posttoday

"สมพงษ์"จัดหนักบิ๊กตู่ล้มเหลวแก้โควิดค้าความตายประชาชน

31 สิงหาคม 2564

ผู้นำฝ่ายค้านถล่มบิ๊กตู่ค้าความตายบริหารจัดการโควิดล้มเหลวคนเสียชีวิตทุกๆ 7 นาที เกิดความสูญเสียทางเศรษฐกิจวันละกว่า 8,000 ล้านบาทจี้ให้ลาออก

เมื่อวันที่ 31 ส.ค.2564 นายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ในฐานะผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร ได้กล่าวเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีว่าประเทศไทย ณ เวลานี้ มาถึงจุดที่วิกฤตที่สุดอีกครั้ง ไม่ใช่เพียงวิกฤตโรคระบาด ที่คนไทยเผชิญอยู่อย่างหนักหนาสาหัสเท่านั้น แต่เป็นวิกฤตที่เลวร้าย รุนแรง และตอกย้ำความทุกข์ที่กดทับประชาชนไทยยิ่งกว่าโรคระบาดคือวิกฤตผู้นำรัฐบาล ที่โอหัง คลั่งอำนาจ ไร้ประสิทธิภาพ และน่าละอาย

ทั้งนี้ ที่ผ่านมา รัฐบาลพล.อ.ประยุทธ และพวก ได้แสดงให้เห็นถึงความไม่โปร่งใส ไม่สามารถเปิดเผยข้อเท็จจริงของการจัดการงบประมาณในสถานการณ์เร่งด่วน ไม่สามารถสร้างความเชื่อมั่นให้ประชาชน ทั้งในประเทศและในประชาคมโลก เห็นถึงศักยภาพในการกอบกู้วิกฤตครั้งนี้ แต่ในทางตรงข้าม กลับสะท้อนภาพการบริหารจัดการที่ล้มเหลว ไม่มียุทธศาสตร์และวิสัยทัศน์ในเชิงการป้องกันปัญหา

"มีแต่ การแก้ปัญหาผ่านคำแถลงที่เอาแต่ตำหนิประชาชนทุกครั้งไป มีแต่ การบริหารงานด้วยปาก ที่พ่นคำพูดแบบเอาดีใส่ตัว โยนชั่วให้ประชาชน มีแต่ ความเป็นผู้นำหลงตัวเอง หวงอำนาจ ใช้ตัวเองเป็นศูนย์กลางของทุกอย่าง จนไม่สามารถจัดการปัญหาใดๆ ให้คลี่คลายไปได้"

ในขณะที่ทั้งโลกเตรียมพร้อมรับมือกับสถานการณ์วิกฤตโรคระบาดครั้งรุนแรงที่สุดครั้งหนึ่งในประวัติศาสตร์ แต่ผู้นำรัฐบาลไทย ไร้ความสามารถที่จะเข้าใจและประเมินสถานการณ์วิกฤตโรคระบาด และผลกระทบต่างๆ ที่จะตามมาจนในที่สุด ก็ไม่สามารถปกป้องประชาชนให้รอดปลอดภัยจากวิกฤตที่กำลังเผชิญอยู่ได้

การแก้ไขปัญหา แบบ เก่งคนเดียวรวบอำนาจทั้งหมดไว้ที่ตัวเอง แต่ขาดความรู้ ความเข้าใจ ขาดความเห็นใจ และความใส่ใจที่จะรับฟังเสียงของประชาชน ทุกวันนี้การบริหารจัดการของผู้นำอย่างท่าน จึงมีสภาพผู้นำที่ขับเคลื่อนการทำงานด้วยการถูกด่าเท่านั้น

"ทุกวันนี้ ประชาชนจึงต้องส่งเสียงก่นด่า ที่กลั่นออกมาอย่างคับแค้น ใช้เป็นเครื่องมือในการเรียกร้องความเป็นธรรมให้กับชีวิต อนาคตของตนเอง ครอบครัว และคนที่เขารัก"

นายสมพงษ์ กล่าวว่า ประชาชนไทยสิ้นหวัง กับผู้นำที่ทุกวันนี้ ยังสามารถยิ้มย่องได้ตลอดเวลา แอบอ้าง สร้างภาพ เอา ความดีปลอมๆ เข้าตัว ขณะเดียวกันก็กราดเกรี้ยว กล่าวโทษ โยนผิดให้ประชาชน ลดทอนคุณค่าของประชาชน ทั้งๆ ที่มีผู้คนในประเทศ ล้มตายเป็นใบไม้ร่วงอยู่ทุกวันอย่างน่าอนาถ ทั้งๆ ที่ตนมีอำนาจมากล้นเหลือเกินที่สามารถช่วยเหลือผู้คนเหล่านั้นได้

"พล.อ.ประยุทธ์ท่านจะยอมรับหรือไม่ กับการกล่าวหาว่าใจดำ ไร้หัวใจความเป็นมนุษย์อีกทั้งยัง โอหัง คลั่งอำนาจ ท่านคงไม่ยอมรับ แต่นี่เป็นคำที่อธิบายตัวตนท่าน อย่างชัดเจนที่สุดในช่วงเวลานี้"

