posttoday

"แรมโบ้"ลั่นเดิมพันตำแหน่งไล่แอมเนสตี้พ้นประเทศ

25 พฤศจิกายน 2564

กลุ่มปกป้องสถาบันฯ ยื่นหนังสือ จัดการ’แอมเนสตี้ ’ - ‘แรมโบ้’ เดิมพันตำแหน่ง พลีชีพตะเพิดพ้นแผ่นดิน ด้านตำรวจเปิดทางโล่งหน้าทำเนียบ ชุมนุมสะดวก ขณะที่ อดีตเสื้อแดงอีสาน ตั้งโต๊ะล่าล้านรายชื่อ ตะเพิดพ้นประเทศไทย ด้าน ‘นักสู้ปอสี่’ แฉ เคยถูกพวกล้มเจ้าหลอกให้ล่ารายชื่อไปยกเลิก ม.112 ครั้งนี้ ตาสว่างขอถวายชีวิตปกป้องสถาบัน

เมื่อวันที่ 25 พ.ย. 64 ที่ศูนย์รับเรื่องราวร้องทุกข์ทำเนียบรัฐบาล นายนพดล พรหมภาสิต ตัวแทนกลุ่มพสกนิกรปกป้องสถาบัน และนายอานนท์ กลิ่นแก้ว ตัวแทนกลุ่มศูนย์รวมประชาชนปกป้องสถาบัน(ศปปส.)พร้อมด้วยผู้ชุมนุมประมาณ50คน ยื่นหนังสือถึงพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ผ่านนายเสกสกล อัตถาวงศ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกรัฐมนตรี ขอให้รัฐบาลตรวจสอบและจัดการตามกฎหมายกับองค์กรแอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล ประเทศไทย ว่ามี พฤติกรรมเข้าข่ายการกระทำที่กระทบต่อความมั่นคงของประเทศ ต่อสถาบันพระมหากษัตริย์หรือไม่ และขอให้ตรวจสอบเส้นทางการเงินรวมทั้งให้ขับองค์กรดังกล่าวออกนอกประเทศ

นายนพดล กล่าวว่า ภายหลังศาลรัฐธรรมนูญ วินิจฉัยเมื่อวันที่ 10 พ.ย. ว่า การกระทำของ นายอานนท์ นำภา นายภาณุพงศ์ จาดนอก หรือไมค์ น.ส.ปนัสยา สิทธิจิรวัฒนกุล หรือรุ้ง เป็นการใช้สิทธิหรือเสรีภาพเพื่อ ล้มล้างการ ปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 49 วรรคหนึ่ง แต่ปรากฏว่า แอมเนสตี้ฯ ได้ออกมาประกาศแคมเปญ เขียนจดหมายล้านฉบับ ถึงทั่วโลก จี้ทางการไทยให้หยุดดำเนินคดีกับ น.ส.ปนัสยา ซึ่งถือได้ว่าองค์กรนี้เข้ามาแทรกแซงกิจการภายในของประเทศ และ จงใจที่จะไม่ปฏิบัติตามกฎหมายของประเทศไทย เนื่องจากคำตัดสินหรือคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญนั้นผูกพันทุกองค์กร อีกทั้งการกระทำของแอมเนสตี้ฯ ยังอาจถือได้ว่าเป็นผู้อยู่เบื้องหลังและให้การสนับสนุนต่อคนหรือกลุ่มบุคคลให้กระทำการจาบจ้วงสถาบันพระมหากษัตริย์อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

นายนพดล กล่าวต่อว่า จากเหตุผลข้างต้นน่าจะเพียงพอแล้วที่รัฐบาลจะต้องให้ความสำคัญกับเรื่องนี้โดยเร่งด่วน ด้วยการให้องค์กรนี้พ้นออกไปจากประเทศไทย หากมีข้อมูลและหลักฐานที่เชื่อได้ว่าองค์กรนี้มีจุดมุ่งหมายที่จะแทรกแซงกิจการภายในของไทย และก่อนที่สถาบันพระมหากษัตริย์จะถูกล่วงละเมิดไปมากกว่านี้

ด้านนายเสกสกล นอกจากรับหนังสือดังกล่าวแล้วยังร่วมปราศรัยด้วยท่าทีดุดันว่า ตนมี2แนวทางคือ1. เราจะกดดันด้วยกฎหมาย เพื่อจัดการกับ แอมเนสตี้ฯ ที่ไม่รักษากฎหมายของไทย จึงต้องเอาเข้าคุก หรือเอาออกนอกประเทศ หรือไม่ก็ยุบองค์กรดังกล่าวให้ได้ 2. กดดันด้วยพลังพี่น้องประชาชนที่จงรักภักดีกับสถาบัน ให้หยุดการประทำ

