posttoday

เปิดคำต่อคำฟอร์บส์สัมภาษณ์"ทักษิณ"

30 ตุลาคม 2555

"ฟอร์บส์"เผยบทสัมภาษณ์พิเศษ "ทักษิณ" ที่ดูไบ ฟุ้งลงทุนทำเหมืองทอง-ไทเทเนียม โวยปมจำนำข้าวเป็นเรื่องริษยาทางการเมือง

"ฟอร์บส์"เผยบทสัมภาษณ์พิเศษ "ทักษิณ" ที่ดูไบ ฟุ้งลงทุนทำเหมืองทอง-ไทเทเนียม โวยปมจำนำข้าวเป็นเรื่องริษยาทางการเมือง

ทิม เฟอร์กูสัน ผู้สื่อข่าวนิตยสารฟอร์บส์ ถอดบทสัมภาษณ์พิเศษกับพ.ต.ท. ดร.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีของไทย ซึ่งสัมภาษณ์ที่เมืองดูไบ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ เมื่อวันที่ 23 ต.ค. 2555 พร้อมเผยแพร่ลงบนเว็บไซต์ของนิตยสารฟอร์บส์

โต๊ะข่าวต่างประเทศ หนังสือพิมพ์โพสต์ทูเดย์  จึงแปลและเรียบเรียงบทสัมภาษณ์แบบคำต่อคำ ดังนี้

เปิดคำต่อคำฟอร์บส์สัมภาษณ์"ทักษิณ"

เวลาส่วนใหญ่ของคุณหมดไปกับอะไร

ตอบ - เวลาของผมส่วนใหญ่หมดไปกับการท่องเที่ยว พบปะเพื่อนเก่า และสานสัมพันธภาพระหว่างประเทศไทยและประเทศต่างๆ ให้แข็งแกร่ง เราพูดคุยถกเถียงแนวคิดต่างๆ เพื่อความร่วมมือระหว่างประเทศร่วมกัน ผมต้องการรักษาสายสัมพันธ์ไว้ และพวกเขาก็ให้ความร่วมมือ ผมทำในสิ่งที่ผมให้คำมั่นไว้

มีที่ไหนที่คุณอยากไป แต่ไปไม่ได้บ้างหรือไม่

ตอบ - ประเทศไทยเท่านั้น ผมมีวีซ่าไปประเทศต่างๆ ผมใช้หนังสือเดินทางประเทศไทยและถือวีซานักธุรกิจ  คือในช่วงที่มีการจลาจลรุนแรง (ในไทย) รัฐบาลขณะนั้นได้ส่งจดหมายห้ามไม่ให้ประเทศต่างๆ ต้อนรับผม ซึ่งประเทศเหล่านั้นก็ขอร้องไม่ให้ผมไป เพราะพวกเขาไม่อยากมีปัญหากับรัฐบาลไทย ช่วงนั้นผมเลยไปรัสเซีย ประเทศที่ผมมีสายสัมพันธ์อันดีด้วย และผมก็ไปแอฟริกา ไปพบเพื่อนเก่าที่เชื้อเชิญให้ผมทำธุรกิจที่นั่น ผมถามว่า ผมควรทำอะไรดี เขาเลยตอบว่าทำไมไม่ทำเหมืองล่ะ ผมก็ถามอีกว่าแล้วคุณมีอะไร คำตอบคือพวกเขามีทอง มีมากด้วย แต่ผมไม่มีประสบการณ์ทำเหมืองเลย ผมเลยเรียนจากพวกเขา

ผมได้สัมปทานการสำรวจแร่ในอูกันดาและแทนซาเนีย และแร่ไทเทเนียมในซิมบับเว เราเจอทองและไททาเนียมเรียบร้อยแล้ว

รายงานฉบับแรกจะมาถึงในเดือนหน้า ส่วนส่วนที่เหลือจะมาในเดือนม.ค. พวกเราจะเริ่มทำเหมืองทองคำในที่แทนซาเนียในเมืองก.พ. (ปี 2556) ส่วนที่อูกันดาจะทำปีหน้าด้วย เราต้องมีรายงานฉบับเต็มก่อน นอกจากนี้ เรายังเจอแหล่งแร่แพลตตินัมอย่างดีในอูกันดาด้วย

คุณร่วมหุ้นกับใครหรือเปล่า

ตอบ - ไม่ครับ ในการทำเหมือง ถ้าคุณมีหุ้นส่วนที่แข็งแกร่งตั้งแต่ต้น คุณแทบจะไม่มีคุณค่าใดๆ เลย เพราะว่าพวกเขาใหญ่แต่คุณเล็ก ผมเหมือนกับเริ่มต้นใหม่ทุกอย่าง แล้วก็เริ่มต้นใหม่ตอนอายุ 60 ปีไม่ง่ายเลย แต่ก็ไม่ใช่เรื่องซีเรียสอะไร เป็นเหมือนการผจญภัยอย่างหนึ่งมากกว่า

