posttoday

อัยการแจงปมไม่ฟ้องเลขาคุณหญิงอ้อ คดีฟอกเงินกรุงไทย

07 ตุลาคม 2564

ทีมโฆษกอัยการ แจงปมกลับคำสั่งไม้ฟ้อง ภรรยา-สามีหงษ์เหิน อดีตเลขาฯ หญิงอ้อ คดีร่วมฟอกเงินทุจริตกู้แบงก์กรุงไทย รอ อธ.ดีเอสไอ เห็นแย้งหรือไม่

ที่สำนักงานอัยการสูงสุด แจ้งวัฒนะ วันที่ 7 ต.ค.64 นายอิทธิพร แก้วทิพย์ อธิบดีอัยการสำนักงานคดีอาญา ในฐานะโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด และนายประยุทธ เพชรคุณ รองอธิบดีอัยการสำนักงานคดีพิเศษ ในฐานะรองโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด ร่วมแถลงข่าวชี้แจงกรณีพนักงานอัยการมีคำสั่งไม่ฟ้อง นางกาญจนาภา หงษ์เหิน อดีตเลขานุการคุณหญิงพจมาน ณ ป้อมเพชร และนายวันชัย หงษ์เหิน สามี คดีตกเป็นผู้ต้องหาร่วมกันฟอกเงินการทุจริตปล่อยกู้สินเชื่อของธนาคารกรุงไทยกับกลุ่มธุรกิจกฤษดา มหานคร

โดยการแถลงข่าวออกเอกสารชี้แจง ระบุว่าตามที่สื่อมวลชนได้นำเสนอข่าวกรณีพนักงานอัยการมีคำสั่งไม่ฟ้องนางกาญจนาภา หงษ์เหิน และนายวันชัย หงษ์เหิน ผู้ต้องหา ในข้อหาร่วมกันฟอกเงินและสมคบกันฟอกเงินนั้น สำนักงานอัยการสูงสุดขอชี้แจงเกี่ยวกับการสั่งคดีดังกล่าว ดังนี้ 1. คดีนี้ สำนักงานอัยการคดีพิเศษ โดยสำนักงานอัยการพิเศษฝ่ายคดีพิเศษ 4 ได้รับสำนวนจากกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) เมื่อวันที่ 26 ก.ค.61 คดีระหว่าง สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ป.ป.ง.) โดยนายสุนทรา พลไตร ผู้กล่าวหา นางเกศินี จิปิภพ ผู้ต้องหาที่ 1 นางกาญจนาภา หงษ์เหิน ผู้ต้องหาที่ 2 นายวันชัย หงษ์เหิน ผู้ต้องหาที่ 3 นายพานทองแท้ ชินวัตร (บุตรชาย พ.ต. ท.ทักษิณ ชินวัตร ผู้ต้องหาที่ 4 ข้อหาร่วมกันฟอกเงินและสมคบกันฟอกเงิน เหตุเกิดระหว่างวันที่ 30 ธ.ค.46 - วันที่ 17 พ.ค.47 ต่อเนื่องกัน 2. คดีนี้มีมูลเหตุเกี่ยวพันกับคดีของศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง คดีหมายเลขดำ อม.3/2555 คดีหมายเลขแดงที่ อม.55/2558 ซึ่งอัยการสูงสุด ฟ้อง พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร (อดีตนายกรัฐมนตรี) เป็นจำเลยที่ 1 กับพวกอีกหลายคน ในความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการ ยักยอก พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดของพนักงานในองค์การหรือหน่วยงานของรัฐ ฯ พ.ร.บ.หลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ ฯ โดยมูลคดีสืบเนื่องจากธนาคารกรุงไทย ปล่อยเงินกู้ให้กับบริษัท กฤษดานครมหานคร จำกัด (มหาชน) นายวิชัย กฤษดาธานนท์ และนายรัชฎา กฤษดาธานนท์ กับพวก คดีดังกล่าวศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ตัดสินเมื่อวันที่ 30 ส.ค.62 โดยพิพากษายกฟ้อง พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร จำเลยที่ 1 โดยวินิจฉัยว่าพยานหลักฐานของโจทก์ที่ไต่สวนมายังไม่มีน้ำหนักรับฟังได้ว่า จำเลยที่ 1 ได้กระทำความผิดตามฟ้อง จึงมีคำพิพากษายกฟ้อง พ.ต.ท. ทักษิณ จำเลยที่ 1

