นายราเมศ รัตนะเชวง โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) ได้กล่าวถึงกรณีที่ นายปิยบุตร แสงกนกกุล แกนนำคณะก้าวหน้า เดินทางเข้าพบคณะพนักงานสอบสวน สถานีตำรวจนครบาลดุสิตในคดีความผิด มาตรา 112 ว่า
ขณะนี้จะเห็นว่ามีการบิดเบือนกระบวนการ มุ่งเป้าไปที่ มาตรา 112 นายรังสิมันต์ โรม โฆษกพรรคก้าวไกล ได้ให้สัมภาษณ์ไว้ เห็นได้ชัดว่าไม่อยู่บนพื้นฐานความเป็นจริง ควรที่จะย้อนดูความจริงว่าคนที่ถูกดำเนินคดีมีพฤติกรรมเป็นเช่นใด การกล่าวหาว่ามีการคิดเกินเลยไปจินตนาการไปเอง ก็เป็นการพูดที่ผิดหลักแทนที่จะดูที่การกระทำของคนกลับโทษกระบวนการยุติธรรม เชื่อว่าหากไม่มีการกระทำที่เข้าข่าย ไม่มีใครไปสร้างเรื่องโดยจินตนาการไปดำเนินคดีใคร ไม่ใช่เป็นการกลั่นแกล้งในทางการเมือง นายปิยบุตร เป็นอาจารย์สอนกฎหมาย เชื่อว่าทราบข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายดี การออกมาท้าทายกฎหมายแน่นอนมีเจตนาใดเชื่อว่าทุกคนมองออก เมื่อคดีเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมก็ต้องว่ากันไป นายปิยบุตรต่อสู้คดีได้เต็มที่
นายราเมศ กล่าวต่อว่า ในส่วนของพรรคชัดเจน พรรคไม่มีนโยบายที่จะมีการแก้ไขเพิ่มเติมมาตรา 112 พรรคประชาธิปัตย์ยึดมั่นในระบบการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข เนื้อหาสาระสำคัญของมาตราดังกล่าวนั้นไม่ได้ไปสร้างความเสียหายความไม่เป็นธรรมให้กับใคร ต้องมองที่การกระทำของบุคคลมากกว่าตัวบทกฎหมาย หากมีการกระทำที่เป็นความผิดก็ให้ว่าไปตามกฎหมาย และเป็นการกระทำความผิดส่วนตัว ไม่ใช่กฎหมายมีปัญหา
"เมื่อมีการก้าวล่วง จาบจ้วงสถาบันพระมหากษัตริย์ผิดถูกก็ต้องว่ากันตามข้อเท็จจริง และชัดเจนมาตรา 112 ไม่ได้ขัดหรือแย้งต่อหลักนิติธรรมหรือรัฐธรรมนูญ แต่อาจจะขัดใจผู้คิดไม่ดีต่อบ้านเมือง วันข้างหน้าประชาชนจะเห็นว่าพรรคการเมืองแสดงให้เห็นได้ถึงเจตนา เชื่อว่าประชาชนจะไม่สนับสนุนพรรคการเมืองที่มีแนวคิดเช่นนั้นอย่างแน่นอน"นายราเมศกล่าว