posttoday

ต้องมีนายกฯขั้วที่3

01 มิถุนายน 2554

"ร.ต.อ.ปุระชัย เปี่ยมสมบูรณ์" ประธานพรรครักษ์สันติ ให้สัมภาษณ์พิเศษ "โพสต์ทูเดย์" ถึงสถานการณ์ทางการเมืองและความเป็นไปได้ในการเป็นนายกรัฐมนตรี รวมไปถึงความหวังและอนาคตของพรรคในสนามเลือกตั้ง

"ร.ต.อ.ปุระชัย เปี่ยมสมบูรณ์" ประธานพรรครักษ์สันติ ให้สัมภาษณ์พิเศษ "โพสต์ทูเดย์" ถึงสถานการณ์ทางการเมืองและความเป็นไปได้ในการเป็นนายกรัฐมนตรี รวมไปถึงความหวังและอนาคตของพรรคในสนามเลือกตั้ง

@การเมืองหลังวันที่ 3 ก.ค. จะเป็นอย่างไร โดยเฉพาะการจับขั้วตั้งรัฐบาล

แน่นอนว่าตามระบอบประชาธิปไตย พรรคการเมืองที่มีเสียงข้างมากถ้าเกินกึ่งหนึ่งย่อมมีความชอบธรรมได้จัดตั้งรัฐบาลก่อน แต่เกิดไม่ถึงกึ่งหนึ่งก็ย่อมเป็นโอกาสของพรรคการเมืองเสียงข้างมากได้ดำเนินการก่อน แต่ถ้าดำเนินการไม่ได้ พรรคการเมืองที่มีลำดับถัดลงไปอาจจะสามารถไปดึงพรรคการเมืองอื่นๆ มาร่วมได้ ตรงนี้เป็นเรื่องของสุภาพชน หมายความว่า พรรคที่ได้เสียงรองลงไปควรให้พรรคการเมืองเสียงข้างมากดำเนินการก่อน อย่าไปทำในลักษณะรีบร้อนจนกระทั่งกลายเป็นเรื่องน่าเกลียด

ต้องมีนายกฯขั้วที่3

ต้องเป็นสุภาพชน การเป็นผู้นำประเทศอย่ากลายเป็นคนฉกฉวย ต้องเป็นคนที่มีความเป็นสุภาพบุรุษ สง่างาม มาเป็นผู้นำแล้วประชาชนให้การยอมรับ และประชาคมโลกก็จะให้การยอมรับแก่ท่าน เกียรติยศชื่อเสียงสำคัญมากกว่าการได้เป็นนายกฯ หรือไม่ บางคนเป็นนายกฯ ไม่สง่างาม ก็เป็นได้ชั่วคราวแล้วก็จบ จะพบว่าการเป็นนักการเมืองที่ดีจะเป็นตำแหน่งอะไรไม่สำคัญ สำคัญว่าที่อยู่ในตำแหน่งแล้วได้ทำประโยชน์ให้กับประชาชนหรือไม่ บางคนไม่รู้อยู่ในตำแหน่งกี่วาระ แต่ทำเรื่องไร้สาระ

