posttoday

"สุเทพ" มั่นใจ แกนนำ กปปส. ไม่ทิ้งอุดมการณ์ หลายคนจะกลับมาเมื่อประเทศมีปัญหา

16 ธันวาคม 2564

“สุเทพ เทือกสุบรรณ ” มั่นใจ แกนนำ กปปส. ไม่ทิ้งอุดมการณ์ แม้ถูกตัดสิทธิทางการเมือง เชื่อหลายคนจะกลับมาเมื่อประเทศมีปัญหา

เมื่อวันที่ 16ธ.ค.64 เฟซบุ๊ก “ Suthep Thaugsuban (สุเทพ เทือกสุบรรณ)” ของ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ประธานมูลนิธิมวลมหาประชาชนเพื่อการปฏิรูปประเทศไทย(มปท.)ได้เผยแพร่รายการ “คุยกับลุง” EP 10

โดยนายสุเทพ ได้กล่าวใน รายการ “คุยกับลุง” EP 10 ตอนหนึ่งว่า เมื่อวันที่ 8 ธ.ค.ที่ผ่านมามีเรื่องสำคัญเกิดขึ้นในบ้านเมือง ศาลรัฐธรรมนูญได้มีคำวินิจฉัยว่า แกนนำ กปปส. 5 คน สิ้นสภาพการเป็น ส.ส.ผลที่ตามมา คือจะต้องมีการเลือกตั้งซ่อมพื้นที่ เขต 1 จังหวัดชุมพร และเขต 6 จังหวัดสงขลา ที่ตอนนี้พรรคการเมืองทั้งหลายคึกคักมาก มีการประกาศชื่อคนที่จะลงสมัครเป็นส.ส.ภาคใต้ เรื่องที่เกิดขึ้นคราวนี้นอกจากนายชุมพล และ นายถาวรจะต้องพ้นจากการเป็น ส.ส.แล้วยังมีส.ส.อีก 3คนที่ต้องพ้นตำแหน่งไปด้วยคือ 1.นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ 2.นายอิสสระ สมชัย 2 คนนี้เป็นส.ส.บัญชีรายชื่อ เมื่อสิ้นสภาพการเป็นส.ส.ตามที่ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย ประธานสภาฯ ก็จะประกาศชื่อส.ส.บัญชีรายชื่อของพรรคนั้น ในลำดับถัดไปขึ้นมาเป็น ส.ส.แทน ส่วนนายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ หลังจากที่ถูกคุมขังในคุก3วัน2คืน เมื่อออกมาก็ได้ประกาศลาออกจากการเป็น ส.ส.

นายสุเทพ กล่าวต่อว่า กรณีที่เกิดขึ้นนี้เป็นผลสืบเนื่องมาจากการชุมนุมครั้งใหญ่ของมวลมหาประชาชนในปี2556-2557 ที่พร้อมใจลุกขึ้นมาเดินขบวนต่อต้านร่างพ.ร.บ.นิรโทษกรรม ที่มีเจตนาจะล้างความผิดให้กับนักโทษที่ถูกศาลพิพากษาว่า ทุจริตคอร์รัปชั่นลงโทษจำคุก แล้วหนีคำพิพากษาไปอยู่ต่างประเทศรวมทั้งต้องการล้างความผิดให้บรรดาสมุนบริวารนักโทษเหล่านั้น ที่ได้ออกมาก่อเหตุร้ายในบ้านเมือง เผาบ้าน เผาเมืองฆ่าประชาชน ฆ่าตำรวจฆ่าทหาร เมื่อปี 2552-2553

นายสุเทพ กล่าวต่อว่า การชุมนุมคราวนี้นอกจากต่อต้านคัดค้านร่างพ.ร.บ.นิรโทษกรรมแล้วผู้ชุมนุมยังได้แสดงออกทางการเมืองว่า ไม่ไว้วางใจการบริหารราชการแผ่นดินของ นางสาวยิ่งลักษณ์ชินวัตรนายกรัฐมนตรีและคณะรัฐบาลในขณะนั้นซึ่งกระทำการทุจริตคอร์รัปชั่นโดยเฉพาะโครงการรับจำนำข้าว ที่ทำให้ประเทศชาติเสียหายไป 7-8 แสนล้านบาท รวมทั้งการใช้อำนาจหน้าที่โดยไม่เป็นธรรม ที่มีการแต่งตั้งโยกย้าย เพื่อให้ญาติพี่น้องตัวเองได้ขึ้นมาดำรงตำแหน่งเป็น ผบ.ตร. การชุมนุมเดินขบวนในคราวนั้น มีพี่น้องประชาชนลุกขึ้นมาร่วมต่อสู้มากมาย ทุกภาคของประเทศนับแสนนับล้านคน และส.ส.ทั้ง 5 คนเป็นแกนนำที่สำคัญในการชุมนุมครั้งนั้น

