posttoday

สังคมมองการเมืองไทยวุ่นวาย นักการเมืองไม่ดูแลทุกข์สุขประชาชน

20 มีนาคม 2565

ดุสิตโพลเผยผลสำรวจประชาชน 49.69% มองภาพรวมการเมืองไทยค่อนข้างวุ่นวาย ขณะที่ 52.19% ชี้นักการเมืองทั้งรัฐบาล-ฝ่ายค้านไม่ค่อยดูแลทุกข์สุขประชาชน

สวนดุสิตโพล มหาวิทยาลัยสวนดุสิต เปิดเผยผลสำรวจเรื่อง "การเมืองไทย...วุ่นวายจริงหรือ?" โดยสำรวจความคิดเห็นของประชาชนทั่วประเทศ จำนวน 1,127 คน ระหว่างวันที่ 14-17 มีนาคม 2565 พบว่า ประชาชนมองว่าการเคลื่อนไหวของพรรคการเมือง ณ วันนี้สะท้อนให้เห็นถึงการต่อรองอำนาจและผลประโยชน์ทางการเมือง ร้อยละ 68.90

โดยมองว่าการนัดรับประทานอาหารร่วมกันของพรรคการเมืองในช่วงนี้ไม่เหมาะสม ร้อยละ 61.67

อยากให้รัฐบาลให้ความสำคัญกับปัญหาบ้านเมืองโดยเฉพาะน้ำมันแพง สินค้าแพง ร้อยละ 91.44

รายได้ไม่พอกับรายจ่าย หนี้สิน ร้อยละ 71.81

คิดว่านักการเมืองไทย (ทั้งฝ่ายรัฐบาลและฝ่ายค้าน) ไม่ค่อยดูแลทุกข์สุขของประชาชน ร้อยละ 52.19

ทั้งนี้ไม่ค่อยเชื่อมั่นต่อการบริหารงานของรัฐบาล ร้อยละ 45.12 ไม่เชื่อมั่น ร้อยละ 32.77

มองว่ารัฐบาลไม่ค่อยมีเสถียรภาพ ร้อยละ 50.94 และในภาพรวมมองการเมืองไทย ณ วันนี้ ค่อนข้างวุ่นวาย ร้อยละ  49.69

นางสาวพรพรรณ บัวทอง นักวิจัย สวนดุสิตโพล มหาวิทยาลัยสวนดุสิต กล่าวว่า เมื่อทำโพลเกี่ยวกับปัญหาที่ประชาชนต้องการให้แก้ครั้งใดก็จะมีปัญหาของแพงเข้ามาในผลโพลอย่างต่อเนื่อง สะท้อนให้เห็นว่ารัฐบาลยังไม่สามารถแก้ปัญหาและเพิ่มความเชื่อมั่นให้กับประชาชนได้ อีกทั้งยังมีการเคลื่อนไหวทางการเมืองที่ดูเหมือนเน้นประโยชน์ของนักการเมืองกันเองมากกว่าดูแลทุกข์สุขประชาชน ประชาชนจึงมองภาพการเมืองไทย ณ วันนี้ว่าค่อนไปทาง “วุ่นวาย” อยู่ไม่น้อย

ด้าน ผศ.ภาวินี รอดประเสริฐ อาจารย์ผู้รับผิดชอบหลักสูตรรัฐศาสตรบัณฑิต โรงเรียนกฎหมายและการเมือง มหาวิทยาลัยสวนดุสิต กล่าวว่า จากผลสำรวจสะท้อนให้เห็นว่าคำตอบแต่ละข้อมีความเกี่ยวข้องโยงเชื่อมกัน เนื่องจากความวุ่นวายทางการเมืองจากอดีตจนถึงปัจจุบันมีมาอย่างต่อเนื่อง อีกทั้งยังมีปัญหาทางเศรษฐกิจรวมถึงโรคระบาด ซึ่งทุกปัญหายังไม่สามารถแก้ไขได้อย่างลุล่วง จึงส่งผลให้ความเชื่อมั่นของประชาชนที่มีต่อรัฐบาลจากเดิมที่ไม่ค่อยพึงพอใจจึงยิ่งเพิ่มมากขึ้น

นอกจากนี้ยังมีข่าวที่ปรากฏว่ามีการนัดรับประทานอาหารร่วมกันของพรรคการเมืองทั้งพรรคเล็กและพรรคใหญ่ จึงเป็นอีกประเด็นที่ทำให้ประชาชนมองว่าอาจมีการยุบสภาและเลือกตั้งใหม่

จากผลสำรวจที่ออกมาไม่ค่อยเป็นผลบวกกับรัฐบาลเท่าไร เพราะความเชื่อมั่นของประชาชนที่มีต่อนักการเมืองและรัฐบาลในการแก้ไขปัญหาสภาพความเป็นอยู่ยังไม่เห็นผลชัดเจน ทำให้ความวุ่นวายทางการเมืองคงไม่สามารถจบได้ง่ายนัก แม้แต่รัฐบาลในอนาคตเชื่อว่าคงทำงานลำบาก หากต้องการที่จะสร้างเสถียรภาพให้เกิดขึ้นต้องมองทั้งความวุ่นวายที่เกิดจากนักการเมือง และเร่งแก้ไขปัญหาให้กับประชาชน จึงจะสามารถช่วยบรรเทาเรื่องของความวุ่นวายที่เกิดขึ้นให้น้อยลงกว่าที่เป็นอยู่ได้