"ผมขอสัญญากับมวลชนว่า ผมไม่ยึดติดตำแหน่งผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกรัฐมนตรี คนอย่าง แรมโบ้ อีสาน มีความรักชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ ใครที่คิดมาทำลายแผ่นดิน ชาติ ศาสนา และคิดล้มล้างสถาบันพระมหากษัตริย์ ผมพร้อมพลีชีพกับพี่น้องประชาชน ถ้าผมไล่แอมเนสตี้ฯ ออกนอกประเทศไม่ได้ จะลาออกจากตำแหน่งแต่ไม่ออกจากประเทศ เพื่อมาขับเคลื่อนร่วมกับพี่น้องประชาชนและไล่แอมเนสตี้ออกไป" นายเสกสกล ให้คำมั่นและว่า ตนจะสู้ร่วมกับพี่น้องประชาชนที่ปกป้องสถาบันจนกว่าพวกมันจะพ้นจากประเทศไทย

ผู้สื่อข่าวรายงาน ระหว่างการยื่นหนังสือผู้ชุมนุมได้มีการแสดงพลัง พร้อมใจกันตะโกนขับไล่แอมเนสตี้ออกจากประเทศไทย และยังปราศรัยโจมตีการเคลื่อนไหวของแอมเนสตี้ และ มวลชนกลุ่มราษฎร ที่ออกมาเคลื่อนไหวให้ปฏิรูปสถาบันในสถานที่ต่างๆ

นอกจากนี้ ยังมีข้อสังเกตว่าการชุมนุมกลุ่มพสกนิกรปกป้องสถาบัน ครั้งนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจ ได้อำนวยความสะดวกให้ผู้ชุมนุมเข้ามาทำกิจกรรมดังกล่าวในบริเวณ ศูนย์รับเรื่องราวร้องทุกข์ทำเนียบ ฝั่งตรงข้ามทำเนียบรัฐบาล แตกต่างจากเมื่อวันที่ 23 พย. ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ปิดถนนโดยรอบทำเนียบบริเวณ ถนนพิษณุโลก ปิดตั้งแต่แยกสวนมิสกวัน ถึงแยกนางเลิ้ง และถนนพระราม 5 ตั้งแต่วัดเบญจมบพิตร ถึงแยกพาณิชยการ เพื่อป้องกันไม่ให้ กลุ่มสหภาพคนทำงานบันเทิงประมาณ 10 คน เข้ามายื่นหนังสือให้ พล.อ.ประยุทธ์ เพื่อขอเปิดสถานบันเทิงในวันที่ 1 ธ.ค. และส่งผลให้การจราจรโดยรอบทำเนียบฯ ติดขัด

วันเดียวกัน ที่ศูนย์เรียนรู้กลุ่มวิสาหกิจชุมชน บ้านอ่างหิน ต.ธงชัยเหนือ อ.ปักธงชัย จ.นครราชสีมา นางนิตยา นาโล หรือ นักสู้ปอสี่ อดีตประธานหมู่บ้านเสื้อแดงภาคอีสาน ได้เชิญตัวแทนอดีตประธานหมู่บ้านเสื้อแดง 20 จังหวัดภาคอีสาน เพื่อมารับทราบการจะนำรายชื่อประชาชนจำนวน 1 ล้านชื่อ ขับไล่กลุ่ม แอมเนสตี้ อินเตอร์ เนชั่นแนล ประเทศไทย ออกจากประเทศไทย เพราะกลุ่มนี้มักชอบอ้างตัวเองว่าเป็น กลุ่ม NGO ระหว่างประเทศออกช่วยเหลือปกป้องสิทธิมนุษยชนทั่วโลก จึงได้พากันตั้งโต๊ะให้ประชาชนได้มาลงชื่อตามแคมเปญของนายเสกสกล อัตถาวงศ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกรัฐมนตรี ได้ประกาศเอาไว้

นางนิตยา เปิดเผยว่า การที่พวกตนได้ออกมาตั้งโต๊ะให้ประชาชนมาลงชื่อเพื่อขับไล่กลุ่มแอมเนสตี้ฯในครั้งนี้ก็เพราะต้องการออกมาปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์ เพราะพวกเรามีหัวใจรักในพระเจ้าแผ่นดินของพวกเรา ที่ผ่านมาแม้แต่เงินเหรียญบาทตกที่มีรูปของพระเจ้าแผ่นดินพวกเราเองก็ไม่กล้าจะเดินข้ามแต่อย่างใด แต่วันนี้กลุ่ม แอมเนสตี้ฯ หรือ NGO ที่คอยสนับสนุนยุยงส่งเสริมกลุ่มนักเรียน นักศึกษา หรือ ม็อบต่าง ๆ ที่จะล้มล้างสถาบันและยกเลิก ม.112 พวกเรายอมไม่ได้จึงได้ออกมาตั้งโต๊ะให้ประชาชนมาลงรายชื่อกัน เพราะประชาชนชาวรากหญ้าอย่างพวกเรา อาจจะไม่เก่งเรื่องอินเตอร์เน็ตไม่เข้าใจการลงชื่อทางแอพฯ แต่พวกเรามีความจงรักภักดีต่อ ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ จึงขอลงชื่อในกระดาษแล้วจะนำรายชื่อดังกล่าวไปมอบให้กับนายเสกสกล ที่กรุงเทพฯอีกต่อไป

