posttoday

ผู้ได้รับเกียรติ 'ค้อนปลอมดูไบ'

01 มิถุนายน 2555

“สมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์” กลายเป็นประธานสภาผู้แทนราษฎรคนแรกในประวัติศาสตร์การเมือง

โดย...ธนพล บางยี่ขัน

“สมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์” กลายเป็นประธานสภาผู้แทนราษฎรคนแรกในประวัติศาสตร์การเมือง ที่ถูก สส.ฉุดกระชากลากลงจากบัลลังก์ ด้วยพฤติกรรมที่ “ฝ่ายค้าน” อดรนทนไม่ไหวกับความเอนเอียงรวบรัดตัดตอนปิดกั้นการทำหน้าที่ของประชาธิปัตย์

จากตำนาน “ขุนค้อน” เมื่อสมัยดำรงตำแหน่งรองประธานสภาผู้แทนราษฎร ปี 2540 กลายสภาพเป็น “ค้อนปลอมตราดูไบ” ตามฉายาที่สื่อมวลชนสภาตั้งให้ ตามที่ได้ยอมรับว่า ไปพบกับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ก่อนได้รับเลือกให้เป็นประธานสภา ท่ามกลางข้อกังขาว่าได้รับตำแหน่งประมุขฝ่ายนิติบัญญัติเพื่อคุมเกมสภาตามคำสั่ง “นายใหญ่” จากแดนไกล

การปฏิบัติหน้าที่ในช่วงที่ผ่านมา “สมศักดิ์” ถูกมองว่าใช้อำนาจเบ็ดเสร็จ โดยยึดข้อบังคับที่ให้อำนาจประธานในการวินิจฉัยความขัดแย้ง หรือปมปัญหาต่างๆ ที่เอื้อประโยชน์ฝ่ายเพื่อไทยอยู่บ่อยครั้งนำมาสู่วาทะแห่งปี 2554 ว่า “คำวินิจฉัยประธานถือเป็นที่สิ้นสุดจะผิดหรือถูกเป็นอีกเรื่องหนึ่ง”

ผู้ได้รับเกียรติ 'ค้อนปลอมดูไบ'

ครั้งนั้นเมื่อวันที่ 24 ส.ค. 2554 ระหว่างการประชุมร่วมกันของรัฐสภาในการแถลงนโยบายของรัฐบาล ที่สภามีการถกเถียงในการพาดพิงไปถึงสถาบันพระมหากษัตริย์ จนบรรยากาศเป็นไปอย่างเคร่งเครียด ก่อนที่ประธานจะตัดบท

“ผมฟังอยู่ไม่ได้หมายถึงอย่างนั้นครับ ท่านครับ ท่านสมาชิกครับ ผมขออนุญาตนิดเดียวครับ ข้อบังคับที่พวกเราร่างขึ้นมาเป็นกติกาให้อำนาจ ประธานเป็นผู้วินิจฉัยแล้วถือว่าเป็นเด็ดขาด ส่วนผิดหรือถูกอีกเรื่องหนึ่งครับ ผมถือว่าผมวินิจฉัยแล้วต้องเป็นเด็ดขาดครับ ไม่อย่างนั้นมันจบไม่ได้ครับ”

จากนั้นเรื่อยมาพฤติกรรมการคุมทิศทางการอภิปรายในสภาดูจะหนักข้อชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ ทั้งการปิดกั้นการแสดงความคิดเห็นของฝ่ายค้าน ปิดไมโครโฟนผู้นำฝ่ายค้าน แต่เปิดโอกาสให้ สส.ฝ่ายรัฐบาล ได้อภิปรายจนถูกต่อว่าต่อขานจากสมาชิกว่าเป็นเผด็จการรัฐสภา

อีกเหตุการณ์ชัดเจน คือ ระหว่างการประชุมร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติมวาระ 2 เมื่อช่วงค่ำวันที่ 2 พ.ค. “สมศักดิ์” ถูก “บุญยอด สุขถิ่นไทย” สส.กรุงเทพมหานคร (กทม.) พรรคประชาธิปัตย์ เดินไปหน้าบัลลังก์ พร้อมกล่าวถ้อยคำล้อเลียนว่าด้วยถ้อยคำว่า “ไฮฮิตเลอร์” พร้อมชูมือประกอบเลียนแบบท่าทางอดีตผู้นำเผด็จการ จากกรณีที่รวบรัดลงมติในมาตรา 291/6

วานนี้ในที่ประชุมร่วมกรรมาธิการ 35 คณะ เพื่อพิจารณาลงมติร่าง พ.ร.บ.ปรองดอง เข้าข่ายกฎหมายการเงินหรือไม่ “สมศักดิ์” ถึงกับออกอาการรำพึงรำพันบรรยายความน้อยอกน้อยใจที่ถูกกล่าวหากดดันการปฏิบัติหน้าที่ พร้อมปล่อยให้ฝ่ายค้านได้อภิปรายเต็มที่ในเวทีนี้

สุดท้ายวานนี้ แม้จะพลิกตำราตั้งรับวางกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจสภา เพื่ออารักขาบัลลังก์ประธานสภา หลังถูก สส.ประชาธิปัตย์ ลากลงจากเก้าอี้ พร้อมซ้ำด้วย “รังสิมา รอดรัศมี” สส.สมุทรสงคราม ลากเก้าอี้ออกจากบัลลังก์เพื่อแสดงสัญลักษณ์ว่าไม่ต้องการให้กลับมาทำหน้าที่อีกหน แต่รอบนี้ ถึงฝ่ายค้านที่เข้าไม่ถึงตัวประธานทำได้เพียงแค่ขว้างหนังสือข้อบังคับการประชุมใส่เต็มๆ

ก่อนที่จะชิงปิดสภาหลังบรรลุภารกิจเลื่อนวาระ พ.ร.บ.ปรองดอง จ่อรอการพิจารณาสภา โดยเจ้าตัวต้องรีบออกจากสภาด้วยความรวดเร็วท่ามกลางบรรยากาศการอารักขาล้อมหน้าล้อมหลัง

นับเป็นประธานสภาที่ได้รับเกียรติหลายอย่างจากสมาชิก ทั้งการถูกอภิปรายถล่มเละ ถูกกระทบกระทั่งทางร่างกาย แถมโดนยื่นถอดถอนอีกต่างหาก แทบไม่เคยปรากฏมาก่อนของรัฐสภาไทย