นายสุเทพ กล่าวต่ออีกว่า ตลอดช่วงการชุมนุมของ กปปส. 204 วัน ผู้ชุมนุม กปปส. ยึดมั่นในหลักการชุมนุมโดยสงบ สันติ อหิงสา ปราศจากอาวุธ ไม่ทำอะไรที่ผิดกฎหมาย แต่ก็มีผู้ไปร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญว่าเราเป็นกบฏ หลายครั้ง หลายหน ศาลรัฐธรรมนูญได้วินิจฉัยว่าการชุมนุมของ กปปส. เป็นการชุมนุมโดยสงบ ปราศจากอาวุธ เป็นการใช้สิทธิตามรัฐธรรมนูญ หลังการชุมนุมบรรดาแกนนำ และผู้ร่วมชุมนุมหลายสิบคน ถูกดำเนินคดี ข้อหากบฏ เป็นผู้ก่อการร้าย อั้งยี่ ซ่องโจร บุกรุกสถานที่ราชการ ขัดขวางการเลือกตั้ง และข้อหาอื่นๆ สู้คดียาวนานเป็นปีๆ ในที่สุด เมื่อวันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2564 ศาลชั้นต้นได้มีคำพิพากษา ศาลยกฟ้อง 12คน ที่ไม่ได้มีบทบาทสำคัญมากนัก แค่เป็นผู้ไปร่วมชุมนุมอีก อีกจำนวนหนึ่งถูกพิพากษาลงโทษ 1 ปีบ้าง 1 ปี 6 เดือน บ้าง2 ปีบ้าง คนเหล่านี้โชคดีศาลให้โอกาสพิพากษาให้รอการลงโทษ 2 ปี แต่มีจำนวนหนึ่งโชคไม่ดี ศาลลงโทษสถานหนัก อย่างตนจำเลยที่ 1 โดนไป 5 ปี นายชุมพล 9 ปี 24 เดือน นายพุทธพงษ์ 7 ปี นายอิสสระ 7 ปี 16 เดือน นายถาวร 5 ปี นายณัฏฐพล 6 ปี 16 เดือน เรือตรี แซมดิน 4 ปี16 เดือน หลวงปู่พุทธอิสระ 4 ปี 8 เดือน

นายสุเทพ กล่าวต่อว่า การที่ถูกนำตัวไปคุมขัง 3 วัน 2 คืน การที่ถูกนำตัวไปคุมขัง ในวันนั้น ทำให้นายณัฎฐพล นายพุทธิพงษ์ และนายถาวร ต้องพ้นจากการเป็นรัฐมนตรี การถูกคุมขังในระหว่างรอการประกันตัว จึงได้กลายมาเป็นประเด็นที่ กกต. ส่งเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่า พ้นสมาชิกภาพการเป็นส.ส.ไปหรือไม่ นี่คือเหตุที่ศาลรัฐธรรมนูญ ได้มีคำวินิจฉัยเมื่อวันที่ 8 ธ.ค.ที่ผ่านมา หลังจากที่ศาลรัฐธรรมนูญได้ชี้ขาดว่าทั้ง 5 คน สิ้นสภาพการเป็นส.ส.นายชุมพล ได้กลับชุมพร ได้รับการต้อนรับที่ดีจากชาวชุมพร วันนี้นายชุมพล ยังทำหน้าที่เหมือนกับเป็นส.ส.ออกไปช่วยเหลือประชาชนชาวชุมพรที่ถูกน้ำท่วมร่วมกับนายสุพล พี่ชายที่เป็นส.ส.