ไม่ซีเรียสในแง่ที่ว่าคุณไม่ได้ใช้เงินลงทุนเยอะใช่ไหม

ตอบ - ก็ไม่เยอะครับ ตอนนี้ผมลงทุนไปประมาณ 30 ล้านเหรียญสหรัฐ

แล้วคุณได้เงินคืนจากชินคอร์ปบ้างหรือเปล่า

ตอบ - ผมได้คืนบางส่วนคือประมาณ 1,000 ล้านเหรียญสหรัฐ ผมเลยมีเงินไปลงทุน

คุณลงทุนในโทรคมนาคมด้วยหรือเปล่า

ตอบ -ผมได้รับการทาบทามให้ขอใบอนุญาตในหลายๆ ประเทศ แต่ผมรู้มากเกินไปจนตระหนักว่าผมไม่ควรลงทุนในด้านนี้ เนื่องจากมีคู่แข่งเยอะ ขณะที่หลายประเทศ มีรายได้โดยเฉลี่ยต่ำมาก ไม่เพียงพอ

เช่นนั้น กลับไปที่เรื่องการทำเหมือง ได้ข่าวว่ามีโครงการถ่านหินที่แอฟริกาใต้

ตอบ - ที่นั่นผมมีปัญหาติดขัดกับเพื่อนร่วมงาน ผมเลยออกมา

แล้วที่ประเทศคองโกล่ะ ผมแว่วว่าคุณได้เป็นที่ปรึกษาประธานาธิบดีใช่ไหม

ตอบ - เปล่า ผมไปที่นั่น และผมรู้จักประธานาธิบดีคาลิบาแห่งคองโกดี พบได้พบกับเขา แต่ผมไม่ได้ตัดสินใจทำอะไรทั้งสิ้น

จากที่คุณพูดมา ดูเหมือนว่าแอฟริกาจะเป็นจุดสนใจของคุณ เป็นเพราะว่าคุณมีสายสัมพันธ์กับพวกเขาหรือ

ตอบ - ผมไม่ได้รู้จักทั้งหมด ผมรู้จักแค่บางส่วนเท่านั้น แต่เพราะเครดิตของผมที่มุ่งช่วยเหลือคนยากจน หลายต่อหลายคน เลยอยากพบผมเพื่อแลกเปลี่ยนประสบการณ์ เพราะฉะนั้น เราก็เลยมีสายสัมพันธ์อันดีต่อกันมาตั้งแต่ที่ผมยังดำรงตำแหน่ง   ผมรู้จักพวกเขา พวกเขารู้จักผม แต่เรายังไม่ได้ผูกสัมพันธ์แน่นแฟ้นระหว่างประเทศมากนัก คือช่วงนั้น ผมมีแผนที่จะทำให้ปี 2548 เป็นปีแห่งความสัมพันธ์ระหว่างไทยกับแอฟริกา แต่สถานการณ์ของประเทศไทยในขณะนั้นค่อนข้างแย่ ผมไม่สามารถเดินทางไปไหนได้มากนัก ผมได้ไปแค่เคนยาเท่านั้น

ค่อนข้างน่าสนใจทีเดียวที่คุณกล่าวว่าคุณเดินทางโดยใช้หนังสือเดินทางของประเทศไทย เพราะที่เราเข้าใจก็คือว่าหนังสือเดินทางของคุณถูกเพิกถอนเรียบร้อยแล้ว คุณได้หนังสือเดินทางกลับคืนได้อย่างไร

ตอบ - ผมได้หนังสือเดินทางของผมคืนเมื่อรัฐบาลชุดปัจจุบันเข้าดำรงตำแหน่ง คุณก็รู้ว่าสิ่งที่เกิดขึ้นมาจากอคติลำเอียง พวกเขายึดพาสปอร์ตของผม ขณะที่ทั่วประเทศ มีผู้ทำผิดกฎหมายอาญาร้ายแรงมากมาย แต่พวกเขาริบเฉพาะของผม เฉพาะผมเท่านั้น เป็นการล้างแค้นทางการเมือง พวกเขาละเมิดกฎหมาย เลือกปฎิบัติ พวกเขาก่ออาชาญากรรม

มาคุยเรื่องน้องสาวของคุณบ้าง เธออยู่ในตำแหน่งมากว่า 1 ปีแล้ว เธอทำให้ใครบางคนประหลาดใจมาก แต่ขณะเดียวกัน เธอกำลังเผชิญกับปัญหาเรื่องการรับจำนำข้าว

ตอบ - จริงๆ แล้ว มัน(ประเด็นโครงการรับจำนำข้าว) ไม่ใช่ปัญหา ปัญหาคือความริษยาทางการเมือง พวกเขากลัวว่าเราจะมีอำนาจเพิ่มมากขึ้นจากระดับประชาชนคนรากหญ้า เพราะชาวนาเหล่านั้นมีความสุข พวกเขาสามารถจ่ายหนี้สินคืนได้ ขณะที่คนอีกกลุ่มหนึ่งที่มีปัญหาก็คือบรรดาผู้ส่งออก ซึ่งเคยมีชีวิตสุขสบายง่ายดายในอดีตเพราะรัฐบาลซื้อข้าวจากชาวนามาขายให้ผู้ส่งออกในราคาถูก ก่อนที่จะเอาไปขายต่อให้กับตลาดต่างประเทศในราคาถูก เราเป็นประเทศผู้ส่งออกข้าวอันดับหนึ่งของโลก ทำไมเราต้องขายข้าวของเราในราคาถูก ขณะที่คนที่ต้องเสียประโยชน์คือชาวนา รัฐบาลชุดนี้แย้งว่า ถ้าเราต้องการให้ชาวนาของเราอยู่รอด เราก็ต้องให้เขามีกินอย่างเพียงพอ ถ้าไม่ พวกเขาก็จะละทิ้งที่นา และหันไปทำอย่างอื่นแทน