@ในอนาคตการร่วมรัฐบาลของพรรครักษ์สันติจะมีเงื่อนไขอะไรบ้าง

อันดับแรกที่สุด คือ อุดมการณ์การเมือง ถ้ารัฐบาลมีแต่การกินหัวคิวชักเปอร์เซ็นต์ เราไม่เข้าร่วมแน่นอน เพราะเข้าไปเราเสียหาย และถ้าเราตรวจพบว่าพรรคร่วมรัฐบาลกับเราได้กระทำอย่างนั้น ต้องมีการดำเนินการและเตือนกัน และเราอาจเป็นคนหนึ่งส่งให้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ เรื่องนี้มีความจำเป็นที่จะต้องรักษาผลประโยชน์ของชาติ ผมกล้าพูดเรื่องนี้ เพราะประวัติการทำงานของผมตลอดมาไม่มีประวัติด่างพร้อยเรื่องทุจริต บาทเดียวผมก็ไม่เคยรับ ถึงมั่นใจว่าผมเป็นมือสะอาดคนหนึ่งในบรรดานักการเมืองของประเทศไทย ถ้าจะเชิญเราไปร่วมรัฐบาลก็ต้องรับเราในข้อนี้ได้ ถ้าพวกจะทุจริตกันอย่าให้ผมเห็น และผมจะไม่ร่วมด้วย จะบอกว่าผมเป็นแกะดำก็ยังดีกว่าเป็นแกะขาวที่สกปรก

ถ้าเราเป็นฝ่ายค้าน แน่นอนว่าหน้าที่ของเรา คือ การตรากฎหมายและการควบคุมการใช้งบประมาณของรัฐบาล การตรวจ สอบการทำงานรัฐบาลเป็นการบ้านใหญ่ของเรา โดยเราจะไม่ใช้โวหาร แต่จะใช้ข้อมูลที่เป็นที่ประจักษ์ในการตรวจสอบ ถ้ารัฐบาลดีเราก็ชื่นชม แต่ถ้าทำไม่ดีก็ต้องท้วงติง รวมไปถึงการเสนอแนะแนวทางการทำงานให้รัฐบาลอย่างตรงไปตรงมา โดยเฉพาะแนวทางป้องกันภัยธรรมชาติว่ามีแนวนโยบายอย่างไร สมมติถ้าเราได้เป็นรัฐบาล ก็ขึ้นอยู่กับว่าเราได้รับมอบหมายให้ดูแลกระทรวงไหน ถ้าเป็นกระทรวงมหาดไทยก็ง่ายเลย ผมทำมาก่อนสมัยเป็นรัฐมนตรี

@ตอนนี้มีการมาทาบทามบ้างหรือไม่

ยังไม่มีครับ แต่ก็มีทอดไมตรีมาบ้างเหมือนกัน (หัวเราะ)

@ขณะนี้ได้เกิดกระแสนายกรัฐมนตรีจากขั้วการเมืองที่ 3 ที่ไม่ได้มาจากพรรคประชาธิปัตย์หรือพรรคเพื่อไทย ซึ่งปรากฏว่ามีชื่อของ ร.ต.อ.ปุระชัย อยู่ด้วยจะมีโอกาสเป็นไปได้หรือไม่

ต้องเรียนอย่างนี้ว่า ถ้าพูดแบบไม่ถ่อมตัว ผมเชื่อมั่นในตัวเองว่าผมมีศักยภาพที่จะเป็นผู้นำของประเทศได้ เพราะผมเป็นมาแล้วทั้งรัฐมนตรีว่าการประจำกระทรวง รองนายกรัฐมนตรี เห็นงานระดับชาติมาแล้ว ระดับราชการประจำก็เคยเป็นอธิการบดีมาแล้ว ตำรวจก็ผ่านมาแล้ว พูดง่ายๆ งานตั้งแต่คลุกฝุ่นจนถึงตั้งโต๊ะทำมาหมดแล้ว ผมมีศักยภาพไม่เพียงแค่ในประเทศไทย ผมเชื่อว่าสามารถจะนำประเทศไปสู่แนวหน้าของภูมิภาคอาเซียนได้ด้วยซ้ำไป ผมมั่นใจว่ามีเกียรติประวัติที่ดีงาม มีผลงานที่ผ่านมาไม่เป็นที่สองรองใคร แต่ผมตอบไม่ได้ว่าผมจะมีโอกาสหรือไม่

