posttoday

นายกฯเชื่อรัฐบาลใหม่แถลงนโยบายส.ค.

13 กรกฎาคม 2554

“นายกฯ” ถกหัวหน้าส่วนราชการ ส่งท้าย ขอบคุณช่วยขับเคลื่อนนโยบาย เชื่อรัฐบาลใหม่แถลงนโยบายสภาได้ปลายสิงหาคม เป็นอย่างช้า เผย สำนักงบ สะท้อนอยากให้ข้อตกลงปรับงบฯสมดุลเดินหน้าต่อ ใน3-4ปี ยัน ไม่อยากให้ยกเลิกประกันรายได้ ยังเชื่อเปลี่ยนรัฐบาล เปลี่ยนนโยบาย ข้าราชการประจำทำงานได้

“นายกฯ” ถกหัวหน้าส่วนราชการ ส่งท้าย ขอบคุณช่วยขับเคลื่อนนโยบาย เชื่อรัฐบาลใหม่แถลงนโยบายสภาได้ปลายสิงหาคม เป็นอย่างช้า เผย สำนักงบ สะท้อนอยากให้ข้อตกลงปรับงบฯสมดุลเดินหน้าต่อ ใน3-4ปี ยัน ไม่อยากให้ยกเลิกประกันรายได้ ยังเชื่อเปลี่ยนรัฐบาล เปลี่ยนนโยบาย ข้าราชการประจำทำงานได้

ที่ทำเนียบรัฐบาล นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรีกล่าวภายหลังการประชุมหัวหน้าส่วนราชการว่า ในที่ประชุมได้ขอบคุณท่านปลัดกระทรวงหัวหน้าส่วนราชการทุกท่านที่ได้ช่วยขับเคลื่อนงานที่ช่วยแก้ปัญหาเฉพาะหน้า และนโยบายสำคัญๆ เดินหน้าไปได้พอสมควร และได้ซักซ้อมในแง่ของช่วงเปลี่ยนผ่าน และช่วงนี้ที่จำเป็นและเร่งด่วนก็ยังทำงานตามปกติ และหวังว่ารัฐบาลใหม่จะสามารถแถลงต่อรัฐสภาได้ประมาณกลางเดือนสิงหาคม หรือ อย่างช้าสุดปลายเดือนสิงหาคม และงบประมาณที่น่าจะใช้เวลาหลังจากนั้นอีกประมาณ3ถึง4 เดือน ซึ่งไม่อยากให้เกินจากนั้น แต่อาจจะไปได้ถึงต้นปีหน้า และก่อนหน้านั้นต้องใช้งบประมาณปี54 และทางสำนักงบประมาณได้พูดถึงว่าข้อตกลงที่จะปรับงบฯเข้าสู่ความดุลก็ยังอยากที่จะเดินหน้าต่อภายใน 3ถึง 4 ปีข้างหน้า

ผู้สื่อข่าวถามว่า ได้ฝากอะไรกับข้าราชการฝ่ายประจำที่ทำหน้าที่ในการยึดผลประโยชน์ของบ้าน เมืองอย่างไรบ้าง นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ทุกท่านคงตระหนักในหน้าที่อยู่แล้วและตนบอกว่าเป็นหน้าที่ของฝ่ายประจำที่จะ ต้องให้ข้อมูลฝ่ายต่างๆให้ครบถ้วนกับฝ่ายนโยบาย เมื่อมีนโยบายเข้ามาควรจะส่งผลการประเมินต่างๆให้ครบถ้วนและเดินหน้า

เมื่อถามว่า ขณะนี้ในส่วนของทางพรรคเพื่อไทยเองได้เตรียมที่จะรื้องบประมาณปี55 นายกฯ กล่าวว่า เป็นเรื่องธรรมดา คืองบประมาณปี55 ต้องสะท้อนนโยบายใหม่ของรัฐบาลใหม่ ซักต่อว่าจะมีการขาดดุลงบประมาณอีก 5 หมื่นล้านบาท จะส่งผลกระทบอะไรกับหนี้สาธารณะ หรือสถานะการเงินการคลัง นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ตนยังไม่ชัดเจนเรื่องตัวเลข เพราะว่าการจัดเก็บรายได้ขณะนี้เกินเป้าอยู่ 1.7 แสนล้านบาท เพราะฉะนั้นการประเมินงบประมาณรายจ่ายเท่าไหร่ ขาดดุลเท่าไหร่ ต้องมาประเมินอีกที และจะไปพันกับเรื่องของการลดภาษีหรือไม่ ทั้งที่เป็นภาษีเงินได้นิติบุคคล ภาษีน้ำมัน ถ้าจะมีการดำเนินการ

เมื่อถามว่า ถ้าดูในภาพรวมแล้ว จะส่งผลอะไรต่อฐานะการเงินการคลังหรือไม่ กับนโยบายที่จะเปลี่ยนแปลงไป นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ขึ้นอยู่กับนโยบาย ว่าจะใช้เงินงบประมาณในด้านต่างๆเท่าไหร่ ซึ่งรายการใหญ่ก็จะเป็นเรื่องรายการ 15,000บาท ที่เป็นงบด้านบุคลากร ที่ต้องมีรายละเอียดว่าจะปรับบัญชีลักษณะไหนอย่างไร  ล่าสุดนโยบายพรรคเพื่อไทยที่จะยกเลิกโครงการประกันรายได้แน่นอน และจะนำงบประมาณในส่วนดังกล่าวมาทำ จำนำข้าวแทน คิดว่างบประมาณจะทดแทน และเพียงพอหรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า ต้องดูวิธีบริหาร แต่หลักการจำนำต้องใช้เงินเยอะกว่าอยู่แล้วในเบื้องต้น เพราะเหมือนเราไปรับซื้อทั้งหมด ไม่ได้ไปจ่ายเงินส่วนต่าง แต่เขาอาจจะถือว่ามีข้าวอยู่ในมือ แล้วงบฯที่ใช้จริงคือส่วนที่ขาดทุนทำนองนั้น แต่ว่าตนยังไม่ทราบรายละเอียดว่าเขาจะดำเนินการอย่างไร แต่ใจตนอย่างที่เคยยืนยันไปว่า ไม่อยากให้เลิกโครงการนี้

เมื่อถามว่า จากนโยบายที่กำลังจะมีการบริหารใหม่ คิดว่าจะกระทบต่อส่วนไหนบ้าง นายกฯ กล่าวว่า เราต้องรอให้เขาแถลงอย่างเป็นทางการ เพราะว่าแต่ละนโยบายขณะนี้ที่ให้ความเห็นกัน ยังมีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา จะทำเมื่อไหร่ แค่ไหน และจะทำในรูปแบบใด

เมื่อถามว่าทางภาคราชการได้สะท้อนหรือไม่ ว่าการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองบ่อย จะส่งผลกระทบอะไรกับการทำงาน นายกอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ครั้งนี้ต้องถือว่ามีเสถียรภาพมาสักกระยะหนึ่ง เพราะได้ทบทวนว่า เมื่อปี 51 มีนายกรัฐมนตรีถึง 4คน ส่วนปี 52-53เราผ่านมา และในปี54 ซึ่งอย่างไรก็ตามเป็นปีที่สิ้นสุดวาระอยู่ดี เพราะฉะนั้นคงไม่มีปัญหาเรื่องเสถียรภาพ เพียงแต่ว่าเมื่อมีการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองก็มีการเปลี่ยนแปลงฝ่ายนโยบาย ซึ่งทางฝ่ายประจำเขาต้องสามารถที่จะรองรับได้