มันเหมือนกับ คุณต้องการส่งเสริมแพทย์ แต่เมื่อพวกเขาเรียนจบ คุณกลับจ่ายเงินเดือนให้น้อยมาก อย่างนี้ คุณจะให้พวกเขาทำงานได้อย่างไร คุณจะรักษาตำแหน่งงานนั้นให้คงอยู่ได้อย่างไร

เช่นเดียวกัน ถ้าเราตัดสินใจที่จะเป็นผู้ส่งออกเข้าอันดับหนึ่งของโลก เราต้องทำให้พวกเขา (ชาวนา) อยู่รอด มันเป็นหลักทฤษฎี

ทั้งนี้ สำหรับผู้ส่งออก คุณจำเป็นต้องทำงานให้หนักมากขึ้น อย่าสบายจนเกินตัว อย่ามีความสุขกับความมั่งคั่งบนหยาดเหงื่อและความทุกข์ยากของพี่น้องชาวนาของเรา คุณต้องทำการตลาดให้มากขึ้น คุณต้องรู้จักแข่งขันกับคนอื่นๆ และผมว่าที่สุด ทั่วโลกจะซื้อข้าวจากประเทศไทย ประมาณที่ 7-10 ล้านตัน เรามีสินค้าที่ใครๆ ก็อยากให้เราขาย แต่เราก็ขายไม่ได้เพราะอินเดียปล่อยข้าวออกมาในตลาดในราคาถูก โดยในขณะนั้นมีราคาอยู่ที่ 400 เหรียญสหรัฐต่อตันเท่านั้น

อย่างไรก็ตาม ตอนนี้ราคาข้าวเพิ่มขึ้นเป็น 600 เหรียญสหรัฐต่อตัน เพิ่มขึ้น 50% ทีเดียว ดังนั้นข้าวในสต็อกของเราเริ่มมีมูลค่าขึ้นมาแล้ว ถ้าคุณเทขายตอนนี้ คุณขายได้อย่างรวดเร็วแน่ แต่ก็ขาดทุนเยอะเช่นกัน

สถานการณ์ดังกล่าวเหมือนกับที่รัฐบาลทำในขณะนี้เพื่อช่วยชาวนา คือคุณสูญเงินจากกระเป๋าซ้ายไป แต่เงินไม่ได้หายไปไหน โดยขณะนี้เงินที่สูญไปอยู่ที่ 4 แสนล้านบาท หักภาษี 7% ก็ปาเข้าไปประมาณ 2.7 หมื่นล้านบาทแล้ว แต่อย่างน้อย เงินเหล่านั้นจะกลับคืนมาเป็น 3 เท่า เพราะเมื่อประชาชนรากหญ้าได้เงินไป พวกเขาก็จะนำไปใช้จ่าย เรียกว่าอย่างน้อย คุณได้เงินคืนมา 3 เท่า

ดังนั้น เงินคุณไหลออกจากกระเป๋าซ้ายที่ 7 หมื่นล้านบาท แต่มันไหลเข้ากระเป๋าขวาของคุณที่ 8.1 หมื่นล้านบาท เรียกว่า ในตอนท้าย มันคือเรื่องของเศรษฐกิจ และชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีของคนรากหญ้า

มันไม่มากมายอะไร เพราะระบบไม่ได้เป็นไปโดยอัตโนมัติ ยังไม่ใช่ดิจิตอล แต่ตอนนี้ เราได้ตัดสินใจแปลงเป็นระบบดิจิตอล ซึ่งช่วยให้เราตัดสินใจได้ว่ามีพื้นที่กี่เอเคอร์ที่เราสามารถใช้งานได้ ต้นทุนค่าใช้จ่ายจึงลงต่ำลง เราต้องยอมรับว่า ระบบยังมีรูรั่วอยู่ เจ้าหน้าที่ระดับล่างอาจฉวยประโยชน์จากชาวนา แต่โดยรวมชาวนามีความสุขดี ขณะเดียวกัน เราไม่ได้ต้องการบังคับตลาดโลกให้ซื้อข้าวในราคาแพง เราเพียงต้องการราคาที่เป็นธรรมสำหรับชาวนาของเรา

ถ้าเช่นนั้น ปัจจัยดังกล่าวทำให้เสียเปรียบผู้ส่งออกข้าวร้ายอื่น เช่น เวียดนาม หรือเปล่า

ตอบ - ในท้ายที่สุด เวียดนามจะไม่ยอมโง่ขายข้าวในราคาถูกแน่ อีกอย่าง เวียดนามก็ไม่สามารถเพิ่มผลผลิตได้มากกว่านี้ ปริมาณขณะนี้คือสิ่งที่เขาผลิตได้ทั้งหมด ขณะที่ เราผลิตในปริมาณที่เท่ากับที่โลกบริโภค ถ้าพวกเขารีบก็ปล่อยให้เขาขายไป เราสามารถขายทีหลังได้ โอเคอยู่แล้ว

