เมื่อเวลา 17.00 น. พรรคประชาธิปัตย์ได้เปิดเวทีปราศรัยใหญ่ในพื้นที่กรุงเทพฯชั้นใน เพื่อช่วยผู้สมัคร ส.ส.ของพรรคเขต 1-10 และ 22-23 โดยการเปิดปราศรัยครั้งนี้ถือเป็นครั้งที่ 3 ของพื้นที่กรุงเทพฯ หลังจากเปิดปราศรัยในพื้นที่โซนเหนือและฝั่งธนบุรีไปแล้ว โดยมีแกนนำพรรคในส่วนกรุงเทพมหานคร อาทิ นายอภิรักษ์ โกษะโยธิน นายกษิต ภิรมย์ คุณหญิงกัลยา โสภณพนิช นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ นายกรณ์ จาติกวณิช เข้าร่วม
สำหรับบรรยากาศบนเวทีปราศรัยได้เริ่มต้นด้วยการแนะนำตัวผู้สมัครของพรรคทั้ง 12 เขต ก่อนนำเสนอนโยบายในส่วนของกรุงเทพฯ ชั้นใน อาทิ ระบบขนส่งมวลชน การแก้ไขปัญหาสังคม ซึ่งได้รับความสนใจจากประชาชนจำนวนมาก ขณะที่ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ จะขึ้นรถไฟใต้ดินจากสถานีกำแพงเพชรมาลงที่สถานีอโศกก่อนต่อด้วยรถไฟฟ้าบีทีเอสไปยังเวทีปราศรัยในเวลา 19.30 น
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ กล่าวระหว่างปราศรัยที่ สวนเบญจสิริ ว่า สองสัปดาห์สุดท้ายก่อนถึงเลือกตั้งจะมีปราศรัยต่อเนื่องทั่วทุกภูมิภาค ทั้งเหนือ อีสาน ใต้ มีคนถามว่าทำไมประชาธิปัตย์ ไม่พูดเรื่องแก้แค้น เพราะผมไม่เคยแค้นใคร แม้จะถูกไล่ทุบ ไล่ตี ไล่ขว้าง แต่ก็ไม่แค้น แค่หลบ ๆ ซึ่งเราต้องเดินหน้าต่อไป ต้องเอาเหตุเอาผลมาว่ากัน และหาทางเดินไปข้างหน้า การเลือกต้ังวันที่ 3 ก.ค. ยังมีความหมายพิเศษ การเมืองของเพื่อไทยกับประชาธิปัตย์แตกต่างกันสิ้นเชิง
นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า วันที่ 3 ก.ค. นี้คือวันที่คนไทยจะบอกว่าประเทศไทยเป็นของคนทุกสี เราจะไม่เอาเสียงดังไปสู้เสียงดัง เงินไปสู้เงิน อิทธิพลสู้อิทธิพล แต่เราจะเอาสติ สงบ เหตุผลเหนือสิ่งอื่นใดเราเอาใจที่มีให้ประเทศไปสู้เพื่อชัยชนะ วันที่ 3 ก.ค. นี้ คือวันที่เราต้องเลือกเพื่อไปเดินหน้า ทั้งนี้ โพลของจริงเราตามหลังอยู่เล็กน้อย ภาคใต้ยังให้ความไว้วางใจกับประชาธิปัตย์ แน่นอน ภาคกลาง ประชาธิปัตย์น่าจะชนะพรรคเพื่อไทย อีสาน เดิมมีน้อยมากคราวนี้ยืนยันว่าเพิ่มขึ้นแน่นอน
อย่างไรก็ตาม แต่บวกกันอย่างไร เราคงตามหลังเขาเล็กน้อยถ้าไมรวมกรุงเทพฯ เพราะฉะนั้นอยู่ที่กรุงเทพฯ ถ้าประชาธิปัตย์แพ้ ก็เรียบร้อย ไม่มีทางเป็นรัฐบาลเลย ถ้าชนะต้องถามต่อว่าชนะเท่าไหร่ ต้องชนะขาดถึงจะได้เป็นรัฐบาล เป็นภาระของพีน้องที่นี่ การเลือกตั้งครั้งนี้เป็นการตัดสินเส้นทางประเทศ เอาบ้านเมืองแบบไหน
"เหลือสิบกว่าวัน ต้องทำงานกันหนักทุกคน แต่เชื่อว่าประชาชนต้องการห็นประทเศเดินหน้า สงบบนความถูกต้อง รัฐบาลใส่ใจประชาชน ผู้นำซื่อสัตย์ไม่มีผลประโยชน์ทับซ้อนเป็นหน้าเป็นตาของเวทีโลกได้ สองปีทำงานหลายเรื่องประชาชนอาจไม่พอใจ อาจผิดหวังบางเรื่องแต่ยืนยันว่าผมทุ่มเททุกสิ่งทุกอย่างสองปีกว่าผ่านไป ผมเหมือนใช้ชีวิต สิบปี เรื่องไหนถูกใจไม่ถูกใจแต่ยืนยันไม่เคยขี้เกียจไม่เคยโกงแม้แต่สตางค์เดียว และ อีกสี่ปีต่อไปก็จะยืนหยัดอุดมการณ์" นายอภิสิทธิ์ กล่าว
นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ในวันที่ 23 มิ.ย.นี้ พรรคประชาธิปัตย์จะไปปราศรัยใหญ่ที่แยกราชประสงค์ และ วันนั้นจะได้ฟังความจริงทั้งหลายว่าเราจะดับไฟให้บ้านเมืองได้อย่างไร และในวันที่ 3 ก.ค. เราก็ต้องย้ำต้องระดมคนทุกคน ที่รักประเทศไทย ต้องการให้ประเทศไทยเดินหน้าไปกาเบอร์สิบทั้งสองใบ