ฝ่ายค้านรุมถล่ม"ประยุทธ์"อยู่ 8 ปีคนจนทั้งแผ่นดินเจ้าสัวเสวยสุข

เมื่อวันที่ 27 มีนาคม ที่โรงแรมดิอิมเพลสน่าน พรรคฝ่ายค้านได้จัดโครงการฝ่ายค้านพบประชาชน ครั้งที่ 2 ทวงคืนอำนาจประชาชน ภายใต้หัวข้อ "บริหารล้มเหลวซ้ำซาก ประชาชนจน ประเทศเจ๊ง" โดยมีแกนนำ 6 พรรคร่วมฝ่ายค้านร่วมเสวนา อาทิ นพ.ชลน่าน ผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร และหัวหน้าพรรคเพื่อไทย นายประเสริฐ จันทรรวงทอง เลขาธิการพรรคเพื่อไทย น.ส.ศิริกัญญา ตันสกุล รองหัวหน้าพรรคก้าวไกล พล.ต.ท.วิศณุ ม่วงแพรสี นายทะเบียนพรรคเสรีรวมไทย นายสุพจน์ อาวาส โฆษกพรรคประชาชาติ พล.ต.สุวิทย์ วังยาว รองหัวหน้าพรรคเพื่อชาติ นายนิคม บุญวิเศษ หัวหน้าพรรคพลังปวงชนไทย  และประชาชน เข้าร่วมงานอย่างคับคั่ง

นายวิสุทธิ์ กล่าวว่า วันนี้ประชาชนคนไทยทุกจังหวัดรู้ดีว่า 8 ปีที่พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและรัฐมนตรีว่ากากระทรวงกลาโหม บริหารประเทศมา ประชาชนลำบาก ทุกข์ยาก คนจนทั้งแผ่นดิน มีเพียงเจ้าสัวมีความสุข เกิดความเหลื่อมล้ำขึ้นในสังคม ถ้ารัฐบาลบริหารดีประชาชนจะไม่ลำบากแบบนี้ มีคนโทรมาร้องทุกข์กับ ส.ส.ทุกวัน ดังนั้น เที่ยวนี้การเลือกตั้งถ้าให้เงินมามีอำนาจอีกครั้ง ท่านจะลำบากเหมือนเดิม คนซื้อเสียงเข้าไปโกงแน่นอน ไม่มีใครลงทุนโดยไม่ถอนทุน ถึงเวลาเลือกตั้งแจกเงิน เจตนาไม่บริสุทธิ์แล้ว มีข่าวจะเลือกตั้งทีก็แจกที ท่านไม่ใช่นักบริหาร เพราะทหารมีหน้าที่ป้องกันประเทศ ไม่ใช่บริหารประเทศ วันนี้ท่านควรรีบไปได้แล้ว และตนอยากให้คนไทยตื่นรู้ว่ารัฐบาลที่ไม่มีฝีมือในการบริหารประเทศอย่างให้กลับมาได้อีก

ด้านน.ส.ศิริกัญญา กล่าวตอนหนึ่งว่า ตนได้เห็นข้อมูลว่า จ.น่าน มีตัวเลขการท่องเที่ยวที่เพิ่มสูงขึ้น ซึ่งมากกว่าช่วงก่อนที่จะมีโควิด-19 ด้วยซ้ำ ราคายาง ราคาข้าวโพด ก็เริ่มปรับสูงขึ้น แต่ในความโชคดี ยังมีความโชคร้าย เพราะค่าปุ๋ย ค่ายา ของเกษตรกรก็เพิ่มขึ้นด้วย ในส่วนของความโชคดีไม่เกี่ยวกับฝีมือรัฐบาลเพราะเป็นโชคล้วนๆ แต่เมื่อประชาชนประสบกับความโชคร้ายก็ต้องมาพิสูจน์ฝีมือของรัฐบาล ทั้งนี้ ปัญหาเชิงโครงสร้างต่างๆตลอด 8 ปีที่ผ่านมา ก็ไม่ได้รับการแก้ไขอย่างจริงจัง เช่น ปัญหาที่ดินทำกิน เกิดคำถามว่ารัฐบาลจริงใจในการแก้ปัญหานี้ให้กับประชาชนจริงหรือไม่ ขณะที่หนี้สินเกษตรกร ที่ยิ่งทำเกษตรก็ยิ่งเป็นหนี้ สะท้อนว่าเป็นความล้มเหลวในการบริหารของรัฐบาล ส่วนเรื่องของตลาด และการขนส่ง ที่จะมีการเปิดด่านเพิ่มเติมที่ชายแดน หากเพิ่มได้ก็จะเป็นส่วนหนึ่งที่จะช่วยเรื่องการส่งออก ซึ่งพรรคก้าวไกลจะช่วยขับเคลื่อนเรื่องการเปิดด่าน