เหมือนกับว่าคุณจะคุ้นเคยกับการกำหนดทิศทางนโยบาย

ตอบ - ผมเป็นคนคิดนโยบายนี้ขึ้นเอง เหมือนกับสโลแกนตอนหาเสียงครับ ทักษิณคิด เพื่อไทยทำ

แล้วมีนโยบายอื่นๆ อีกไหมที่คุณเข้าไปมีส่วนร่วม

ตอบ - ผมชอบที่จะระดมสมองกับคนทำงาน หรือบรรดานักกลยุทธ์ในประเทศไทย ในพรรค และยิ่งลักษณ์ก็เป็นอีกคนที่มีส่วนในการกำหนดกลยุทธ์กับเรา

คุณคุยกับเธอบ่อยแค่ไหน

ตอบ - เราพูดคุยแบบคนในครอบครัว ตามปกติเราคุยกันบ่อยอยู่แล้วเพราะเราคือครอบครัวเดียวกัน และก็เหมือนครอบครัวทั่วไปที่บางครั้งเรามีการปรึกษากัน ในหลายๆ เรื่อง รวมถึง การบริหารจัดการ ผมวางตัวเป็นที่ปรึกษาภายในของเธอที่เธอสามารถพูดคุยปรึกษาในตลอดเวลา แต่ผมจะไม่บังคับให้เธอต้องมาปรึกษาผมทุกเรื่อง

เช่นนั้น เธอโทรหาคุณบ่อยแค่ไหน 2-3 ครั้งต่อสัปดาห์ได้ไหม

ตอบ - บางครั้งก็ 2-3 ครั้งต่อสัปดาห์ แต่ถ้ามีประเด็นร้อนก็คุยกันบ่อยครั้งมากขึ้น เพราะผมรู้จักคน รู้จักกฎหมาย รู้จักระเบียบปฎิบัติระหว่างประเทศ แต่เธอคือเด็กใหม่ เธอไม่จำเป็นต้องโ?รหาผมเลย แต่ถ้าเธอโทรมา ผมก็สามารถให้คำตอบกับเธอได้ในทันที เพราะว่าผมนั่งว่างอยู่ตรงนี้

นั่นไม่เท่ากับให้บรรดานักวิพากษ์วิจารณ์คนอื่นมองว่าคุณชักใยอยู่เบื้องหลังนายกฯยิ่งลักษณ์หรือ

ตอบ - คือจริงๆ ผมอยู่เบื้องหลังนโยบายพรรคอยู่แล้ว ใช่ เพราะในตอนนั้นยิ่งลักษณ์ ไม่ได้ร่วมด้วย เราคุยกัน เธอมีประสบการณ์ในการบริหารจัดการที่ดี เธอดำรงตำแหน่งประธานบริหารเอไอเอส บริษัทผู้ให้บริการโทรศัพท์มือถือรายใหญ่ของประเทศไทย เมื่ออายุ 35 ปี มีลูกค้า 40 ล้านคน และมีพนักงงาน 2.2 หมื่นตำแหน่ง ในการดูแล และเธอยังมีประสบการณ์ด้านการเงินที่ดีอีกด้วย ดังนั้งเมื่อเราคิดสิ่งใด เราก็จะปรึกษาหารือกันเสมอ บางครั้ง เธอจะค้านขึ้นมาว่า ไม่ สิ่งนี้ใช้เงินเยอะเกินไป ไม่น่าจะดี เธอมีกึ๋นเพราะเธอมีประสบการณ์

แล้วมีนโยบายไหนบ้างหรือเปล่าที่คุณอยากผลักดันให้ลุล่วงเร็วขึ้น

ตอบ - สิ่งที่เราอยากทำ และเราสัญญาไว้ว่าจะทำ แต่เราถูกขวาง ไม่ได้รับอนุญาตให้ทำคือแก้ไขรัฐธรรมนูญ เพราะเป็นผลพวงจากคณะรัฐประหาร ซึ่งถ้าประเทศไทยยังคงเป็นเช่นนี้ เราก็ไม่สามารถก้าวไปข้างหน้าต่อได้ เพราะมันเหมือนกับคุณมีบ้านที่ล้อมเต็มไปด้วยกับระเบิด ก่อนที่คุณจะออกจากบ้านไปทำงาน คุณต้องระมัดระวังอย่างมาก เช่นเดียวกับตอนที่คุณจะกลับเข้าบ้าน เนื่องจากมันพร้อมระเบิดตลอดเวลา ทั้งหมดคือสถานการณ์ของไทยในขณะนี้

เนื่องจาก ยกตัวอย่างเช่น พรรคอาจอยู่ในสถานะผิดกฎหมายใช่ไหม

ตอบ - ใช่ ใช่ครับ พวกเขาไม่อยากห้คุณไปถึงจุดนั้น พวกเขาสามารถเตะคุณออกได้โดยง่าย ไม่สนพลังของประชาชน พวกเขาไม่เคารพประชาชน รัฐธรรมนูญฉบับนี้ ไม่ได้เคารพอำนาจของประชาชน

