posttoday

เปิดตัว "สมคิด" นั่งประธาน "พรรคสร้างอนาคตไทย" พร้อมเป็นแคนดิเดตชิงนายกฯ

08 กันยายน 2565

“ไทยสร้างไทย” เปิดตัว “สมคิด” นั่งประธานพรรค ระบุ ตำแหน่งนายกฯไม่สำคัญ แต่ต้องการช่วยเปลี่ยนแปลงประเทศ ชี้ เป็นนรม.ฟ้าต้องลิขิต เหน็บ ไม่ใช้ใจบันดาลแรง แต่มีแรงบันดาลใจ ทำเพื่อชาติ ไม่ใช่ประโยชน์ส่วนตัว ระบุ ขอทำการเมืองใหม่ เปิดทางทุกฝ่ายเข้าร่วม ลั่นไม่อยากขัดแย้งกับใคร

ที่โรงแรมรามาการ์เด้น พรรคสร้างอนาคตไทยจัดกิจกรรม #คิดสร้างอนาคตไทย ประชุมสัมมนาผู้แสดงเจตจำนงลงสมัครรับเลือกตั้ง ส.ส.ในนามพรรคทั่วประเทศ โดยมีไฮไลต์สำคัญคือการเปิดตัวนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ อดีตนายกรัฐมนตรี เป็นประธานพรรคสร้างอนาคตไทย ซึ่งนายสมคิดปรากฎตัวและใช้เวลากว่า 1 ชั่วโมง เปิดใจเป็นครั้งแรก

นายสมคิด กล่าวช่วงหนึ่งว่า วันนี้เดินทางมาพร้อมบุตรชายคนเล็ก “น้องคลัง” หรือนาย ณฉัตร จาตุศรีพิทักษ์ ที่เป็นลูกที่สวรรค์ส่งมาให้ตอนดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ปัจจุบันอายุ 20 ปี ที่พามาด้วยเพื่อให้เป็นประจักษ์พยาน ว่าการสร้างพรรคการเมืองที่ดี มีจริง และต้องการให้เรียนรู้ว่า การสร้างพรรคการเมือง ไม่ใช่ของง่าย ทำไมพ่อ ต้องมาช่วยน้องๆ เพราะเป็นภาระหน้าที่ ตำแหน่งนายกฯ ไม่มีความหมาย แต่ที่สำคัญ คือ การเป็นผู้นำสร้างความเปลี่ยนแปลง พัฒนาบ้านเมือง จะได้เห็นความพยายามของพ่อซึ่งจะได้มาก ได้น้อย เป็นชะตาของบ้านเมือง

นายสมคิด กล่าวว่า การตั้งพรรคการเมืองในช่วงนี้ต้องมีความกล้าหาญ ท่ามกลางสถานการณ์การเมืองที่เละเทะ สถานการณ์การเงินที่ค่าเงินตราสูงมาก การแข่งขันทางการเมือง เหมือนแข่งในสนามม้า มีม้าแข่งที่ต้องซื้อ มีคอก มีเจ้าของ ต้องหาเงินเลี้ยงม้า แต่ที่ผ่านมาโจ๋งครึ่มเกินไป เป็นตัวอย่างไม่ดี สำหรับการเมืองไทยทำให้คนรุ่นใหม่ไม่อยากเข้ามา

ทั้งนี้ตนจำได้ว่า รัฐบาลหลังปี 2557 ก่อนที่จะส่ง 4 กุมารเข้าไป และคณะรัฐมนตรีเกินครึ่ง ตนได้สนับสนุนชื่อเข้าไปทำงานและดูว่าคนที่เข้าไปต้องทำงานเป็น ทำงานได้ ซึ่งในขณะนั้น จีดีพี เหลือเพียง 1% เพราะมีการรัฐประหารต่างชาติไม่รับรอง ทุกอย่างติดชะงัก ทั้งทีมใน ครม.ช่วยกันทำงาน จนทำให้เป็น 3% ใน 2 ปีติดต่อกันและ จีดีพีเพิ่มขึ้นเป็น 4% ก่อนเจอพิษโควิด ปี 62 และทีม 4 กุมารเจอพิษการเมืองที่แสวงหาอำนาจ แต่ไม่แสวงหาปัญญา และตนเห็นใจนายกรัฐมนตรีในขณะนั้น เพราะเป็นพรรคการเมืองผสม และในอดีตมีจุดประสงค์ทำพรรคการเมืองผสมเพื่ออะไร ทำเพื่อบ้านเมืองใช่หรือไม่อีกทั้งตนได้เตือนแล้วว่าการแบ่งกระทรวงก่อนที่จะฟอร์มครม. มันไปไม่ได้ มันไปคนละทิศคนละทาง แล้วจะเอาพลังมาจากไหน มีที่ไหนที่นโยบายของประเทศแบ่งกันตามกระทรวง ทางใครทางมัน ประชุมก็ดี แต่ถ้าไม่ทำตามที่บอกก็วอล์คเอ้าท์ และจะให้ทำอย่างไร นี่หรือ ประชาธิปไตย นี่คือความเป็นจริงของประเทศไทย เมื่อทีม 4 กุมาร ลาออกก็มีสถานการณ์โควิด-19 จีดีพีทั้งหมดหดตัว จาก 5 แสนกว่าล้านบาท เหลือ 5 แสนล้านบาทต้นๆ ซึ่งในขณะนั้นเรายังไม่มีปัญหาเรื่องส่งออก และพลังงาน แต่วันนี้การส่งออกเริ่มชะลอตัว และอย่าบอกว่า ตัวเลขดีขึ้น เพราะน้ำมันราคาแพง

