posttoday

ครม.ไฟเขียวอนุมัติเพิ่มสิทธิประโยชน์กรณีชราภาพ

10 พฤษภาคม 2565

โฆษกรัฐบาล เผย ครม.ไฟเขียว ร่างพ.ร.บ.ประกันสังคม ฉบับใหม่ เพิ่มสิทธิประโยชน์ หลักการ 3 ขอ กรณีชราภาพ เปิดทางให้เลือกรับบำเหน็จ บำนาญ เป็นหลักประกันกู้เงิน หรือ นำเงินกรณีชราภาพออกมาใช้ก่อนกำหนด

เมื่อวันที่ 10 พ.ค. 65 นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ครม. ได้อนุมัติหลักการร่าง พ.ร.บ.ประกันสังคม (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... โดยเป็นการปรับปรุงแก้ไขสิทธิประโยชน์กองทุนประกันสังคม กรณีชราภาพ ให้ผู้ประกันตนสามารถนำเงินกรณีชราภาพบางส่วนออกมาใช้ก่อน (ขอเลือก ขอคืน และขอกู้) ดังนี้ กรณีให้ผู้ประกันตนที่มีอายุครบ 55 ปีบริบูรณ์ สามารถเลือกรับเงินบำนาญชราภาพหรือเงินบำเหน็จชราภาพ (ขอเลือก),กรณีให้ผู้ประกันตนสามารถนำเงินกรณีชราภาพบางส่วนมาใช้ก่อนมีอายุครบ 55 ปีบริบูรณ์ (ขอคืน),กรณีให้ผู้ประกันตนสามารถนำเงินกรณีชราภาพบางส่วนไปเป็นหลักค้ำประกันการกู้เงินกับธนาคารหรือสถาบันการเงินได้ (ขอกู้) นอกจากนี้ ยังมีการเพิ่มสิทธิประโยชน์กรณีอื่น ได้แก่ ประโยชน์ทดแทนในกรณีทุพพลภาพเพิ่มเงินทดแทนการขาดรายได้กรณีทุพพลภาพจาก 50% ของค่าจ้าง เป็น 70% ของค่าจ้าง,ประโยชน์ทดแทนในกรณีคลอดบุตร เพิ่มระยะเวลาในการจ่ายเงินสงเคราะห์การหยุดงานเพื่อการคลอดบุตรโดยเหมาจ่ายในอัตราครั้งละ 50% ของค่าจ้างจากเดิมเป็นระยะเวลา 90 วัน เป็นระยะเวลา 98 วัน หรือระยะเวลาตามที่กำหนดในกฎกระทรวง,ประโยชน์ทดแทนในกรณีสงเคราะห์บุตรโดยให้ผู้ประกันตนที่สิ้นสภาพการเป็นลูกจ้าง และภายหลังการสิ้นสภาพเป็นผู้ประกันตน ได้รับประโยชน์ทดแทนในกรณีสงเคราะห์บุตรต่อไปอีก 6 เดือน,รวมทั้งแก้ไขขยายอายุขั้นสูงของผู้ประกันตนที่เป็นลูกจ้าง จากเดิม "อายุ 60 ปีบริบูรณ์ " เป็น "อายุ 65 ปีบริบูรณ์"

นายธนกร กล่าวอีกว่า การแก้ไขร่างพ.ร.บ.ฉบับนี้ จะทำให้ผู้ประกันตนที่เป็นผู้สูงอายุ ได้รับความคุ้มครองภายใต้ระบบสามารถเลือกเข้าถึงแหล่งเงินฉุกเฉินได้เพิ่มเติม โดยใช้เงินกรณีชราภาพที่ตนจะได้รับในอนาคตเป็นเงินทุน แต่จะทำให้ผู้ประกันตนมีหลักประกันรายได้ยามเกษียณที่ลดลง อย่างไรก็ตาม หากผู้ประกันตนนำเงินกรณีชราภาพบางส่วนเอามาใช้ก่อน อาจทำให้กองทุนประกันสังคมมีความมั่นคงทางเสถียรภาพของกองทุนประกันสังคมลดลง แต่จะช่วยให้กองทุนมีค่าใช้จ่ายลดลงในระยะยาว

"การแก้ไขเพิ่มเติมร่างพ.ร.บ.ประกันสังคม 2533 เพื่อเพิ่มสิทธิประโยชน์ให้มีความเหมาะสมกับสถานการณ์ในปัจจุบัน รวมทั้งเป็นการรองรับการเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุในประเทศไทย เพื่อให้ผู้ประกันตนที่สูงอายุได้รับความคุ้มครอง และได้รับสิทธิประโยชน์ในระบบประกันสังคม สร้างหลักประกันทางสังคมที่เพิ่มมากขึ้นกับผู้สูงอายุที่อยู่ในระบบประกันสังคมด้วย" โฆษกรัฐบาล กล่าว