รายงานพิเศษ:แกะรอยแดงฮาร์ดคอร์ ต่างคนต่างเดินแต่บรรจบเป้าหมายเดียวกัน
ถ้าเกาะติดความเคลื่อนไหว พบว่า ความสัมพันธ์ระหว่างแกนนำที่อ้างว่าสันติวิธียังเชื่อมต่อกับสายฮาร์ดคอร์วันยันค่ำ เรียกว่าเดินคู่ขนานแต่มาบรรจบด้วยเป้าหมายเดียวกัน
โดย...ทีมข่าวการเมืองพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี
แม้คำตัดสินของศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง จะจบลงด้วยคำพิพากษาให้ยึดทรัพย์บางส่วนของพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ทำให้คนส่วนใหญ่กระจ่างแจ้งต่อคำพิพากษา ชี้ให้เห็นถึงการกระทำโดยมิชอบของอดีตนายกฯ
แต่ทว่า สถานการณ์บ้านเมืองกลับอึมครึม ขยับใกล้จุดเดือดทางการเมืองอีกครั้ง เมื่อเจ้าของทรัพย์สินไม่ยอมรับผลคำตัดสิน หาช่องทางทวงคืนหีบสมบัติตัวเองให้ได้
คำแถลงผ่านวิดีโอลิงก์ วันตัดสินคดียึดทรัพย์ ต่อหน้ามวลชนเสื้อแดงและอีกหลายวันต่อมา ด้วยการย้ำให้ มวลชนคนเสื้อแดงลุกขึ้นสู้ เดินทางเข้าร่วมชุมนุมเยอะๆในวันที่ 14 มี.ค. ภายใต้ความเชื่อว่า สักวันหนึ่งชัยชนะจะเป็นของเรา ประจวบเหมาะกับเหตุระเบิดพื้นที่กทม. และปริมณฑล 4 จุด ยิ่งทำให้สถานการณ์บ้านเมืองตึงเครียดจะเกิดการเปลี่ยนแปลงตามที่พ.ต.ท.ทักษิณ ต้องการหรือไม่
แม้ว่า พ.ต.ท.ทักษิณ จะพยายามบอกมวลชนให้ต่อสู้ด้วยสันติ อหิงสา แต่ในจังหวะของการเคลื่อนมวลชนหลายต่อหลายครั้ง มักจะมาพร้อมการปลุกระดมยุยงสู่ความรุนแรงก่อนเสมอ ดังเหตุการณ์ช่วงเดือนเมษายนปีที่แล้วเป็นเครื่องการันตี
ทางหนึ่งแกนนำออกมาย้ำว่าจะใช้สันติวิธี แต่ทางหนึ่ง มีแกนนำอีกส่วนพยายามนำวิธีรุนแรงมาใช้
ก่อนหน้านี้ จตุพร พรหมพันธ์ ออกมาปฏิเสธ พล.ต.ขัตติยะ สวัสดิผล ผู้ทรงคุณวุฒิกองทัพบก หรือเสธ.แดง ไม่ได้อยู่ร่วมขบวนการเสื้อแดง หรือพยายามสร้างภาพให้เห็นว่าถอยห่างแนวคิด พล.อ.พัลลภ ปิ่นมณี ซึ่งเคยเปิดประเด็นจะตั้งกองทัพประชาชนส่อไปทางรุนแรง แต่ถ้าเกาะติดความเคลื่อนไหว พบว่า ความสัมพันธ์ระหว่างแกนนำที่อ้างว่าสันติวิธียังเชื่อมต่อกับสายฮาร์ดคอร์วันยันค่ำ เรียกว่า “เดินคู่ขนานแต่มาบรรจบด้วยเป้าหมายเดียวกัน”
ตั๋วเครื่องบินไปกลับดูไป เป็นคำตอบถึงการเคลื่อนไหวที่มีความผสมผสานระหว่างพฤติกรรมนุ่มนวลกับหยาบกระด้าง หลายครั้งปรากฎชื่อ แกนนำสายใกล้ชิดไปพบพ.ต.ท.ทักษิณ หลายครั้งปรากฎชื่อ อดีตส.ส.ไทยรักไทย ส.ส.เพื่อไทย และหลายครั้งเช่นกัน ปรากฎชื่อ กลุ่มของพล.ต.ขัตติยะ อริสมันต์ พงษ์เรืองรอง สุพร อัตถาวงศ์ บวกกับแกนนำสายใกล้ชิดไปพร้อมกัน
ยิ่งใกล้วันชุมนุมใหญ่ สายการบินไทยดูจะได้รับการใช้บริการถี่มากขึ้น ข้อมูลการเดินทางเข้า-ออก วันที่ 2 มี.ค. 53 ปรากฎชื่อ พล.ต.ขัตติยะ มานิตย์ จิตร์จันทร์กลับ อุดม มั่งมีดี นางกนกพร ศิริพรรณภิรัตน์ เดินทางไปดูไบ เที่ยวบิน ทีจี 517 เวลา 17.30 น. และแจ้งเดินทางกลับจากดูไบเที่ยวบิน ทีจี 518 ถึงท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ วันนี้ ( 4 มี.ค. ) เวลา 08.35 น.