แล้วคุณไม่ต้องได้รับความเห็นชอบจากในวังก่อนหรือ ก่อนแก้รัฐธรรมนูญ

ตอบ - ไม่ครับ ทางวัลอยู่เหนือการเมืองครับ แต่เพราะรัฐธรรมนูญอยู่ที่นั่น เพราะองค์กรอิสระมากมายสามารถก่อรัฐประหารเมื่อใดก็ได้ พวกเขาสามารถเปลี่ยนจากปฎิวัติรัฐประหารโดยทหาร ซึ่งมาตรฐานสากลรับไม่ได้ เป็นการรัฐประหารโดยพลเรือน ซึ่งเป็นกระบวนการที่ค่อนข้างซับซ้อน และโลกทั้งโลกก็ไม่เข้าใจ คิดแค่ว่า มันเหมาะสม และต้องให้ความเคารพ แต่สิ่งนี้ยังอยู่ในขอบเขตอำนาจของรัฐประหาร ดังนั้น เราจำเป็นต้องปรับปรุงแก้ไขรัฐธรรมนูญ

เราพยายามที่จะก้าวผ่านกับระเบิด ซึ่งถ้าเราสามารถผ่านไปได้ เราควรจะแก้ไข จริงๆ เราอยากทำก่อนการเลือกตั้ง เพราะเราสัญญาเอาไว้ เพราะถ้าเราทำงานแล้วดันไปเหยียบโดนกับระเบิด มันก็ตูม  ประชาชนจะเข้าใจเรา

คุณคิดว่าจะมีโอกาสประนีประนอมกันระหว่างพรรคหรือเปล่า

ตอบ - มันคือสิ่งที่เราอยากเห็น แต่ผมไม่รู้ ถ้าหากว่าในประเทศไทยมีความยุติธรรม ทุกสิ่งทุกอย่างย่อมเกิดขึ้น มันเป็นเรื่องปกติ บางพรรคยังคงคิดว่าพวกเขามีคนหนุนหลัง ยังได้ประโยชน์จากรัฐธรรมนูญปัจจุบัน ที่ทำให้พวกเขาได้เปรียบ ได้สิทธิพิเศษจนไม่ใส่ใจไม่แคร์เรื่องที่จะเท่าเทียมกัน เหมือนเกมฟุตบอล ที่คุณไม่อยากร่วมแข่งในรายการ ถ้ารู้ผลอยู่แล้วว่าใครจะได้แชมป์ แต่ถ้าคุณทำงานหนัก คุณก็ต้องปฎิบัติตามมาตรฐานสากล ตามกฎซึ่งต้องลงแข่งขันเพื่อให้ได้แชมป์

คุณพูดว่า พระราชวังอยู่เหนือการเมือง แล้วคุณได้คุณกับใครในนั้นบ้างหรือเปล่า

ตอบ - ไม่ ไม่ครับ พระราชวังอยู่เหนือการเมืองเสมอ ตอนที่ผมเป็นนักการเมือง ผมไม่ควรจะก้าวก่ายเรื่องทางวัง ผมควรให้ความเคารพ และมุ่งสนใจแต่เรื่องทางการเมืองอย่างเดียวเท่านั้น

แล้วในด้านกีฬาล่ะ มันเป็นความชื่นชอบของคุณหรือเปล่า แผนการณ์ในอนาคตทางด้านนี้ของคุณเป็นอย่างไร

ตอบ - ในใจผมมีแต่แมนเชสเตอร์ ซิตี เท่านั้น ผมได้รับข้อเสนอมากมาย แต่ผมตัดสินใจว่าไม่ดีกว่า เพราะผมยังผูกพันธ์อยู่กับแมนเชสเตอร์ ซิตี

งั้นทำไมคุณถึงขายมันตอนนั้นล่ะ

ตอบ - ตอนนั้นผมไม่มีเงิน ถ้าผมไม่ถูกรังแกทางการเมือง...พวกเขาเอาทรัพย์สินของผมไป เอาเงินของผมบางส่วนไป ซึ่งไม่ยุติธรรมสักนิด และผมยังได้รับการเลือกปฎิบัติอีก จนผมต้องยืนหยัดสู้ต่อ คุณรู้ไหม สำหรับผม ผมยอมเสียเงินหลายพันล้านโดยที่ผมไม่แคร์สักนิด ถ้าหากว่าผมได้รับการปฏิบัติอย่างยุติธรรมเท่าเทียม แต่นี่มันไม่แฟร์เลย กฎหมายไม่สามารถให้หลักการกับนักเรียนได้เพราะสิ่งที่พวกเขาปฎิบัติละเมิดกฎหมายอย่างร้ายแรง และแม้จะไม่มีบัญญัติหลักการตัวบทกฎหมาย แต่พวกเขาก็เขียนกฎของเขาเอง ด้วยคำพูดของเขาเอง

