posttoday

ชูวิทย์ออกโรงซัดเติ้ง-สมศักดิ์เครื่องจักรชำรุด

28 มกราคม 2553

ชูวิทย์ตั้งโต๊ะแถลงข่าวหน้าสภา ซัด บรรหาร-สมศักดิ์ เรียกร้องแก้รัฐธรรมนูญ ทั้งที่เป็นเครื่องจักรชำรุด

ชูวิทย์ตั้งโต๊ะแถลงข่าวหน้าสภา ซัด บรรหาร-สมศักดิ์ เรียกร้องแก้รัฐธรรมนูญ ทั้งที่เป็นเครื่องจักรชำรุด

นายชูวิทย์ กมลวิศิษฐ์ อดีตรองหัวหน้าพรรคชาติไทย ได้นำโต๊ะ เก้าอี้ และไม้เท้ามาเปิดแถลงข่าวที่บริเวณด้านหน้ารัฐสภา โดยนายชูวิทย์ระบุว่าไม้เท้าที่นำมานั้นเพื่อใช้ไล่สัตว์เลื้อยคลาน ที่มีอยู่มากแถวสภาซึ่งมักจะซ่อนอยู่หลังม่าน คอยบงการเรื่องต่างๆ จากนั้นนายชูวิทย์ได้อ่านจดหมายเปิดผนึก 8 ข้อถึงนายสมศักดิ์ ปริศนานันทกุล คณะกรรมการที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา เรื่อง การแก้ไขรัฐธรรมนูญ/พูดด้วยปากอย่าใช้เท้าเช็ด โดยมีใจความว่า 1.การพูดคุยหรือตกลงกันของนักการเมืองโดยอ้างอิงให้สังคมเกิดความเป็นปกติสุขมิได้มีอะไรเกี่ยวข้องกับการแก้ไขรัฐธรรมนูญทั้ง 2 มาตราแต่อย่างใด กลับเป็นว่านักการเมืองสร้างเงื่อนไขขึ้นเพื่อให้สังคมเกิดความสับสน โดยอ้างผลประโยชน์ของประชาชนบังหน้า 2.การแก้ไขรัฐธรรมนูญหรือการทำประชามติมีค่าใช้จ่ายมากมาย การใช้งบประมาณมหาศาลของประเทศ ขณะที่เศรษฐกิจของประเทศยังไม่ฟื้นตัว มีปัญหาคอร์รัปชั่น คนตกงาน ยาเสพติด ไม่เคยเห็นท่านออกมาเขียนจดหมายให้นายกฯแต่อย่างใด
      
 3.การพบปะทางการเมืองของบรรดานักการเมืองถือเป็นเรื่องปกติไม่มีสาระสำคัญแต่อย่างใดต่อประชาชน เพราะเป็นเพียงการแสดงละครเปรียบเสมือนนักแสดงในละครทีวีเท่านั้น 4.จำได้ไหมว่าครั้งหนึ่งอดีตหัวหน้าพรรคยังกลับคำ อ้างเหตุผลเพื่อเข้าร่วมรัฐบาลในขณะนั้น ทั้งๆที่เคยให้คำมั่นต่อประชาชนว่าจะไม่เข้าร่วมรัฐบาลมาแล้ว เพียงเหตุผลเพราะการเข้าร่วมจะได้บริหารงบประมาณอันมหาศาลเปรียบเหมือนได้สัมปทานของประเทศไทย 5.การแก้ไขรัฐธรรมนูญมิได้มีส่วนให้สังคมสมานฉันท์หรือแตกแยกแต่อย่างใด แต่การที่สังคมไทยแตกแยกเกิดจากนักการเมืองเองทั้งสิ้น 6.พรรคประชาธิปัตย์ป็นพรรคแกนนำรัฐบาล หากร่วมมือทำการแก้ไขรัฐธรรมนูญโดยไม่มีเหตุผลเพียงพอตอบประชาชน จะให้คำตอบแต่เพียงว่าได้ตกลงกับพรรคร่วมในการแก้ไขรัฐธรรมนูญคงไม่เพียงพอ การกระทำของพรรคประชาธิปัตย์ถือว่ามีจุดยืนในกรณีนี้
      
7.การแก้ไขรัฐธรรมนูญโดย 1 ใน 2 มาตราเป็นการแก้ไขรวมเป็นเขตเล็กเดียว จะส่งผลให้ได้จำนวนส.ส.มากขึ้นเพื่อรวมตัวกันไปต่อรองในการบริหารรัฐบาล เป็นสภาพทั่วไปของนักการเมืองไทยซึ่งแสดงให้เห็นอยู่ทุกครั้งของการเลือกตั้ง พรรคเล็กเหล่านี้พยายามรวมตัวกันเพื่อให้ได้จำนวนต่อรองในการได้สัมปทานประเทศ อีกทั้งเขตเล็กสามารถใช้เงินซื้อเสียงได้ง่ายกว่า วิธีการบริหารจัดการง่ายกว่าเขตใหญ่ และ 8.ท่านเคยได้ยินคำว่า เวลาเปลี่ยน สถานการณ์เปลี่ยน อุดมการณ์นักการเมืองก็เปลี่ยน นายบรรหาร ศิลปอาชา ที่ประธานปรึกษาพรรคชาติไทยพัฒนาน่าจะรู้เรื่องนี้ดีที่สุด นักการเมืองที่ต้องการทำให้การเมืองดีขึ้นกับการทำให้พรรคได้รับเลือกตั้งมากขึ้นมีความแตกต่างกัน อย่านำผลประโยชน์ของประเทศชาติมาปะปนกับประโยชน์ของพรรคการเมือง ท่านคงไม่พูดด้วยปากแต่ใช้เท้าเช็ด การเมืองจะได้ไม่ส่งผลให้สังคมไทยตกอยู่ในความแตกแยกเฉกเช่นทุกวันนี้
      
นายชูวิทย์ กล่าวด้วยว่า อำนาจที่แท้จริงเป็นของประชาชนที่มอบหมายให้ส.ส. มิได้ให้นายสมศักดิ์หรือนายบรรหารร่วมด้วยแต่อย่างใด ท่านได้ถูกพิพากษาให้เว้นวรรคการเมือง ขณะนี้เป็นเหมือนเครื่องจักรที่ชำรุด สมควรที่ท่านจะนิ่งเฉย ไม่ควรออกมาเรียกร้องหรือดิ้นรนอยู่หลังฉากพรรคการเมือง เพื่อที่ท่านจะได้แสดงท่าทีให้สาธารณชนเห็นว่า อำนาจแท้จริงแล้วตกอยู่กับท่านและคนใกล้ชิด ทั้งๆที่ตัวท่านควรจะนิ่งเฉย แต่เพราะพวกท่านอดรนทนไม่ไหว เข้าทำนองวัวเคยขาม้าเคยขี่ จึงกระเหี้ยนกระหือรือออกมาแสดงบทบาท