เป็นที่ทราบกันดี กรณีของเสธ.แดง กลายเป็นสัญลักษณ์ของความรุนแรงตามที่แกนนำสายใกล้ชิดอ้างว่าไม่ได้อยู่ในพวก แต่กลับรายชื่อ มานิตย์ จิตร์จันทร์กลับ อุดม มั่งมีดี สองอดีตผู้พิพากษา ที่หันเหทำงานด้านให้คำปรึกษากฎหมายพรรคเพื่อไทย และขึ้นเวทีเสื้อแดงเคียงบ่าเคียงไหล่แกนนำแดงสายใกล้ชิด ก็ล็อคที่นั่งไปพร้อมกับเสธ.แดง
เหมือนกับครั้งที่ เสธ.แดง เกี่ยวก้อย พรวัฒน์ ทองธนบูรณ์ หรือ "เคทอง" คนสนิทเสธ.แดง ที่กำลังถูกหมายจับขู่บึ้มกรุงขณะนี้ เดินทางไปพร้อมกับแดงสายใกล้ชิดอย่าง วีระ มุกสิกพงษ์ จรัลดิษฐาอภิชัย และเหวง โตจิรการ
การเดินทางครั้งนี้ ในทางการเมืองไม่อาจมองเป็นอย่าอื่นได้นอกจาก “ เตรียมไปรับงาน” ส่วนจะเป็นงานประเภทไหน สุดแล้วแต่จะคาดการณ์
เพราะระดับเสธ.แดง เป็นที่รับรู้ถึงความแม่นยำในการทำนายเหตุรุนแรงในบ้านเมือง ยิ่งกรณีคนสนิท “ เคทอง” ก็ได้สำแดงความตื่นวิตกให้กับคนกรุงไปแล้วจากกรณีออกวิทยุ เสนอข้อมูลผ่านเวปไซต์ เตือนคนกรุง ระวังระเบิดหลังวันตัดสินคดี รวมถึงกระบวนการจัดยุทธวิธี ในฐานะที่เสธ.แดงเองก็ยอมรับเป็นผู้ฝึกฝนหน่วยรบพระเจ้าตาก นักรบนินจาโรนนิน อะไรทำนองนั้น
ขณะที่อดีตสองผู้พิพิพากษาที่เกี่ยวก้อยไปพร้อมกันกับเสธ.แดง ก็น่าเป็นการให้คำปรึกษาหาช่องต่อสู้ทางกฎหมาย และล่าสุดหลังการเดินทางกลับมาถึงเมืองไทย เมื่อเช้าวันนี้ มานิตย์ ก็ออกมายอมรับได้ไปให้คำปรึกษากฎหมายกับพ.ต.ท.ทักษิณจริงทำนองให้พ.ต.ท.ทักษิณ ร้องเรียนผู้นำนานาชาติ
บรรดาความเคลื่อนไหวเหล่านี้ สอดรับขับประสานกันไปหมด ล้วนเป็นเรื่องที่รัฐบาล ต้องแกะรอยหาคำตอบ โดยมิอาจนิ่งนอนใจ