เพราะว่าคุณอยากช่วยบรรดาชาวนาอย่างนั้นหรือ

ตอบ - คุณรู้ไหมว่าความเชื่อของผมอาจจะแตกต่างจากคนอื่นๆ ที่ชอบสายอนุรักษ์นิยม  ผมอาจใช้เวลาส่วนใหญ่อยู่ในต่างประเทศ ผมมักรู้สึกว่ามีประเทศยากจนน้อยเหลือเกิน แต่สำหรับประเทศไทย พวกเรายังยากจน นั่นคือสิ่งที่ผมคติด และผมคิดว่า ทำไมเราไม่สามารถช่วยให้คนของเราพ้นจากสภาพความยากจนล่ะ มันเป็นเหมือนพันธสัญญาของผม ไม่ใช่แค่เรื่องการเมือง มันเป็นสิ่งที่ผมต้องทำ และผมก็ทำ หลายต่อหลายคนพูดว่า ไม่ ไม่ ไม่...ผมไม่รู้...ถ้าผมย้อนเวลากลับไปได้ ผมก็จะช่วยคนจนให้แข็งแกร่งขึ้น เพราะผมเชื่อว่า ถ้าคนพ้นจากสภาพความยากจน ทั้งประเทศก็จะมั่งคั่ง  และถ้าประเทศมั่งคั่ง บรรดาอภิสิทธิ์ชนทั้งหลายก็จะยิ่งได้ประโยชน์มากยิ่งขึ้น แต่พวกเขากลับไม่เข้าใจ และต้องการเพียงแค่ดำรงสถานะตำแหน่งของตนไว้เท่านั้น

คุณรู้จักบิล คลินตันไหม คุณวางแผนที่จะทำงานกับองค์กรคลินตัน โกลบอล อินนิทิเอทีฟ* กับเขาหรือเปล่า (* Clinton Global Initiative -องค์กรอิสระที่ก่อตั้งโดยบิล คลินตัน เพื่อนำความคิดมาสู่การปฏิบัติ)

ตอบ - ใช่ (ผมรู้จักเขา) แต่ผมไม่รู้ (ว่าจะทำงานร่วมกันหรือไม่) เขาอาจคิดว่าผมอยู่ในระหว่างการลี้ภัยนอกประเทศ และคิดว่าไม่ดีกว่า จริงๆ แล้ว เขาเป็นคนแนะนำให้ผมรู้จักกับชายชาวเปรูคนหนึ่ง ชื่อ เฮอร์นันโด เดอ โซโต ที่เขียนหนังสือเกี่ยวกับเศรษฐกิจทุนนิยม (และเพิ่มอำนาจให้กับประชาชนด้วยหลักประกันพื้นฐาน) ผมเชิญเขามาเมืองไทยให้พบปะกันนักคิดหลายคน แล้วนำนโยบายของเขามาปรับใช้

ผมต้องถามเกี่ยวกับทหาร พวกเขาเข้ากับนายกฯยิ่งลักษณ์ได้หรือไม่

ตอบ - (เข้ากันได้) ดีมากทีเดียว

เช่นนั้น ก็ไม่ใช่ประเด็นปัญหา...

ตอบ - คือคุณรู้ไหม จนถึงตอนนี้ ทุกอย่างยังดีไม่มีปัญหา เราไม่มีประเด็นกับพวกเขา และเราก็ทำงานร่วมกันได้ดี แต่อำนาจทางการเมืองคือบางสิ่งที่บางครั้งไม่มีสูตรแก้ไขตายตัว ระหว่างที่ผมดำรงตำแหน่งอยู่ ผมไม่มีปัญหา (กับทหาร)  ผมแต่งตั้งหลายคน แม้กระทั่งคนที่ทำการรัฐประหารผมอย่าง สนธิ แต่เมื่อมันถึงเวลา พวกเขาได้รับคำสั่งให้ต้องปฎิบัติตาม

คุณเป็นนักการเมือง และก็เป็นนักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จ คุณมีเงินมากมาย ทำไมคุณถึงทำให้ตัวเองต้องอยู่ในสถานการณ์ที่ใครต่อใครวิพากษ์วิจารณ์ว่าคุณละโมบโลภมาก

ตอบ - นักการเมืองทั้งหลายมักจะวิพากษ์วิจารณ์ผู้อื่นในทางต่างๆ เสมอ ถ้าหากคุณได้อ่านหนังสือที่ชื่อว่า กลยุทธ์ยูโด (Judo Strategy) ซึ่งระบุว่า คุณต้องจู่โจมจุดแกร่งของคู่ต่อสู้เมื่อพวกเขาเคลื่อนไหว ซึ่งจุดแกร่งที่ว่าอยู่ที่ขา เมื่อคุณแตะที่ขาขณะที่เขาเคลื่อนไหว เขาย่อมต้องล้ม และศัตรูของผมกำลังพยายามเตะที่จุดแกร่งของผมตลอดเวลา ผมประกาศไว้อย่างชัดเจนแล้วว่า ผมมีเท่าไรก่อนที่ผมจะลงสนามการเมือง ตอนที่ผมเดินเข้าสู่เส้นทางการเมือง ผมมีน้อย แต่ราคาหุ้นในตลาดมันเพิ่มสูงขึ้นเช่นเดียวกับหุ้นตัวอื่นๆ ในตลาด ทว่าพวกเขาก็พยายามชักจูงคนไปในทางที่ผิด  ยกตัวอย่างเช่น บอกว่าผมหลบเลี่ยงภาษี พวกเขาพูดว่า "เมื่อคุณก๋วยเตี๋ยว คุณยังต้องจ่ายภาษี คุณขายบริษัท ทำไมไม่เสียภาษี" การพูดแบบนี้ชวนให้เข้าใจผิด ขายก๋วยเตี๋ยวคือการขายสินค้าซึ่งต้องเสียภาษี บริษัทขายโทรศัพท์มือถือก็ต้องเสียภาษี แต่นี่คือการขายหุ้นในตลาดหุ้น ซึ่งได้รับการยกเว้นภาษีตามกฎหมาย ที่ระบุว่า ถ้าคุณได้เงินจากการขายหุ้น พวกเขาก็จะไม่เก็บเงินภาษีจากคุร ไม่มีภาษีกำไรจากการขายทรัพย์สิน

