กษิตรับ7คนไทยข้ามเขต

กษิตรับ7คนไทยข้ามแนวแบ่งเขตแดนที่ยังเป็นปัญหาของสองประเทศ ประสานกัมพูชาเร่งช่วยเหลือให้ได้รับการปล่อยตัว ชี้ข้อหาไม่ร้ายแรง แต่ปรับไม่ต้องจำ ยังไม่จำเป็นต้องยกระดับคุยกันระหว่างผู้นำ2ประเทศ 

นายกษิต ภิรมย์ รมว.ต่างประเทศ กล่าวผ่านสถานีโทรทัศน์ช่อง 11 กรมประชาสัมพันธ์ ในรายการคุยนอกทำเนียบ กรณีกัมพูชา จับกุม7คนไทย โดยยอมรับว่า ทั้งหมดได้ข้ามแนวแบ่งเขตเข้าไปในประเทศกัมพูชาจริง และเข้าไปเพียง 55เมตร และตรงจุดดังกล่าว ยังไม่มีความชัดเจนว่า เป็นเขตปกครองของประเทศใด ระหว่างไทยกับกัมพูชา เพราะอยู่ในขั้นตอนของการเจรจา และยังเห็นต่างเรื่องการลากเส้น ระหว่างหลักเขตประเทศ 46กับ47    

ส่วนกรณีที่ทางการกัมพูชา จับกุมตัวแล้วไม่ยอมส่งกลับไปในวันแรก เนื่องจากทั้ง7คนไทยได้เข้าไปในพื้นที่ โดยไม่มีการประสานกับหน่วยความมั่นคงของทั้งสองฝ่าย ทำให้มีการรายงานไปยังกรุงพนมเปญ อำนาจหน้าที่ในการควบคุมตัวจึงพ้นจากความรับผิดชอบจากส่วนท้องถิ่นไปยังส่วนกลาง ประกอบกับนายวีระ สมความคิด ก็เคยถูกจับมาแล้วก่อนหน้านี้ จึงเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทางการกัมพูชาไม่ยอมปล่อยตัว

"ประเด็นที่ยังไม่ถูกส่งตัวกลับมาในทันที เพราะในการเข้าไปในพื้นที่ไม่ได้มีการบอกกล่าว หรือซักซ้อมทำความเข้าใจกับฝ่ายความมั่นคงไปกันเอง เจ้าหน้าที่ของกัมพูชา คงจำหน้าท่านวีระได้ จึงรายงานไปยังส่วนกลาง จึงทำให้อำนาจหน้าที่หลุดจากท้องถิ่น เมื่อมีการรายงานไปยังกรุงพนมเปญ" นายกษิต กล่าว 

นายกษิต กล่าวต่อด้วยว่า หลังการจับกุม7คนไทย ได้แจ้งไปยังรองนายกฯ และรมว.ต่างประเทศของกัมพูชาแล้วว่า ทั้งหมดไม่ได้มีเจตนาร้ายหรือเข้าไปก่ออาชญากรรม กรณีรุกล้ำเข้าไปในพื้นที่ดังกล่าว ซึ่งทางการกัมพูชา ได้ตั้งข้อกล่าวหาเอาไว้ใน2ฐานความผิดคือเข้าเมืองโดยผิดกฏหมาย และรุกล้ำเข้าไปในเขตพื้นที่การควบคุมของทหาร และศาลกัมพูชาได้นัดไต่สวนครั้งแรก 6 ม.ค.นี้ โดยทางสถานทูต ได้ตั้งทนายความเพื่อต่อสู้คดี และขอยื่นประกันตัวต่อไป

นายกษิต กล่าวด้วยว่า เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องร้ายแรง โทษความผิด อาจแค่ปรับ ไม่ต้องจำคุก ไม่จำเป็นต้องยกขึ้นมาเป็นระดับการพูดคุยระหว่างผู้นำของสองประเทศ อยากให้เรื่องยุติโดยเร็ว เนื่องจากที่ผ่านมาความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศที่ผ่านมาได้ดีขึ้นเป็นลำดับ อย่างไรก็ตามเรื่องที่คงต้องทำโดยเร่งด่วนคือ การนำทั้ง7คนไทย กลับมาประเทศโดยเร็ว และการดูแลทุกข์สุข ระหว่างที่ยังถูกคุมขังอยู่ในเรือนจำ