดีตขึ้นมาโจมตีหรือไม่

ผมน่ะเหรอ (หัวเราะ) คนเรามันขุดมาได้ทั้งนั้น คนเรามันไม่มีใครดีได้ 100% อยู่ที่ว่าจะขุดขึ้นมาอย่างไร สมัยก่อนพี่ยุทธก็ไม่มีอะไรเสียหาย แต่ก็มาโดนแบบนี้ อย่างท่านสมชาย วงศ์สวัสดิ์ หรือท่านสมัคร สุนทรเวช ควงกระทะก็โดน แต่เราไม่กลัว ถ้ากลัวก็ไม่มาทำสิ มันต้องมีหมูไม่กลัวน้ำร้อนเข้ามาทำหน้าที่นี้ ประวัติศาสตร์อาจจะซ้ำรอยได้ แต่ประวัติศาสตร์คงไม่ซ้ำจนถี่เกินไปนักหรอก เพราะคนเริ่มรู้ทันแล้ว

มีเสียงวิจารณ์ว่าหัวหน้าพรรคต้องสั่งซ้าย หัน ขวาหัน ทำตามได้ตลอด

คนเป็นหัวหน้าพรรค ไม่ใช่บอกว่าต้องลุย ต้องตามข้าพเจ้า เชื่อผู้นำ ชาติพ้นภัย (เสียงดัง) นั่นมันสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 แต่ยุคนี้หัวหน้าพรรคต้องเหลียวซ้ายแลขวา คนที่สั่งผมจริงๆ คือ ประชาชน สมาชิกพรรค สส.พรรค และผู้ใหญ่ของพรรค จิ้งจกทักเรายังฟังเลย ผมเป็นนักประนีประนอม อย่าว่าแต่ซ้ายหันขวาหันเลย ตอนนี้หัน 360 องศาแล้ว รอบด้าน รอบทิศ ไม่งั้นร่วง ถูกสอยเมื่อไรก็ไม่รู้ (หัวเราะเสียงดัง)

จารุพงศ์"ผมเป็นหมูไม่กลัวน้ำร้อน"

ยงยุทธ เคยบอกว่ามีที่ปรึกษาคือ พ.ต.ท. ทักษิณ แล้วของ จารุพงศ์ คือใคร

ที่ปรึกษาผม ผมบอกเลยคนแรกก็คือ พี่ยุทธ (หัวเราะ) ผมบอกกับท่านเลยว่า พี่ต้องมาเป็นที่ปรึกษาให้ผมนะ ท่านยงยุทธก็เลยจะเป็นประธานที่ปรึกษาให้ผม

ต้องขอคำปรึกษาจาก พ.ต.ท.ทักษิณ ด้วย หรือไม่

มองย้อนกลับไปดู พ.ต.ท.ทักษิณ ได้ทำประโยชน์หลายอย่างให้กับประชาชน ไม่มีรากหญ้าคนใดลืมท่านลง อย่าลืมว่าท่านทักษิณไม่ใช่โจร ไม่ใช่คนชั่วร้าย แต่ถูกใส่ร้ายป้ายสีทางการเมือง ซึ่งก็ไม่ใช่เรื่องแปลก เพราะการเมืองที่ไหนในโลกก็ป้ายสีกันทั้งนั้น

เพราะฉะนั้น ในฐานะที่ผมเป็นหัวหน้าพรรค ไม่แปลกอะไรที่จะฟังข้อเสนอแนะของท่านทักษิณ เพราะไม่ได้เป็นของที่ไม่ดี หรือใครว่าไม่ดี ก็ต้องเอาความจริงมาตีแผ่ ไม่ใช่พูดแล้วตามกันหมด