ขณะนี้ทั้งสองฝ่ายได้สร้างความเจ็บแค้นให้แก่กันและกันไม่มากก็น้อย ค่อนข้างจะเป็นไปได้มากว่าไม่ว่าฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งชนะ อีกฝ่ายหนึ่งก็จะเดือดร้อน ดังนั้นการที่ประเทศจะก้าวไปสู่ความสามัคคีได้ ต้องไม่เอาคู่กรณีขึ้นมาเป็น ต้องเอาคนกลางที่ไม่ซ้ายและไม่ขวา และเป็นคนที่มีจิตใจยึดความยุติธรรม ความเที่ยงธรรมเป็นหลัก ประเทศถึงจะสามารถเข้ารูปเข้ารอยได้ ความยุติธรรมในที่นี้หมายถึงอะไร ถูกก็ต้องว่าไปตามถูก อะไรผิดก็ต้องว่าไปตามผิด ไม่ใช่เอาผิดเป็นถูก เอาถูกเป็นผิด พวกข้าใครอย่าแตะ พวกอื่นทำลายให้หมด แบบนี้ไม่ได้ ถ้าเป็นอย่างนี้ไฟจะยิ่งไหม้ลุกลามมากขึ้น สิ่งสำคัญวันนี้คนที่จะมาดูแลประเทศต้องรักความยุติธรรม และเห็นคนไทยทั้งประเทศที่เป็นคนเท่าเทียมกัน

@แสดงว่ามีความเป็นไปได้ที่จะเกิดนายกฯ ขั้วที่ 3

เป็นไปได้ และควรจะต้องเป็นด้วย เพราะถ้าเอาฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดมาเป็น เรื่องไม่มีจบ ตรงนี้ไม่ได้หมายถึงเฉพาะตัวผมเท่านั้นที่จะเป็นได้ แต่คนที่เข้ามาต้องเป็นบุคคลใจซื่อมือสะอาดและมีความเป็นกลาง ไม่งั้นก็ต้องมาล้างแค้นกันอีก ทุกวันนี้เราพยายามลงพื้นที่พบประชาชน เราพยายามเชิญชวนพลังเงียบที่ยังไม่ตัดสินใจเลือกพรรคการ เมืองใด คือ แฟนคลับของผมส่วนหนึ่งขอร้องว่าอย่าโหวตโนกันเลย เพราะอย่างน้อยประชาชนก็มีพรรคการเมืองให้เลือกถึง 40 พรรค หนึ่งในนั้นคือพรรครักษ์สันติ ซึ่งเราเชื่อว่าจะดึงพลังส่วนนี้ออกมาได้ และอยากฝากว่าการเลือกตั้งครั้งนี้จะเป็นการก้าวพ้นวิกฤตตามระบอบประชาธิปไตย

@ถ้าได้เป็นนายกรัฐมนตรีจะบริหารเสถียรภาพภายในรัฐบาลอย่างไร ในเมื่อการเลือกตั้งครั้งหน้ายังมีความเป็นไปได้ที่จะเป็นรัฐบาลผสม

อย่าเพิ่งสมมติให้ผมเป็นเลย เพราะผมยังไม่ได้เป็น แต่ผมพูดได้อย่างหนึ่งว่าผู้บริหารที่มีความสามารถนั้นจะต้องเป็นคนติดดิน ต้องรู้ลึก รู้รอบ ไม่ใช่แค่รับรายงาน เพราะฉะนั้นผู้บริหารที่มีความสามารถทั้งหลายจะพบว่าพวกท่านเหล่านี้ลงพื้นที่ติดตามตรวจสอบและทำงานกับพี่น้องประชาชนตลอดเวลา ไม่ใช่แค่ใส่สูทผูกไทอยู่ในห้องแอร์ หรือนั่งอยู่บนหอคอยงาช้างในทำเนียบรัฐบาล