คุณมีความเห็นเกี่ยวกับจีนกับอาเซียนในประเด็นพิพาททะเลจีนใต้หรือไม่

ตอบ - ผมได้พูดคุยกับบรรดาผู้นำในอาเซียน โดยบอกว่า ประเด็นพิพาททะเลทางจีนใต้มีเฉพาะประเทศสมาชิกอาเซียนบางประเทศเข้าไปเกี่ยวข้อง ขณะที่จีนเองก็เป็นพันธมิตรกับกลุ่มอาเซียน มันเป็นสถานการณ์ที่ไม่ควรดึงให้เป็นเรื่องระหว่างจีนกับอาเซียน แต่ควรอยู่ในระดับทวิภาคีระหว่างสองประเทศมากกว่า อาเซียนแสดงความวิตกกังวลได้ แต่ไม่ควรเข้าไปยุ่งกับการเจรจาหรือก่อกระแสกดดันใดๆ เราสามารถหลีกเลี่ยงความขัดแย้งได้ และถือเป็นครั้งแรกที่มีสัญญาณร้ายออกมาสำหรับการประชุมระดับรัฐมนตรีอาเซียนเมื่อหลายเดือนก่อน ในกัมพูชา และยังเป็นครั้งแรกที่เราไม่มีถ้อยแถลงปฎิญญาร่วมกัน เพราะมีสาเหตุจากประเด็นดังกล่าว เป็นเหตุผลว่าทำไมผมถึงคุยกับนายกรัฐมนตรีฮุนเซนว่าประเด็นขัดแย้งดังกล่าวไม่ควรเป็นปัญหาของอาเซียน แต่ควรเป็นเรื่องระดับทวิภาคี อาเซียนช่วยได้ในแง่ของการช่วยให้การเจรจาเป็นไปอย่างสันติ

แต่ตำแหน่งของคุณในขณะนี้ พูดโดยทั่วไปก็ค่อนข้างเอื้อกับประเทศจีนนี่ครับ

ตอบ - ไม่ ผมไม่คิดเช่นนั้น ผมเองก็มีความใกล้ชิดกับสหรัฐ ผมคิดว่ามันเป็นประเด็นที่ต้องเป็นไปอย่างสันติ อาเซียนจำเป็นต้องแข็งแกร่งในด้านเศรษฐกิจ เรายังมีคนจนมากมาย ทำไมเราไม่มุ่งความสนใจที่จะหาทางออกอย่างสันติ และพยายามเสริมสร้างความมั่งคั่งทางเศรษฐกิจ คนยากจนของเราไม่สามารถทนทุกข์ได้นาน กับความขัดแย้งสามารถรอได้ แต่กับความทุกข์ยากของคน มันรอไม่ได้

สิ่งที่เราเรียกว่า "การพัฒนาร่วมกัน" ระหว่างไทยกับมาเลเซีย คือตัวอย่างที่ดีมากสำหรับการเริ่มต้น (ในการแก้ไขปัญหา) ขณะนี้เราพยายามทำกับกัมพูชา มันเป็นสิ่งที่ควรจะเป็น เราควรจะร่วมมือกันแทนที่จะต่อสู้กัน ขณะเดียวกัน ผมก็อยากเห็นสัมพันธภาพอันดีระหว่างสหรัฐกับจีน ถ้ามีสิ่งใดที่ผมทำได้เพื่อให้ความสัมพันธ์เป็นไปด้วยดี ผมก็พร้อมที่จะทำ ... ผมรู้จักบรรดาผู้นำในภูมิภาค  ผมต้องการช่วยหาทางออกอย่างสันติ เพราะภูมิภาคนี้ต้องการความมั่งคั่ง โลกตอนนี้มีปัญหาทั้งในสหรัฐ และยุโรป ส่วนแอฟริกาก็ต้องการความมั่งคั่งที่จะช่วยให้โลกทั้งใบเติบโตต่อไป ไม่เช่นนั้น เศรษฐกิจทั่วโลกย่อมเข้าสู่ภาวะชะงักงัน

