posttoday

โปรดฟังอีกครั้งหนึ่ง!เหตุผลรัฐประหาร19ก.ย.2549

29 พฤษภาคม 2555

ย้อนคำแถลง "สนธิ บุญยรัตกลิน" ในวันยึดอำนาจรัฐบาล"ทักษิณ" 19 ก.ย. 2549 และเหตุผลการเสนอกม.ปรองดองในปี2555

ย้อนคำแถลง "สนธิ บุญยรัตกลิน" ในวันยึดอำนาจรัฐบาล"ทักษิณ" 19 ก.ย. 2549 และเหตุผลการเสนอกม.ปรองดองในปี2555

เมื่อวันที่ 19 ก.ย. 2549 พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน หัวหน้าคณะปฏิรูปการปกครองในระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข (คปค.) ได้แถลงการณ์ ภายหลังจากการปฏิวัติยึดอำนาจจากรัฐบาลรักษาการที่มี พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 19 ก.ย. 2549 โดยมีใจความดังนี้

"ด้วยเป็นที่ปรากฏความแน่ชัดว่า การบริหารราชการแผ่นดินโดยรัฐบาลรักษาการปัจจุบัน ได้ก่อให้เกิดปัญหาความขัดแย้ง แบ่งฝ่าย สลายความรู้รักสามัคคีของคนในชาติ อย่างไม่เคยปรากฏมาก่อน ในประวัติศาสตร์ชาติไทย ต่างฝ่ายต่างมุ่งหวังเอาชนะด้วยวิธีการหลากหลายรูปแบบ และมีแนวโน้มนับวันจะทวีความรุนแรงมากยิ่งขึ้น

"ประชาชนส่วนใหญ่เคลือบแคลงสงสัยการบริหารราชการแผ่นดิน อันส่อไปในทางทุจริตประพฤติมิชอบอย่างกว้างขวาง หน่วยงาน องค์กรอิสระ ถูกครอบงำทางการเมือง ไม่สามารถสนองตอบเจตนารมณ์ตามที่ได้บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญ แห่งราชอาณาจักร ทำให้การดำเนินกิจกรรมทางการเมืองเกิดปัญหาและอุปสรรคหลายประการ ตลอดจนหมิ่นเหม่ต่อการหมิ่นพระบรมเดชานุภาพแห่งองค์พระมหากษัตริย์ ผู้ทรงเป็นที่เคารพเทิดทูนของปวงชนชาวไทยอยู่บ่อยครั้ง

"แม้หลายภาคส่วนสังคม จะได้พยายามประนีประนอมคลี่คลายสถานการณ์มาโดยต่อเนื่องแล้ว แต่ยังไม่สามารถที่จะทำให้สถานการณ์ความขัดแย้งยุติลงได้ ดังนั้น คณะปฏิรูปการปกครองในระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นพระประมุข ซึ่งประกอบด้วยผู้บัญชาการเหล่าทัพ และผู้บัญชาการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ จึงมีความจำเป็นต้องยึดอำนาจการปกครองแผ่นดิน ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป

"คณะปฏิรูปการปกครองในระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นพระประมุข ขอยืนยันว่า ไม่มีเจตนาที่จะเข้ามาเป็นผู้บริหารราชการแผ่นดินเสียเอง แต่จะได้คืนอำนาจการปกครองระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นพระประมุขกลับคืนสู่ปวงชนชาวไทยโดยเร็วที่สุด ทั้งนี้เพื่อธำรงรักษาไว้ ซึ่งความสงบสุข และความมั่นคงของชาติ รวมทั้งเทิดทูนไว้ ซึ่งสถาบันพระมหากษัตริย์อันเป็นที่เคารพยิ่งของปวงชนชาวไทยทุกคน

********************************

ขณะที่เมื่อวันที่ 29 พ.ค. 2555 พล.อ.สนธิ ซึ่งเป็น ส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อ พรรคมาตุภูมิ และเจ้าของร่างพ.ร.บ.ว่าด้วยความปรองดองแห่งชาติ ให้เหตุผลในการเสนอร่างกฎหมายดังกล่าวเข้าสู่สภาพร้อมกับตอบคำถามผู้สื่อข่าวไว้อย่างน่าสนใจ

พล.อ.สนธิกล่าวว่า วิกฤตสถานการณ์วันนั้นตอนนั้นก็เห็นอยู่ว่ามันเป็นวิกฤตของบ้านเมือง วันนี้ถามว่ามีใครกล้าจะมาทำให้มันเกิดความสงบเรียบร้อยหรือไม่เท่านั้นเอง ปัญหาคือเราต้องการคนกล้าที่จะมาทำงานให้บ้านให้เมืองเพื่อเกิดความปรองดอง เพราะฉะนั้นวันนี้ถามว่าผมมีความสุขและอยากได้อะไรหรือไม่ ผมไม่อยากได้อะไร แต่ต้องการเห็นบ้านเมืองเกิดความปรองดองเท่านั้นเอง ตรงนี้สำคัญที่สุด ทุกอย่างผมมีหมดแล้ว โดยเฉพาะเกียรติภูมิศักดิ์ศรีมันกว่าจะมารับจ็อบใดๆ