พรรคเราเองไม่มีปัญหาแน่ แต่การจะไปก้าวล่วงพรรคการเมืองมันก็ลำบาก ทำให้เราต้องระมัดระวังในการเข้าร่วมรัฐบาล ถ้ามีอย่างนี้เราก็ร่วมด้วยยาก เราระมัดระวัง ถ้าจะให้ดีก็ไม่ต้องเป็นรัฐบาล เป็นฝ่ายค้านไปก็ได้ ไม่เป็นไร โดยพรรคการเมืองที่จะเข้าไปร่วมรัฐบาลด้วยสำคัญมาก ต้องมีอุดมการณ์ร่วมกัน ปากกับใจต้องตรงกัน ไม่ใช่อุดมการณ์เพื่อชาติ แต่จริงๆ แล้วเพื่อกระเป๋าตัวเอง อย่างนี้ทำงานด้วยกันลำบาก ผมระมัดระวังมาก ถึงยังไม่อยากก้าวล่วงไปมากว่าในวันข้างหน้าจะเป็นฝ่ายค้านหรือรัฐบาล ผมไม่ได้แยแสว่าจะเป็นฝ่ายไหน ผมทำงานได้ทั้งนั้น

***********************************  

“รักษ์สันติไม่ซ้ำรอยไทยรักไทย”

@หลังจากผ่านมาสองสัปดาห์ของการหาเสียงกระแสตอบรับจากประชาชนเท่าที่สัมผัสอยู่ในระดับใด

ที่จริงในช่วงสองสัปดาห์ที่ผ่านมาเราได้ลงพื้นที่กรุงเทพทั้งหมด 11 เขตและปริมณฑล โดยในวันที่ 1 มิ.ย.เป็นต้นไปจะเริ่มเดินทางไปภาคอีสานและ6มิ.ย.จะไปภาคเหนือ ทั้งนี้เท่าที่สัมผัสกับประชาชนในกรุงเทพยอมรับว่าได้กระแสตอบรับดีมาก และมีบางคนได้มาสะท้อนปัญหาให้ฟัง
ความหวังในพื้นที่กรุงเทพขึ้นอยู่กับผู้สมัครเขตของพรรคถ้าทำงานได้เข้มแข็งก็ยังมองว่ามีโอกาสอยู่ ต้องไม่ลืมว่าประชาชนที่เป็นผู้ปกครองของเยาวชนยังคงจำเรื่อง การจัดระเบียบสังคมของผมในอดีตได้มาก แต่ในต่างจังหวัดจะจำผมได้ในเรื่องของการแก้ไขปัญหาอุทกภัยสมัยเป็นรมว.มหาดไทย

ต้องมีนายกฯขั้วที่3

@ความหวังของการได้สส.จากพื้นที่ภาคอีสานและภาคเหนือเพราะเป็นพื้นที่เสื้อแดง

แน่นอนเรายังมีความหวังอยู่ อย่างขอนแก่นได้เคยมีโอกาสไปทำนโยบายจัดระเบียบสังคมมาแล้วเช่นเดียวกับพื้นที่อื่นๆโดยเฉพาะเชียงใหม่ เหตุการณ์เหล่านี้ผ่านมา 10 ปีแล้วแต่ประชาชนยังจดจำได้ และที่สำคัญไม่ได้คิดว่าเป็นพื้นที่ของคนเสื้อแดงเพราะส่วนตัวคิดว่ามันเป็นพื้นที่ของประเทศไทย จึงไมได้ห่วงเรื่องของสีเสื้อเชื่อว่าประชาชนส่วนใหญ่ยังคงมีความสามัคคีอยู่เพียงแต่ว่าบางคนอาจมีการเบี่ยงเบนในอุดมการณ์ทางการเมืองไปบ้างไม่เป็นไร

@ในเดือนมิ.ย.ซึ่งเป็นช่วงโค้งสุดท้ายพรรครักษ์สันติมีแนวทางหาเสียงอย่างไรเพื่อกวาดคะแนนนิยมจากประชาชน