ขณะที่ นายสุพจน์ กล่าวว่า รัฐบาลที่นำโดยพล.อ.ประยุทธ์ บริหารงานล้มเหลวซ้ำซาก ตอนยึดอำนาจนายทหารอย่างพล.อ.ประยุทธ์ เคยคุกเข่ากับน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกฯ แต่สุดท้ายก็ไปยึดอำนาจผู้หญิงมา หลังจากนั้นสร้างรัฐธรรมนูญตั้งส.ว. คนในรัฐบาลก็สร้างวาทกรรมนาฬิกายืมเพื่อน เป็นวัฒนธรรมว่าใครทำผิดก็บอกยืมเพื่อนหมด นอกจากนี้ ยังล้มเหลวเรื่องการออกกฎหมาย เช่น การให้ชาวบ้านออกนอกพื้นที่ของคนที่อยู่ในที่สาธารณะป่าสงวน พวกเขาเคยอยู่มาตั้งแต่สมัยบรรพบุรุษ แต่กลับมีการออกกฎหมายมาครอบให้คนออกจากพื้นที่ เช่นเดียวกับการบริหารราชการแผ่นดินด้านเศรษฐกิจก็ล้มเหลว เห็นได้จากรายได้มวลรวมประชาชาติ ที่ขยายตัวเพียง 1.5% ต่ำที่สุดในอาเซียนเป็นเรื่องน่าอับอาย ตั้งแต่รัฐบาลอยู่มา 8 - 9 ปี บอกจะพัฒนาการส่งออกเพิ่มรายได้ประเทศ แต่ทุกกระบวนการทุกอย่างก็ล่าช้าไม่เอื้ออำนวย ส่วนสถิติการทุจริตของประเทศก็สูงขึ้น แล้วมาบอกว่าเป็นชายชาติทหารต้องต่อสู้เรื่องการทุจริต ตอนยึดอำนาจมาก็อ้างว่าเพราะทุจริต แต่ตอนนี้กลับมีการทุจริตเพิ่มขึ้น

ทั้งนี้ ตัวแทนประชาชนได้ลุกขึ้นถามคำถามว่า หากฝ่ายค้านในวันนี้ได้เป็นรัฐบาล มีสิ่งใดที่จะทำให้ประชาชนอยู่ดีกินดีขึ้นกว่านี้หรือไม่ นายวิสุทธิ์ กล่าวว่า พรรคเพื่อไททยมีแนวทางที่จะพี่น้องเกษตรกรพ้นจากความยากจนได้ และพี่น้องเกษตรกรจะไม่ถูกเบี้ยวเรื่องราคาต่างๆ เรามีแนวทางฟื้นชีวิตเกษตรกรให้กลับมาอยู่ดีกินดี แต่นโยบายยังไม่สามารถบอกได้ เพราะถ้าพูดออกไปมีหลายพรรคจ้องรอลอกอยู่ ก็ขอกำลังใจพี่น้องประชาชนเลือกพวกเราเข้าไปแก้ปัญหา

ขณะที่ น.ส.ศิริกัญญา กล่าวว่า การสร้างรายได้ การแก้ปัญหาหนี้สิน และเรื่องที่ดิน วันนี้ขอฝาก กมธ.งบฯ ช่วยทำให้มีงบฯในการไปสำรวจรังวัดเพื่อแก้ปัญหาให้ประชาชน แต่นี่เป็นการแก้ปัญหาเฉพาะหน้า แต่ระยะยาวคือต้องแก้ปัญหาเรื่องข้องกฎหมาย และข้อพิพาทระหว่างรัฐกับประชาชนให้ได้ต่อไป ซึ่งเราเชื่อว่าเราสามารถทำได้หากเราเป็นรัฐบาล ส่วนการแก้ปัญหาหนี้สิน จะต้องมีการลดหนี้ให้เกษตรกรให้ได้