นายสมคิด ระบุว่า ต้องโทษการเมือง ที่พาประเทศไปไม่ถึงฝัน ซึ่งเห็นแล้วน่าเสียดาย วันนี้เรามีนายกรัฐมนตรี แต่คนไหนตัวจริงยังไม่รู้เลย ที่น่ากังวลคือต้องมีนายกฯตัวจริง เพื่อให้พาสเวอร์โฟกัสไปที่ผู้นำ ที่ต้องทุบโต๊ะบริหารจัดการงบประมาณ ถ้าไม่ช่วยต้องยุบสภาไปเลย

นายสมคิด ย้ำว่า ตนมาวันนี้เพื่อขอบคุณ และพาลูกชายมาให้ดูให้เห็น และได้เข้าใจพ่อของเขาว่า ไม่ได้ต้องการตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ใครเข้าไปคุณแบกรับทั้งประเทศ และต้องให้กำลังใจคนที่จะเข้าไป ไม่ว่าจะเป็นใคร และจุดหมายประการที่ 2 ตนอยากให้พรรคนี้ พยายามเข้าไปกอบกู้ และสร้างอนาคตของประเทศไทย

นายสมคิด ระบุว่า พรรคเสนอให้ตนเข้ามาเป็นประธานพรรค ตนสนับสนุนพรรคในทุกรูปแบบ และอยากเข้ามาช่วยแม้จะอายุมากแล้ว ซึ่งตนเห็นใจน้องๆว่าการเมืองไม่ใช่เรื่องง่าย และคนอย่างตนไม่มีใจบันดาลแรง แต่มีแรงบันดาลใจ ที่จะช่วยสร้างอนาคตประเทศไทย ไม่ใช่เพื่อตัวเอง

นายสมคิด ยังกล่าวถึงการเปลี่ยนแปลงรัฐธรรมนูญว่า ไม่มช่แต่เรื่องการเลือกตั้ง แต่ต้องมีเรื่องการปฏิรูป เรื่องงบประมาณ การกระจายอำนาจ และอีกหลายเรื่องเพื่อให้ทุกอย่างไปสู่ทิศทางข้างหน้า แต่สิ่งเหล่านี้ต้องไม่ใช่รัฐธรรมนูญที่มาจากแค่ใครคนใดคนหนึ่งเป็นคนเขียน แต่ต้องมาจากการมีส่วนร่วมของคนทุกเพศทุกวัย และต้องดึงคนรุ่นใหม่เข้ามาด้วย ซึ่งหน้าที่ของพรรคสร้างอนาคตไทย นอกจากมีชุดความรู้ ต้องพยายามดึงภาคประชาชนเข้ามามีส่วนร่วม เพราะพรรคการเมืองจะโตขึ้น ประชาชนต้องให้การสนับสนุน และบทยาทของพรรคสร้างอนาคตไทย คือ การร่วมพูดคุยกับทุกพรรคการเมืองที่มีแนวทางเดียวกัน อย่ามัวหวงอำนาจ หวงตำแหน่ง ซึ่งการสร้างพรรคที่ดีอย่ามัวแต่แสวงหาอำนาจแต่ต้องแสวงหาคน และเราต้องไม่สร้างศัตรูต้องสร้างมิตร เพราะเราไม่ได้เก่งคนเดียว เมืองไทยรอไม่ได้เราต้องเริ่มทำตั้งแต่วันนี้

นายสมคิด ยังกล่าวว่า สิ่งที่อยากฝาก 3 ข้อ คือ 1 เป็นพรรคการเมืองที่ดี มีอุดมการณ์ 2. กอบกู้เศรษฐกิจ สร้างอนาคต 3. เปลี่ยนแปลงการเมือง ซึ่งตนไม่ได้เตรียมา เรื่องการพูดในวันนี้ แต่พูดจากใจจริง การมาที่นี่อย่าพูดไปว่าตนต้องเป็นนายกรัฐมนตรี เพราะการเป็นนายกรัฐมนตรีฟ้าต้องลิขิต แต่ตนพร้อมจะเป็นผู้นำของทุกคนในพรรค

ส่วนบรรยากาศ ในงานเปิดตัวนายสมคิดวันนี้เป็นอย่างคึกคัก ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. เข้าร่วมจำนวนมาก มีการจัดโพเดียมปราศัย ไว้กลางห้อง รายล้อมด้วยว่าที่ผู้สมัครจากทุกภาค พร้อมป้ายเชียร์ เช่น “มือเศรษฐกิจขั้นเทพ” “เลือกสมคิด ชีวิตมีอนาคต” “จอมยุทธ์กวง”