3. สำหรับคดีที่กล่าวหานางกาญจนาภา หงษ์เหิน และนายวันชัย หงษ์เหิน ตามที่สื่อมวลชนได้เสนอข่าวในครั้งนี้ พนักงานอัยการสำนักงานอัยการคดีพิเศษ 4 พิจารณาแล้ว มีคำสั่งไม่ฟ้อง นางเกศินี จิปิภพ ผู้ต้องหาที่ 1 ซึ่งอธิบดีดีเอสไอ เห็นพ้องกับการสั่งไม่ฟ้องดังกล่าว คดีในส่วนนางเกศินี จิปิภพ เสร็จเด็ดขาดแล้ว 4. สำหรับนางกาญจนาภา หงษ์เหิน ผู้ต้องหาที่ 2 นายวันชัย หงษ์เหิน ผู้ต้องหาที่ 3 และนายพานทองแท้ ชินวัตร ผู้ต้องหาที่ 4 พนักงานอัยการมีคำสั่งฟ้องในข้อหาร่วมกันฟอกเงิน และสมคบกันฟอกเงินตามข้อกล่าวหา แต่ยังไม่ได้ยื่นฟ้องนางกาญจนาภา ผู้ต้องหาที่ 2 นายวันชัย ผู้ต้องหาที่ 3 เพราะหลบหนี

5. สำหรับนายพานทองแท้ ผู้ต้องหาที่ 4 พนักงานอัยการสำนักงานอัยการคดีพิเศษ 4 ได้ยื่นฟ้องต่อศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง ในข้อหาร่วมกันฟอกเงิน และสมคบกันฟอกเงินเรียบร้อยแล้ว ต่อมาศาลมีคำพิพากษายกฟ้อง พนักงานอัยการมีคำสั่งไม่อุทธรณ์ อธิบดีดีเอสไอเห็นพ้องด้วย คดีถึงที่สุดแล้ว

6. ต่อมาในวันที่ 30 ก.ค.63 นางกาญจนาภา หงษ์เหิน ผู้ต้องหาที่ 2 นายวันชัย หงษ์เหิน ผู้ต้องหาที่ 3 ได้ร้องขอความเป็นธรรมต่อพนักงานอัยการสำนักงานอัยการคดีพิเศษ 4 ขอให้ทบทวนคำสั่งฟ้องผู้ต้องหาทั้งสอง โดยอ้างว่าข้อเท็จจริง รูปแบบพฤติการณ์ที่กล่าวหาตนเป็นกรณีเดียวกันกับที่กล่าวหานายพานทองแท้ ซึ่งศาลได้มีคำพิพากษาถึงที่สุด ยกฟ้องไปแล้ว อีกทั้งมูลเหตุก็เป็นกรณีสืบเนื่องจากการกล่าวหา พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร และเป็นเหตุให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ถูกฟ้อง ที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ซึ่งศาลฎีกา ฯ ก็วินิจฉัยว่าพยานหลักฐานโจทก์ที่ไต่สวนฟังไม่ได้ว่า พ.ต.ท. ทักษิณ กระทำความผิดตามฟ้องและพิพากษายกฟ้องโดยคดีถึงที่สุดแล้วเช่นกัน นอกจากนี้ ยังมีการกล่าวอ้างว่าเช็คที่นายวิชัย กฤษดาธานนท์ สั่งจ่ายเงิน 26 ล้านบาท ที่เป็นเหตุให้ผู้ต้องหาทั้งสองถูกกล่าวหาคดีนี้ก็เป็นเรื่องธุรกรรมเกี่ยวกับการซื้อขายหุ้นของบริษัท ช.การช่าง จำกัด (มหาชน) ในตลาดหลักทรัพย์ผ่านบริษัท หลักทรัพย์ธนชาติ จำกัด และต่อมามีการขายหุ้นและได้คืนเงินลงทุนพร้อมกำไร รวมแล้วประมาณ 27 ล้านบาทเศษไปแล้ว ข้อเท็จจริงนี้มีทั้งพยานบุคคล และพยานเอกสารสนับสนุน