"วิกฤตความขัดแย้งกำลังผ่านเส้นของความขัดแย้ง อยู่สิ่งที่เราทำมุ่งจะทำให้เกิดความปรองดอง โดยความเห็นต่างและความขัดแย้งต้องมีอยู่บ้างในระบอบประชาธิปไตย แต่ทั้งนี้ในการปกครองระบอบประชาธิปไตยเราต้องใช้รัฐสภาเป็นหลักในการแก้ไขปัญหา"พล.อ.สนธิกล่าว

ถาม : ความปรองดองรวมถึงการยกโทษให้คนที่ถูกศาลตัดสินว่าผิด

พล.อ.สนธิ : ถ้าดูในรายละเอียดจะเห็นว่าพ.ร.บ.นี้ไม่มีการล้างผิด ใครทำผิดก็ผิด ยกเว้นในเงื่อนไขของการกรณีทางการเมืองจะนิรโทษกรรมให้ ใครทำผิดในบางคดีก็ต้องกลับมาเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม

ถาม : ความปรองดองจะยุติกระบวนการค้นหาความจริงหรือไม่

พล.อ.สนธิ : การค้นหาความจริงเป็นเรื่องที่ต้องทำต่อไป เพราะมันเป็นประวัติศาสตร์ส่วนหนึ่ง ส่วนความเสียหายเป็นเรื่องธรรมดา อยู่ที่ว่าทำอย่างไรความขัดแย้งทั้งหมดจะเข้าไปสู่กระบวนการของความปรองดองการเยียวยาก็ว่ากันไป

ที่ใดที่มีความขัดแย้งแล้วถ้าเราไม่ให้อภัยต่อกันความขัดแย้งจะคงอยู่ต่อไป ประเทศไทยเคยใช้คำสั่ง 66/23 เป็นตัวอย่างที่ดีที่ทำให้เกิดความปรองดองได้

ถาม : คิดว่ากฎหมายปรองดองจะสร้างความปรองดองได้จริงหรือไม่

พล.อ.สนธิ : สังคมประชาธิปไตยมีทั้งคนชอบและไม่ชอบ คงไม่มีใครเห็นด้วยกับอะไรทั้งหมด ขอให้ดูว่าประชาชนส่วนใหญ่คิดอย่างไร ปัญหาบ้านเมืองเราทุกวันนี้มองเรื่องความมั่นคงมาลำดับหลัง เราให้นิติรัฐและนิติศาสตร์มาก่อน เมื่อนิติศาสตร์มาก่อนความมั่นคงจะมาที่สอง ในขณะที่มีวิกฤติเราต้องให้ความมั่นคงมาก่อน นิติศาสตร์มาลำดับสอง ถ้าบ้านเมืองปกตินิติศาสตร์จึงจะมาก่อนรัฐศาสตร์

ถาม : คนมองว่าเป็นคนรัฐประหารเองแล้วเหตุใดจึงเสนอกฎหมายให้ยกเลิกผลของการรัฐประหาร

พล.อ.สนธิ : ผมไม่ได้อะไรจากเรื่องนี้ กฎหมายนี้ไม่เกี่ยวอะไรกับผม ผมอยากเห็นบ้านเมืองสงบสุข ส่วนการชุมนุมก็ไม่เป็นไร ระบอบประชาธิปไตยมันไปได้ ต้องศึกษากันไป ดูกันไปนี่คือความมีเสน่ห์ของประชาธิปไตยแบบบ้านเรา

กฎหมายปรองดองเป็นกฎหมายสากลที่คนทำกันทั่วโลก สถาบันพระปกเกล้าก็มีผลวิจัยว่าทุกประเทศมีการให้อภัยกัน ณ วันนี้เราต้องยอมต้องถอยหลังคนละก้าวตนไม่มีอะไร ไม่มีส่วนได้ส่วนเสียใดๆ ทั้งสิ้น

ถาม : กังวลหรือไม่ว่าจะเกิดความขัดแย้งแล้วเกิดการรัฐประหารอีก

พล.อ.สนธิ : ทหารต้องคิดให้ดี วันนี้กับวันที่ตนทำไม่เหมือนกันมันต่างกันคนละเรื่อง

ถาม : ยืนยันไหมว่าสิ่งที่ทำมากับกำลังทำอยู่ถูกต้อง

พล.อ.สนธิ : ยืนยันว่าถูกต้องและวันนี้จะทำอีกแบบให้เห็นว่าความปรองดองมีทางที่จะทำได้หลายทาง ผมยังเชื่อว่าคนไทยทุกคนเข้าใจได้