นายสุเทพ กล่าวว่า ตนเห็นใน เฟซบุ๊ก ของบรรดาแกนนำหลายคนที่ได้เขียนไว้หลังศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยออกมา เช่น นายชุมพลที่โพสต์ว่า ขอบคุณทุกกำลังใจทุกความรู้สึก ไม่เสียใจที่ได้ทำเพื่อชาติ เพื่อบ้านเมือง แม้ไม่ได้เป็นส.ส.วันนี้แต่อุดมการณ์ยังแน่วแน่ ยังคงทำเพื่อประชาชนต่อไป นายพุทธิพงษ์ ก็ไม่ได้เจอมานาน เขียนไว้ น่าประทับใจเช่นกัน เช่น ขออโหสิกรรมให้ทุกอย่างและทุกคนที่ทำกับเรา กราบขอโทษมวลมหาประชาชน ที่เคยร่วมอุดมการณ์ที่ทำให้ทุกคนต้องผิดหวัง ยืนยันว่าสิ่งที่พวกเราทำมาจากความตั้งใจที่ดีต่อบ้านเมืองรักชาติรักแผ่นดินเทิดทูนและปกป้องสถาบันอันเป็นที่รักของเราไม่มีเจตนาอื่น

ส่วนนายณัฏฐพล ก็ได้เขียนลงเฟซบุ๊ก ตั้งแต่วันที่ 8 ธ.ค. เช่นกัน เช่น “ การที่ออกไปต่อสู้ในฐานะ กปปส.เพื่อ ปกป้องประเทศชาติ จากการทุจริตคอร์รัปชั่นในวันนั้น จนนำมาสู่การตัดสินคดีต้องโทษจำคุก ถูกตัดสิทธิทางการเมือง ยืนยันว่า พ้นสภาพการเป็น ส.ส.ในวันนี้ แน่นอนความเสียใจย่อมมีเป็นธรรมดา ขอน้อมรับการตัดสินของศาลรัฐธรรมนูญ เพราะทุกคนต้องอยู่ภายใต้กฎหมายไม่ใช่ จะยอมรับเฉพาะคำตัดสินที่เอื้อประโยชน์ให้ตัวเอง พอคำตัดสินไม่เป็นไปตามที่ต้องการก็ออกมาโวยวาย ประท้วงหาว่าศาลไม่เป็นธรรม

ด้านนายอิสสระ ก็มีเขียนลงเฟซบุ๊ก ว่า วันนี้ที่ศาลรัฐธรรมนูญได้วินิจฉัยให้ผม และแกนนำส.ส.5 คนพ้นสภาพการเป็นส.ส.ตั้งแต่วันที่ 7 เมษายน 2564 ถูกตัดสิทธิการเลือกตั้ง 5 ปี ขอน้อมรับคำตัดสินของศาลรัฐธรรมนูญ ทุกประการนี่ เป็นบทเรียนแห่งการต่อสู้ทางการเมือง เพื่อรักษาผลประโยชน์ให้กับประเทศชาติและประชาชนไม่มีใครทำเพื่อผลประโยชน์ส่วนตัว แต่ผลตอบแทนที่ได้รับคือการให้พ้นสภาพการเป็นส.ส.และยังมีโทษจำคุกรออยู่ข้างหน้าทุกคน ซึ่งแกนนำ กปปส.ทุกคนได้คาดการณ์ล่วงหน้าไว้แล้วจึงไม่เสียใจกับโทษที่ได้รับในครั้งนี้ ด้านนายถาวรก็เขียนไว้เช่นกันว่า ภูมิใจที่ได้ออกมาปกป้องและประชาชน แม้ต้องพ้นออกจากส.ส.

นายสุเทพ กล่าวว่า พี่น้องที่เคารพ เพื่อนร่วมอุดมการณ์ ที่เคยต่อสู้เคียงบ่า เคียงไหล่มากับพวกเรา นอนกลางดินกินกลางถนนมาด้วยกัน เจอร้อน เจอหนาว เจอความทุกข์ยาก เจอระเบิด เจอกระสุนปืน เสี่ยงชีวิตมาด้วยกัน วันนี้กระจัดกระจาย แต่เชื่อมั่นว่าคนเหล่านี้ ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนอุดมการณ์ ยังแน่วแน่เหมือนพี่น้อง วันไหนที่ประเทศชาติมีปัญหา เชื่อว่าเขาจะกลับ เขาจะมายืนเคียงข้างพี่น้องมวลมหาประชาชนสู้เพื่อชาติ สู้เพื่อแผ่นดินอีกต่อไปคนเหล่านี้ไม่มีวันท้อถอย ไม่มีวันที่จะสูญเสียกำลังใจ ตนในฐานะที่เป็นผู้นำการต่อสู้ของ กปปส.ทำได้ในวันนี้เพียงพูดถึงเขาด้วยความนับถือ จำ จารึกสิ่งที่เขาได้เสียสละ เพื่อชาติ เพื่อแผ่นดิน โชคดี เพื่อน