7. พนักงานอัยการได้พิจารณาข้อเท็จจริงที่ได้จากการร้องขอความเป็นธรรม เห็นว่า คดีมีข้อเท็จจริงใหม่ตามที่ผู้ต้องหาทั้งสองร้องขอความเป็นธรรมเพราะคดีที่ฟ้อง พ.ต.ท.ทักษิณ และนายพานทองแท้ ซึ่งศาลต่างยกฟ้องและคดีถึงที่สุดแล้ว อีกทั้งตามระเบียบสำนักงานอัยการสูงสุดว่าด้วยการดำเนินคดีอาญาของพนักงานอัยการ พ.ศ.2547 (ซึ่งเป็นระเบียบที่บังคับใช้ในขณะนั้น) ข้อ 58 ก็วางหลักเกณฑ์ให้เป็นแนวทางปฏิบัติของพนักงานอัยการทั่วประเทศในการดำเนินคดีอาญาไว้ด้วยว่า ในคดีที่มีผู้ต้องหาหลายคนกระทำความผิดในคดีเดียวกันและได้ฟ้องผู้ต้องหาบางคนไว้แล้ว แต่ต่อมาศาลยกฟ้องในเหตุลักษณะคดี และคดีเสร็จเด็ดขาดในความผิดที่ฟ้องแล้วให้พนักงานอัยการทบทวนความเห็นหรือคำสั่งสำหรับผู้ต้องหาที่สั่งฟ้องและยังจับตัวไม่ได้ไว้ด้วย

นอกจากนี้ พนักงานอัยการยังเห็นว่า ทางคดีไม่มีพยานหรือข้อเท็จจริงใด ๆ ว่าผู้ต้องหาทั้งสองเข้าไปเกี่ยวข้องกับการปล่อยกู้ของธนาคารกรุงไทย หรือมีบทบาทหรืออำนาจใด ๆ ในการบีบบังคับธนาคาร ตลอดจนไม่มีส่วนรู้เห็นถึงกระบวนการปล่อยกู้ของธนาคารกรุงไทยให้กับกลุ่มนายวิชัย กฤษดาธานนท์กับพวกดังกล่าว พนักงานอัยการเห็นว่าการร้องขอความเป็นธรรมมีเหตุที่จะเปลี่ยนแปลงความเห็นและคำสั่ง จึงมีคำสั่งกลับความเห็นเดิมที่สั่งฟ้องผู้ต้องหาทั้งสอง เป็นสั่งไม่ฟ้อง นางกาญจนาภา หงษ์เหิน ผู้ต้องหาที่ 2 นายวันชัย หงษ์เหิน ผู้ต้องหาที่ 3 ในข้อหาร่วมกันฟอกเงินและสมคบกันฟอกเงิน ขณะนี้ สำนวนคดีพร้อมความเห็นและคำสั่งดังกล่าว ได้ส่งไปยังอธิบดีดีเอสไอ เพื่อพิจารณาตามขั้นตอนของกฎหมายว่าจะเห็นพ้องหรือแย้งคำสั่งของพนักงานอัยการ หากเห็นพ้องคำสั่งไม่ฟ้องเป็นอันเสร็จเด็ดขาด แต่ถ้าอธิบดีดีเอสไอเห็นแย้งก็จะนำเสนออัยการสูงสุดเพี่อพิจารณาชี้ขาดตามขั้นตอนของกฎหมายต่อไปผลคืบหน้าทางคดีเป็นประการใด สำนักงานอัยการสูงสุดจะแถลงให้ทราบต่อไป

อัยการแจงปมไม่ฟ้องเลขาคุณหญิงอ้อ คดีฟอกเงินกรุงไทย

อัยการแจงปมไม่ฟ้องเลขาคุณหญิงอ้อ คดีฟอกเงินกรุงไทย

อัยการแจงปมไม่ฟ้องเลขาคุณหญิงอ้อ คดีฟอกเงินกรุงไทย

ข่าวล่าสุด

เปิดแฟ้มครม.9 ธ.ค.68 ลุ้นคนละครึ่งพลัส2 เคลียร์โครงการงบค้างท่อ