ป.ป.ช.เผย 5 เดือนชี้มูล3เคสร่ำรวยผิดปกติมูลค่าความเสียหาย151ล้าน
ป.ป.ช.แถลงตรวจสอบทรัพย์สินช่วง ต.ค.64-ก.พ.65 จำนวน 25,971 บัญชี ชี้มูลร่ำรวยผิดปกติ 3 เคส มูลค่าความเสียหาย 151 ล้านบาท
เมื่อวันที่ 30 มี.ค. 65 นายนิวัติไชย เกษมมงคล เลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ช. ในฐานะโฆษก สำนักงาน ป.ป.ช. แถลงข่าวเกี่ยวกับประเด็นด้านการตรวจสอบทรัพย์สินและหนี้สิน ในช่วงเดือนต.ค.64 – ก.พ. 65 ปีงบประมาณ พ.ศ. 2565 (ต.ค.64 – ก.พ.65) สำนักงาน ป.ป.ช. ได้รับบัญชี ทรัพย์สินและหนี้สินไว้เพื่อดำเนินการตรวจสอบความถูกต้องและความมีอยู่จริง รวมถึงตรวจสอบ ความเปลี่ยนแปลงของรายการทรัพย์สินและหนี้สิน จำนวนทั้งสิ้น 25,971 บัญชี โดยแยกเป็น สำนักงาน ป.ป.ช. ส่วนกลาง จำนวน 3,536 บัญชี และสำนักงาน ป.ป.ช. ประจำจังหวัด จำนวน 22,435 บัญชี
คณะกรรมการ ป.ป.ช. ได้พิจารณากรณีผู้มีหน้าที่ยื่นบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินต่อคณะกรรมการ ป.ป.ช. ผู้ใดจงใจไม่ยื่นบัญชีทรัพย์สินและหนี้สิน หรือจงใจยื่นบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินด้วยข้อความอันเป็นเท็จ หรือปกปิดข้อเท็จจริงที่ควรแจ้งให้ทราบ และมีพฤติกรรมอันควรเชื่อได้ว่ามีเจตนาไม่แสดงที่มาแห่งทรัพย์สินนั้น และได้มีมติ กรณีดังกล่าวส่งให้ศาลที่มีเขตอำนาจวินิจฉัยในปีงบประมาณ 2565 (ต.ค.64 – ก.พ.65) จำนวนทั้งสิ้น 1 เรื่อง คือ นายมโน สมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดพังงา จังหวัดพังงา กรณีจงใจไม่ยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สิน
นอกจากนี้ ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2565 (ต.ค.64 – ก.พ.65) ได้ดำเนินการไต่สวนและมีความเห็นหรือคำวินิจฉัยว่าผู้ใดร่ำรวยผิดปกติทั้งสิ้น 3 เรื่อง โดยมีมูลค่าทรัพย์สินรวมทั้งสิ้น 151,067,518 บาท ดังนี้
รายที่ 1 ดาบตำรวจสายัณ ตำแหน่งผู้บังคับหมู่กลุ่มงานวิชาชีพและเชี่ยวชาญกองโยธาธิการ มีมูลค่าความเสียหาย 97,616,150 บาท สืบเนื่องจากการไต่สวนข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการทุจริตโครงการก่อสร้างอาคารที่พักอาศัยข้าราชการตำรวจ (แฟลต) สูง 5 ชั้น จำนวน 163 หลัง ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ
จากการไต่สวนปรากฏข้อเท็จจริงว่าดาบตำรวจ สายัณ เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งผู้บังคับหมู่ กลุ่มงานวิชาชีพและเชี่ยวชาญ กองโยธาธิการ และได้รับแต่งตั้ง เป็นผู้ควบคุมงานก่อสร้าง โครงการก่อสร้างอาคารที่พักอาศัยข้าราชการตำรวจ ได้รับเงิน จากผู้รับจ้างก่อสร้างโครงการดังกล่าว รวมเป็นเงิน 91,618,000 บาท จากการตรวจสอบข้อเท็จจริงพบว่า มีการโอนหรือยักย้ายถ่ายเทเงินจำนวนดังกล่าวไปยังบัญชีเงินฝากของตนหรือไปยังบัญชีเงินฝาก ที่ตนเอง และคู่สมรสของตนเป็นเจ้าของบัญชีร่วมกันหลายครั้งจนกระทั่งมีการถอนเงินไปซื้อที่ดิน จำนวน 10 แปลง เมื่อพิจารณาจากรายได้และการแสดงภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ประกอบกับประวัติการรับราชการแล้วมีรายได้และฐานะทางการเงินไม่สัมพันธ์กับทรัพย์สินที่เพิ่มขึ้น
รายที่ 2 นายฉัตรณรงค์ ตำแหน่งผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บริษัทบริหารสินทรัพย์ มีมูลค่าความเสียหาย 52,491,368 บาท จากการตรวจสอบพบว่ามีทรัพย์สินที่ไม่พึงวิสัยจะมีได้เมื่อเทียบกับรายได้ในช่วงที่ดำรงตำแหน่ง จำนวน 52,491,368 บาท โดยไม่สามารถชี้แจงและให้เหตุผลกับ ป.ป.ช.ได้
รายที่ 3 นายปัญญา ตำแหน่งนายกเทศมนตรี ตำบลต้นธง จังหวัดลำพูน มีมูลค่าความเสียหาย 960,000 บาท จากการตรวจสอบพบการกระทำของนายปัญญา เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งนายกเทศมนตรีตำบลต้นธง ร่ำรวยผิดปกติ โดยมีทรัพย์สินมากผิดปกติ หรือมีทรัพย์สินเพิ่มขึ้นมากผิดปกติ หรือการมีหนี้สินลดลงมากผิดปกติ หรือได้ทรัพย์สินมา โดยไม่มีมูลอันจะอ้างได้ตามกฎหมายสืบเนื่องมาจากการปฏิบัติตามหน้าที่หรือใช้อำนาจในตำแหน่งหน้าที่
อนึ่งการชี้มูลความผิดทางอาญาของคณะกรรมการ ป.ป.ช. ยังไม่ถือเป็นที่สุด ผู้ถูกกล่าวหายังเป็นผู้บริสุทธิ์จนกว่าจะมีคำพิพากษาของศาลอันถึงที่สุด