คุณมีสายสัมพันธ์กับสมาชิกระดับคณะกรรมาธิการสามัญประจำสภาของรัฐบาลจีนหรือไม่

ตอบ - ไม่ใช่กรรมาธิการสามัญประจำสภาครับ...ผมค่อนข้างใกล้ชิดกับรัฐบาลจีน และมีโอกาสพูดคุยและรับฟังพวกเขา ผมเพิ่งจะไปสหรัฐ และพบกับเฮนรี คิสซิงเจอร์ เราแลกเปลี่ยนมุมมองเรื่องจีน-สหรัฐ, จีน-อาเซียน เราคุยกันว่า สถานการณ์ควรเป็นอย่างไร

เขา (เฮนรี คิสซิงเจอร์) เป็นอย่างไรบ้าง

ตอบ - ฉลาดมากครับ สมองทำงานเป็นระบบระเบียบดีมากทีเดียว เขาเดินมาส่งผมที่ลิฟต์ ยังกระฉับกระเฉง เราคุยกันอยู่กว่าชั่วโมงได้

นี่เป็นช่วงเวลาที่ยากลำบากที่สุดในชีวิตของคุณหรือเปล่าครับ

ตอบ - ผมไม่เคยรู้สึกอย่างนั้น...เพราะผมเป็นคนชอบหาทางออก เมื่อไรก็ตามที่มีปัญหา ผมจะหาทางออกให้กับมัน เมื่อผมพบทางแก้ไข ผมก็ไม่รู้สึกยากลำบากอะไร ผมโอเคนะ ผมเป็นคนค่อนข้างคิดบวก ชอบคิดอยู่เสมอ และมองไปข้างหน้ามากกว่าจะครุ่นคิดย้อนหลัง

ถ้าหากว่าเป็นไปได้ คุณได้อยู่ในประเทศไทยอีก คุณจะอยู่ในตำแหน่งอะไร

ตอบ - คือ คุณรู้ไหม ผมอยากเป็นประโยชน์กับประชาชนมากที่สุด อะไรก็ตามที่ผมทำได้ ผมมีประสบการณ์ที่จะให้ความช่วยเหลือได้ จะคิดหรืออะไรก็ได้ เพราะผมทำได้ ผมสามารถทำงานให้ฟรีโดยไม่คิดเงิน ผมยังคงตกงาน แต่ไม่จำเป็นต้องมีเงินเดือน

ตอนนั้น มีหลายประเทศเหมือนกันเสนอให้ผมไปลี้ภัย ครับ เพราะว่าพวกเขาสงสารผม และเข้าใจเป็นอย่างดีว่าเกิดอะไรขึ้น แต่ผมไม่อยากไป รัฐประหารเกิดขึ้นในประเทศไทยหลายครั้ง ทว่าก็ฟื้นคตัวกลับมาได้ทุกครั้ง พวกเขาไม่อยากแก้แค้นนายกรัฐมนตรีที่ถูกขับไล่ อย่างไรก็ตาม นี่เป็นครั้งแรกที่พวกเขาขับไล่นายกฯที่ยังคงได้รับความนิยม และต้องการล้างแค้น มันเป็นสิ่งที่ไม่ควรเกิดขึ้นในประเทศไทย โดยเฉพาะในเมืองพุทธเช่นนี้ แต่มันก็เกิดขึ้นแล้ว และเป็นเหตุผลว่าทำไมเรื่องราวจึงยังดำเนินต่อไป

ดูเหมือนว่าคุณจะยังไม่พอใจจนกว่าจะแก้ไขสิ่งที่ผิดให้ถูกต้อง

ตอบ - ครับ ผมยังจะคอย ต่อให้นอนรออยู่บนเตียงก็ตาม

คุณคิดถึงประเทศไทยไหมครับ

ตอบ - แน่นอนสิ ใครๆ ก็ต้องคิดถึงประเทศของตนเอง แต่เพราะจากบ้านมานาน เป็นธรรมดาที่ไม่ว่าใครก็ต้องมีการปรับตัวให้เข้ากับสภาพแวดล้อม ผมสามารถอยู่ที่ไหนก็ได้ ผมว่าผมโอเคแล้วสำหรับสถานการณ์ตอนนี้

มีอะไรอีกไหมที่อยากให้เราทำความเข้าใจ

ตอบ - ผมค่อนข้างโชคร้ายที่ประเทศไทยมีหนังสือพิมพ์ภาษาอังกฤษแค่ 2 ฉบับ ดังนั้น ผู้อ่านต่างชาติน่าจะได้รู้สิ่งที่เกิดขึ้นในประเทศไทยผ่านหนังสือพิมพ์เหล่านี้ ซึ่งคำ หรือข้อความที่พวกเขาใช้ค่อนข้างอคติลำเอียง มาตั้งแต่ต้น ไม่ใช่เฉพาะในรายละเอียดเนื้อข่าว แต่รวมถึงพาดหัวข่าวด้วย ดังนั้น อย่าเชื่อพวกเขา ถ้าพวกคุณอยากรู้จักผม รู้จักทักษิณจริงๆ แต่คุณอ่านหนังสือพิมพ์เหล่านี้ คุณไม่มีทางรู้จริงๆหรอก ว่า ทักษิณเป็นคนอย่างไร

หมายเหตุ - สามารถอ่านต้นฉบับได้ที่

http://www.forbes.com/sites/timferguson/2012/10/30/qa-thaksin-sits-down-with-forbes/