posttoday

มมร.โพลเพื่อไทยนำโด่งเลือกตั้งชลบุรี

17 มิถุนายน 2554

มมร.เผยผลสำรวจโพลความคิดเห็นประชาชนในพื้นที่จังหวัดชลบุรี เพื่อไทยมาเป็นอันดับที่ 1 พลังชลอันดับ 2 ขณะที่แชมป์เก่าประชาธิปัตย์มาเป็นอันดับที่ 3

มมร.เผยผลสำรวจโพลความคิดเห็นประชาชนในพื้นที่จังหวัดชลบุรี เพื่อไทยมาเป็นอันดับที่ 1 พลังชลอันดับ 2 ขณะที่แชมป์เก่าประชาธิปัตย์มาเป็นอันดับที่ 3

คณะอาจารย์จากสาขาวิชารัฐศาสตร์การปกครอง มหามงกุฎราชวิทยาลัย วิทยาเขตสิรินธรราชวิทยาลัย ในพระราชูปถัมป์ ศูนย์การ ศึกษาชลบุรี เผยผลโพลเลือกตั้งของจังหวัดชลบุรี โดยได้จัดส่งนักศึกษาจำนวน 76 คนลงสำรวจความคิดเห็นของประชาชนเกี่ยว กับผู้สมัคร สส.ในระบบเขตและบัญชีรายชื่อในพื้นที่ 11 อำเภอของจ.ชลบุรี จากการสุ่มตัวอย่างทั้ง สิ้น 1,534 ตัวอย่าง ซึ่งแยกออกเป็นชายหญิงและคละเคล้าอายุกันในปริมาณที่เหมาะสม
 
ทั้งนี้จากการลงพื้นที่ในวันที่ 12 มิ.ย.ที่ผ่านมา โดยจำแนกหัวข้อต่างๆเกี่ยวกับการเมืองไว้ในหลายด้าน รวมทั้งความนิยมของพรรคการเมืองต่างๆนั้นปรากฏว่า พรรคเพื่อไทย เบอร์ 1 มีอันดับผลสำ รวจคะแนนความนิยมสูงสุดเป็นอันดับที่ 1 ของจังหวัดชลบุรีโดยมีค่าเฉลี่ยอยู่ที่ 18.70 % อันดับที่ 2 เป็นของพรรคพลังชล เบอร์ 6 ที่ 16.60 % ส่วนอันดับที่ 3 เป็นของพรรคประชาธิปัตย์อยู่ที่ 15.20 % ขณะที่พรรคอื่นๆอยู่ในระดับค่าเฉลี่ยไม่ถึง 1 % โดยในสัดส่วนนี้ยังมีผู้ที่ไม่ตัดสินใจเลือกอยู่อีก 45.60 % และไม่ประสงค์ลงคะแนน 1.12 % ซึ่งหากจะแยกออกเป็นอำเภอต่างๆแล้ว ปรากฏว่าพรรคเพื่อไทยได้อันดับที่ 1 ใน 4 อำเภอ ได้แก่ พนัสนิคม เกาะจันทร์ หนองใหญ่และเกาะสีชัง ขณะที่พลังชล ได้อันดับที่ 1 ใน 4 อำเภอเช่นกันได้แก่ พานทอง บางละมุง สัตหีบและศรีราชา ส่วนประชาธิปัตย์ ได้อันดับที่ 1 ในพื้นที่ 3 อำเภอ คือ อำเภอเมือง บ้านบึง และบ่อทอง โดยผลสำรวจดังกล่าวนั้นตามสถิติแล้วอาจมีความคลาดเคลื่อนได้ประ มาณ 5 %
 
สำหรับประชาชนในจังหวัดชลบุรีนั้นพบว่า 98.17 % จะออกไปใช้สิทธิ์ และประสงค์ลงคะแนน 90.09 % แสดงให้เห็นว่าประชาชนมีความสนใจการเมืองในครั้งนี้เป็นอย่างมาก ส่วนผลการสำรวจดังกล่าวไม่ต้องการชี้นำหรือชักจูงให้ใครนำไปใช้เพื่อประโยชน์อันไม่พึงประสงค์ เพียงแต่ต้องการดำเนินการเพื่อให้เป็นกลไกที่สำคัญตามระบอบประชาธิปไตย ที่สำคัญทางสถาบันดำเนินการด้วยตนเองโดยไม่มีผู้ใดสนับสนุนทั้งสิ้น อย่างไรก็ตามตัวแปรสำคัญของการเลือกตั้งครั้งนี้ก็อาจมีการเปลี่ยน แปลงกันได้ เนื่องจากยังเห็นว่ามีผู้ที่ไม่ตัดสินใจเลือกพรรคใดอยู่มากถึง 45.60 % จึงเป็นหนทางหนึ่งที่พรรคต่างๆต้องหาวิธีในการสร้างแรงจูงใจในช่วงเวลาที่เหลือจากนี้