พรรคต้องสลัดภาพจาก พ.ต.ท.ทักษิณ  หรือไม่

ร่องรอยของคนที่เป็นหัวหน้าพรรคมา คนที่ตามมาต้องให้ความเคารพ พรรคประชาธิปัตย์ หัวหน้าพรรคตั้งแต่ท่านพิชัย รัตตกุล เป็นหัวหน้าพรรค ท่านชวน หลีกภัย ท่านบัญญัติ บรรทัดฐาน สส.ทุกคนก็ให้เกียรติหมด แล้วทำไมเราจะให้เกียรติท่านทักษิณไม่ได้ หรือเพราะพรรคประชาธิปัตย์หาว่าเป็นนักโทษ มันเหมือนกับเรื่องปรีดีฆ่าในหลวง ก็มีกระบวนการใส่ร้าย อ.ปรีดี พนมยงค์ หรือ อ.ป๋วย อึ๊งภากรณ์ ก็มีการกล่าวหาว่า อ.ป๋วย เลว เป็นคอมมิวนิสต์ แต่ลูกศิษย์ที่ธรรมศาสตร์ทุกคนก็รัก

ประวัติศาสตร์ซ้ำรอยมาหลายรอบแล้ว ประสาอะไรกับคุณทักษิณ สังคมนี้มันเพี้ยน คุณเป็นผู้สื่อข่าวอย่ามีไบแอส (อคติ) สื่อมวลชนว่าผมรับใบสั่งจากแดนไกล แต่ย้อนกลับมาที่คุณ คุณรับใบสั่งหรือเปล่า ถ้าทุกคนมองท่านทักษิณในแง่ลบ จะไม่มีใครเลือกพรรคเพื่อไทย แต่มันมีสังคมที่ปล่อยข่าวและสร้างข่าว และสื่อกระแสหลักก็ได้รับใบสั่งนี้มา

พรรคมีความขัดแย้งระหว่างบ้านเลขที่ 111 เสื้อแดง และคนใกล้ชิดนายกฯ จริงหรือไม่

อันนั้นผู้สื่อข่าว หรือคนข้างนอกที่อยากเห็นพรรคอ่อนแอเขาว่ากัน แต่ผมจะบอกว่าพรรคการเมืองมีกลุ่ม มีมุ้ง เป็นเรื่องธรรมดา คนเราไม่ได้เห็นตรงกันหมด ขนาดผัวเมียก็ยังเห็นต่างกัน แต่ผัวเมียเมื่อไรที่เขาคบกันจนเจือสมกันแล้ว เขาถึงจัดงานมงคลสมรส คนที่อยู่ในพรรคเดียวกันอาจจะไม่ได้เหมือนกันหมด 100% เขาก็สมรสกันได้ นี่คือเสน่ห์ของประชาธิปไตย

เป้าหมายของพรรคเพื่อไทยในยุคคุณคือ อะไร

ระบอบประชาธิปไตย มีอำนาจบริหาร นิติบัญญัติ ตุลาการ ตอนมาใหม่ๆ ก็มีองค์กรอิสระ 8 องค์กร แต่ที่มาองค์กรอิสระ ไม่ได้เป็นอิสระจริงๆ องค์กรอิสระเหมือนว่ามาจากประชาชน แต่ก็ไม่ได้มาจากประชาชน คณะปฏิวัติเก่าเขาแต่งตั้งกันมาทั้งนั้น

พรรคการเมืองประเทศนี้จึงต้องเป็นกลไกสำคัญที่ทำให้ขับเคลื่อนประชาธิปไตยไปได้ เพราะอำนาจสูงสุดมาจากเสียงส่วนใหญ่ของประชาชน ซึ่งกลไกที่จะทำให้เกิดขึ้นก็คือพรรคการเมือง และตัดสินกันด้วยการให้ประชาชนลงคะแนน ไม่ใช่ให้ฆ่ากันให้ตาย เราอาจจะโดนแขวะว่าหาเสียงประชานิยม จริงๆ ถ้าประชาไม่นิยมก็ไม่มีใครเลือก (หัวเราะ) นี่คือระบอบประชาธิปไตยที่แท้จริง