นางนิตยา กล่าวอีกว่า ที่ผ่านมากลุ่ม แอมเนสตี้ฯ กลุ่มนี้ได้ร่วมกับทางอาจารย์มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ได้ออกไปหาพวกตน เพื่อล่ารายชื่อ 1 แสนคน จะขอยกเลิก ม.112 ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2553-2554 ตอนที่ไปหาพวกเราจะโกหกบอกว่าจะเอารายชื่อไปสนับสนุนปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์ จนทำให้พวกเราหลงเชื่อและถูกประชาชนชาวไทยหลายคนประณามเข้าใจผิดว่าพวกตนคือ หมู่บ้านเสื้อแดงล้มเจ้า ล้มพระเจ้าแผ่นดิน ต่อมาพวกเราได้มาเจอและพูดคุยกับนายเสกสกล เพื่อจะขอชี้แจงความเป็นจริงที่เกิดขึ้นพร้อมกันนั้นก็ต้องการที่จะทำตามหัวใจของพวกเราที่มีความจงรักภักดี ซึ่งครั้งนี้พวกเราชาวอีสานทั้ง 20 จังหวัด จะไม่ยอมให้พวก NGO มาหลอกลวงตนและประชาชนตามหมู่บ้าน ตำบล อำเภอ และ จังหวัดต่างๆ อีกต่อไปแล้ว พวกเราจะขอต่อสู้ถวายชีวิตเพื่อปกป้องสถาบัน โดยครั้งต่อไปพวกเราจะไปตั้งโต๊ะลงชื่อตามอำเภอและจังหวัดต่าง ๆ ทั่วทั้งภาคอีสาน เพื่อจะได้รายชื่อให้ครบ 1 ล้านชื่อ อย่างรวดเร็วเพราะต้องการจะเห็นแอมเนสตี้ออกจากประเทศไทยไปโดยเร็วที่สุด

ด้าน นายอานนท์ แสนน่าน ผู้ริเริ่มก่อตั้งหมู่บ้านเสื้อแดง อดีตประธานหมู่บ้านเสื้อแดงแห่งประเทศไทย ได้กล่าวว่า ที่ แอมเนสตี้ ออกแถลงการณ์ว่าทางกลุ่มไม่เคยยุ่งเกี่ยวกับการเมืองแต่อย่างใด ตนขอบอกว่า “อย่าตอแหลเลย เพราะการกระทำที่พวกคุณทำยุยงส่งเสริมฝ่ายที่ไม่เห็นดีกับรัฐบาลที่คอยปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์ จะให้การสนับสนุน ทั้งทุนทรัพย์และบุคลากรทางปรัชญา วันนี้พวกเรา อดีตหมู่บ้านเสื้อแดง ทั่วประเทศไทยจะถอดหน้ากากชาวต่างชาติที่อยู่เบื้องหลัง คอยฝังตัวเองอยู่ตามชนบท โดยเฉพาะภาคอีสานที่มีฝรั่งบางคนไปแต่งงานมีภรรยาเป็นคนไทยอีสาน เอาเงิน เอาความสุขไปให้เพื่อปลุกปั่นให้เกลียดชังเจ้า หรือ ล้มล้างสถาบันพระมหากษัตริย์ กลุ่มนี้จะแฝงตัวเองเป็นอาจารย์สอนพิเศษตามมหาวิทยาลัยดัง ๆ บางคนก็มีภรรยาเป็นอาจารย์ชักจูงนักเรียน และ นักศึกษา ออกไปรณรงค์ให้ประชาชนชาวรากหญ้าเกลียดชังสถาบันพระมหากษัตริย์ และที่ทาง แอมเนสตี้ บอกว่าเงินทุกบาททุกสตางค์ไม่เคยได้รับการสนับสนุนจากต่างประเทศหรือนายทุนแต่อย่างไรเลย”

“พวกคุณหลอกอาจารย์มหาลัย หลอกนักเรียน นักศึกษาบางคนได้ แต่อย่ามาหลอกพวกเราที่เป็นประชาชนออกมาเป็นนักสู้เรียกร้องเพื่อปากท้องของประชาชนอย่างแท้จริง ตนทราบดีครับว่าเงินมาจากไหน แล้วทำไมพวกตนหรืออดีตแกนำเสื้อแดงหลายคนมีเงินหลายล้านบาท มาสร้างสถานีวิทยุกระจายเสียงออกมาต่อสู้กับรัฐบาลที่ปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์ แม้แต่ของ “สถานีวิทยุกระจายเสียงหมู่บ้านเสื้อแดง” เคยทำผ้าป่าไปแล้วได้เงินเพียง 36,000 บาท แต่ทำไมพวกเรามีปัญญาสร้างสถานีวิทยุฯ ได้ด้วยงบประมาณกว่า 5,000,000 บาท อย่าให้พวกเราที่ทำงานเพื่อประชาชนจริงๆ ออกมาพูดไปมากกว่านี้เลย”