คงจะเป็นการขยายความนโยบายพรรคของเราให้ประชาชนเข้าใจมากขึ้นและย้ำให้ผู้สมัครของพรรคต้องลงพื้นที่ให้เข้มแข็งมากขึ้น เพราะทุกอย่างที่เราลงแรงไปตอนต้นมันเหมือนกับเครื่องบินที่กำลังออกจากทางวิ่งและใช้พลังงานเยอะแต่เมื่อทันทีที่มันจะติดเพดานบินแล้วมันจะไปได้เร็ว ขอให้สบายใจว่าเราเพิ่งเป็นพรรคการเมืองได้ประมาณ 1 เดือนกว่าๆ เป็นธรรมดาที่ต้องใช้เวลาบ้างแต่การเลือกตั้งครั้งนี้เป็นแค่แบบฝึกหัดและบทเรียนให้กับเราเท่านั้นเอง มันต้องมีคราวหน้าและครั้งต่อๆไป ครั้งแรกได้แค่ไหนก็เอาแค่นั้นอย่าไปกังวลอะไรทั้งนั้น

@แต่เหมือนว่าตอนนี้กระแสความนิยมจากผลโพลสำนักต่างๆพรรครักษ์สันติยังไม่ได้รับความนิยมมากนัก

การเลือกตั้งครั้งนี้ก็หวังว่าจะมีสส.ในระดับหนึ่งการเลือกตั้งครั้งนี้ไม่ได้หวังว่าเราจะเข้าไปเป็นรัฐบาลแต่จะเป็นแบบฝึกหัดเพื่อทำให้พรรคเติบโตต่อไป และผมเองไม่มีความจำเป็นที่จะต้องอยู่ในพรรคการเมืองนี้ตลอดไปเพียงแต่ช่วงหนึ่งเมื่อพรรคนี้เริ่มยืนด้วยขาตัวเองได้ผมก็ถอยหลังออกมาเพื่อให้คนรุ่นใหม่มาเสริม อย่างไรก็ตาม หวังว่าการเลือกตั้งครั้งนี้จะมีสส.ในระดับหนึ่งเชื่อว่ามีแน่แต่จะเท่าไหรก็ต้องรอดูกระแสอีกที

@ระยะเวลาการสร้างพรรคให้แข็งแรงต้องใช้เวลาเท่าไหร่

ภายใน 4 ปีเห็นผลแน่นอน โดยจะต้องทำให้มีกรรมการบริหารพรรคที่มีคุณภาพมีอุดมการณ์ร่วมกันทำงานการเมืองอย่างสร้างสรรค์ ถ้าทำได้อย่างนี้เชื่อว่า4 ปีพรรครักษ์สันติจะเป็นสถาบันทางการเมืองได้ และที่สำคัญการที่เราเป็นพรรคใหม่ทำให้ความขัดแย้งมีน้อย ตรงกันข้ามกับพรรคการเมืองใหญ่จะมีความขัดแย้งภายในพรรคมาก

สมัยหนึ่งผมเคยอยู่กับพรรคไทยรักไทยซึ่งเป็นพรรคการเมืองที่เติบโตเร็วมากภายในระยะเวลา 3 ปี พอโตเร็วมากคนภายในพรรคไม่รู้จักกัน บางคนที่มาอุดมการณ์ก็ไม่ร่วมกัน หรือบางคนที่มาก็หวังเรื่องต่างๆจากพรรคพอไม่ได้อย่างหวังก็มีปฏิกิริยาออกมา แต่เมื่อเราเป็นพรรคเล็กแล้วจึงมีโอกาสกลั่นกรองคนที่มีคุณภาพมีอุดมการณ์ร่วมกัน การเป็นพรรคเล็กไม่ได้หมายความว่าเราจะเป็นพรรคการเมืองเล็กตลอดไปแต่ผมกลับคิดว่าถ้าเราเริ่มต้นจากจุดเล็กๆที่มีคุณภาพมันจะใหญ่ต่อไปในวันข้างหน้า