นอกจากนี้ยังพบว่า นายปองพล อดิเรกสาร อดีตรองนายกรัฐมนตรี พร้อมด้วยบุตรชาย นายปรพล อดิเรกสาร อดีตส.ส.สระบุรีและนายนวกิจ พลวิเศษ บุตรชายนายภิรมย์ พลวิเศษ อดีตส.ส.นครราชสีมา และอดีตแกนนำกลุ่มสามมิตร ได้เดินทางมาร่วมงานในวันนี้ด้วย ซึ่งได้ยื่นใบสมัครเป็นสมาชิกพรรคสร้างอนาคตไทยแล้ว หลังจากก่อนหน้านี้ นายปองพล เพิ่งเปิดตัวไปร่วมงานกับพรรครวมไทยสร้างชาติ เมื่อเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา และได้ลาออกจากสมาชิกพรรครวมไทยสร้างชาติ เมื่อวันที่ 6 กันยายน แล้ว

นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ อดีตรองนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานพรรคสร้างอนาคตไทย ให้สัมภาษณ์ภายหลังเปิดตัวร่วมงานกับพรรคสร้างอนาคตไทย (สอท.) ว่า การมาร่วมงานกับพรรคสอท.เพื่อมาให้กำลังใจ และอธิบายเหตุผลที่จะให้มาช่วยงานเพราะอะไร โดยทางพรรคก็รับปากจะใช้กำลังความสามารถมาช่วยงานพรรค และไม่ได้ทำเพื่อตัวเอง การสร้างพรรคไม่ใช่มาแข่งขัน แต่ต้องการแสวงหาความร่วมมือ ความสามารถของทุกคน ทั้งภายในและนอกพรรคมาช่วยกันและพร้อมร่วมกับพรรคอื่น ที่ทำงานแก้ไข ปัญหาในขณะนี้รวมถึงวางรากฐานอนาคตเพราะเราช้าไปแล้ว และเพื่อนบ้านแซงไปแล้ว ไม่อยากเห็นประเทศแย่ไปกว่านี้ เวลานี้สิ่งสำคัญคือเราต้องจัดเตรียมชุดความรู้เอาไว้ และต้องให้กำลังใจรัฐบาลทำให้ดีที่สุด จนกว่าจะถึงวันเลือกตั้ง แล้ววันนั้นประชาชนจะตัดสินใจเองว่าใครจะมาอยู่ในสภา วันนี้จึงมาให้กำลังใจและรวมพลังให้และรับปากว่าจะเป็นประธานพรรค

ส่วนจะมาเป็นแคนดินายกรัฐมนตรี ของพรรคหรือไม่ นายสมคิด กล่าวว่า เป็นกลไกในพรรค เราทำพรรคก็เห็นว่าพร้อมและเป็นประโยชน์ที่จะช่วยได้ ยินดีในทุกบทบาท แต่ที่สำคัญคือประชาชนต้องการหรือไม่ ถ้าส่วนใหญ่ต้องการให้กลับมา นำพาคนที่มีความสามารถเพื่อช่วยประเทศชาติ มาทำงานร่วมกับคนอื่น พรรคก็ต้องพร้อมที่จะเสนอตนและตนก็พร้อมที่จะช่วยเช่นกัน ขึ้นอยู่กับว่าเวลาเลือกตั้งมาถึงหรือยัง และพรรคพร้อมหรือยัง ส่วนตนพร้อมอยู่แล้ว และต้องการให้พรรคเข็มแข็ง เป็นตัวเอง เกาะเกี่ยวอยู่กับปรชาชน และพรรคจะเข็มแข็งเอง พรรคที่ตั้งใหม่ จากต้นกล้าเป็นต้นใหญ่ ต้องใช้เวลา และพรรคที่เป็นต้นกล้าก็เป็นความหวังทั้งนั้น

เมื่อถามว่าที่ระบุว่าการเมืองเหมือนสนามม้า ที่ต้องซื้อม้าเข้าคอก พรรคสร้างอนาคตไทยจะเป็นแบบนั้นหรือไม่ นายสมคิด กล่าวว่า เราจะพูดถึงอนาคต จะไม่พูดอดีต และไม่ขัดแย้งกับใคร พูดสิ่งที่เป็นจริง ทำในสิ่งที่ดีที่ถูกต้อง จะทำให้คนรุ่นหลังรู้คนการเมืองที่ดีทำได้ แม้จะลำบากไม่ต้องใช้เงินก็ทำได้ และอยากทำให้เป็นตัวอย่าง

เมื่อถามว่า พรรคสร้างอนาคตไทยพร้อมจะทำงานร่วมกับรัฐบาล และพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ได้อีกหรือไม่ นายสมคิด ปฏิเสธที่จะตอบคำถามดังกล่าวและเดินทางกลับทันที