โดย...ณ กาฬ เลาหะวิไลย
หลังการเลือกตั้ง รัฐบาลใหม่ก็ไม่พ้นเพื่อไทย หรือไม่ก็ประชาธิปัตย์เป็นแกนนำ แต่ไม่ว่าจะเป็นพรรคใด ก็ล้วนแต่มีต้นทุนประชาธิปไตยเกิดขึ้นทั้งสิ้น เพราะต่างก็มีจุดสร้างปัญหา
ขณะเดียวกัน หากไม่มีพรรคใดชนะเสียงเกินครึ่ง สิ่งที่จะเกิดขึ้นตามมาก็คือการจัดตั้งรัฐบาลผสม ดึงเอาพรรคเอสเอ็มอี หรือพรรคขนาดกลาง ขนาดเล็ก เข้าร่วม
และทั้งหมดจะทำให้พรรคเอสเอ็มอีแข็งแรง มีอำนาจต่อรองสูง มักจะกระทำอะไรก็ได้ตามที่ต้องการ รับประทานไม่บันยะบันยัง
แปลง่ายๆ จะกินตามน้ำ ทวนน้ำ ล้วนสบายอุรา ปากมัน
หลายพรรคที่เห็นร่ำรวย อู้ฟู่ ขนาดที่ว่าอย่าไปคุยถึงการถอยรถใหม่ป้ายแดง สมัยนี้เอากันถึงขั้นถอยเครื่องบินเจ็ตส่วนตัว ส่งภาพไปตามโทรศัพท์มือถือให้บรรดาเพื่อนฝูงได้อิจฉาในบุญวาสนา
ผู้นำพรรคบางคนกำลังอิ่มเอมในอำนาจ ขนาดข้าราชการที่เพิ่งได้รับแต่งตั้งเป็นผู้ว่าราชการจังหวัด ต้องเอาพานดอกไม้ ธูปเทียน คุกเข่าไปกราบแทบเท้า
ประชาธิปไตย จึงมีต้นทุน ไม่สามารถจะคัดสรรตั้งคนเก่ง และคนดีพร้อมๆ กันเข้ามาบริหารประเทศ
ถ้าเปรียบแล้วสภาพไม่ต่างจากรถรุ่นเก่าปะผุ แล่นเร็วก็ไม่ได้ แถมยังเกิดสนิมกินไปทั้งคัน จากฤทธิ์ของกรดในน้ำลายของบรรดานักกินเมือง
แต่อีกนั่นแหละ ประชาธิปไตยต้องเดินหน้า เราก็ยังจำเป็นต้องใช้รถคันนี้ จนกว่ามันจะพังจนวิ่งไม่ได้
การลงคะแนนเสียงเลือกตั้ง จึงจำเป็นต้องประเมินให้ดีว่า ต้นทุนที่ต้องจ่าย พรรคไหนเสียน้อยที่สุด
คิดให้ดี พิจารณาให้ดี
และสิ่งที่จำเป็นต้องคิดต่อไปก็คืออำนาจของประชาชน ไม่ควรจะมีแค่นาทีเดียว คือตอนกาบัตรเลือกตั้ง
ประชาชนคนไทยจะเป็นเจ้าของอำนาจอธิปไตยอย่างแท้จริงได้อย่างไร และสามารถทวงคืนต้นทุนประชาธิปไตยคืนจากบรรดานักการเมืองได้อย่างไรนอกเหนือจากนาทีเดียวในวันเลือกตั้ง
เพราะหน้าที่ของคนไทยก็คือรักษาระบอบประชาธิปไตยเอาไว้ แม้มันจะเว้าๆ แหว่งๆ แต่ไม่ควรจะทำให้ยิ่งอยู่ยิ่งเลวลง ยิ่งอยู่ ยิ่งย่ำแย่กว่าเก่า
อย่าลืม ถ้าประชาธิปไตยมีปัญหา ก็ต้องเกิดการเว้นวรรค มีระบบอื่นเข้ามาขัดตาทัพ
แต่ไม่ว่าระบบใด ก็ล้วนมีต้นทุนเกิดขึ้นอีกเช่นกัน