นอกจากนี้ พล.อ.ประยุทธ์ ทราบหรือไม่ว่า การบริหารประเทศของท่านและพวก ณ เวลานี้ทุกๆ 7 นาที มีคนไทยต้องตาย เพราะการบริหารจัดการสถานการณ์การระบาดของโควิด-19 ที่บกพร่อง ผิดพลาด ล้มเหลว และประมาท เลินเล่ออย่างร้ายแรง

"ประเทศไทย ณ เวลานี้เกิดความสูญเสียทางเศรษฐกิจวันละกว่า 8,000 ล้านบาทจากการบริหารแบบไม่บริหาร จากมาตรการประกาศล็อกดาวน์ที่ผิดพลาด ประเทศไทย ณ เวลานี้ ติดอันดับรั้งท้ายของโลก ในการบริหารจัดการปัญหาโควิด จนก่อให้เกิดความ เสียหายทั้งชีวิตประชาชน และเศรษฐกิจของประเทศที่จะเกินเยียวยาแล้ว"

ในข้อเท็จจริง หลังรัฐประหารด้วยฝีมือของท่านและพวก ได้ทำลายเศรษฐกิจของประเทศให้เสื่อมทรุดอย่างต่อเนื่อง ก่อนเกิดการระบาดของโรคเสียอีก ไทยตกไปอยู่ในอันดับรั้งท้ายของกลุ่มอาเซียน กลายเป็นประเทศไม่มีอนาคต และเมื่อเกิดโควิด ไทยก็กลายเป็นไม่กี่ประเทศในโลก ที่จะสามารถทำให้ GDP ติดลบได้ 2 ปีติดกัน สิ่งๆ นี้ ถ้าไม่ล้มเหลวในการบริหารจริงๆ ก็จะเกิดขึ้นได้ยากมาก โดยในปี 2563 เศรษฐกิจไทยตกต่ำมากเป็นอันดับต้นๆ ของโลก และฟื้นตัวช้า รั้งท้ายประเทศต่างๆ ในโลก ขณะเดียวกัน รัฐบาลพวกท่าน ยังกู้เงินใช้จ่ายจำนวนมหาศาล มากสุดในประวัติศาสตร์การกู้ แต่กลับนำเอามาใช้แบบไร้ประสิทธิภาพ ล้มเหลวอย่างสิ้นเชิง เยียวยาหว่านแห ไม่ได้สร้างงานสร้างรายได้ให้พี่น้องประชาชน ล็อกดาวน์แบบเหมาเข่ง บอดมืดไม่มีทิศทางในการเยียวยาภาคธุรกิจอย่างเหมาะสม การให้สินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ เชื่องช้า พลาดเป้าอย่างเหลือเชื่อ จนทำให้บริษัทต่างๆ ต้องปิดตัวลง ต้องล้มละลาย ต้องปลดแรงงาน จนทำให้อัตราการว่างงานในระบบประกันสังคมสูงสุดเป็นประวัติการณ์

"รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ เป็นรัฐบาล ที่บริหารจัดการประเทศอย่างไร้องค์ความรู้ ไร้จริยธรรม และไร้ศีลธรรมเป็นรัฐบาลที่กล้า ที่จะค้าความตายส่งมอบความเจ็บปวด ทุกข์ทรมานให้กับประชาชน อย่างถ้วนหน้า โดยท่านไม่รู้สึกละอายต่อสิ่งที่กระทำไป "

ทั้งนี้ 19 เดือนเศษที่ไวรัสโควิด-19 ระบาดเข้าสู่ประเทศไทย คนไทยติดเชื้อสะสมกว่า 1 ล้านคน และเกินหมื่นชีวิตที่ต้องจากครอบครัวไปโดยไม่มีโอกาสร่ำลา ผมขอถามผ่านท่านประธานไปยังท่านนายกฯ ว่า ท่านรู้สึกอะไรกับตัวเลขเหล่านี้บ้างหรือไม่

"ท่านครับจำนวนคนตายไม่ใช่แค่ตัวเลข แต่คือ ชีวิตและเป็นคนในครอบครัวของใครสักคน นี่คือข้อความของผู้คนในสังคมที่สะท้อนบอกผ่าน social media ท่านได้ยิน ท่านรู้สึกเหมือนพวกเขามั้ย"

ขณะที่หัวใจสำคัญที่สุด นั่นก็คือ เรื่องของวัคซีนความหวังที่จะช่วยชีวิตประชาชน ช่วยฟื้นสถานการณ์วิกฤตการระบาด ทั้งๆ ที่รู้ว่า วัคซีนคือทางออกและทางรอด ของประเทศแต่รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชาและพวก กลับบริหารวัคซีนได้บกพร่อง ย่ำแย่ ประมาท เลินเล่อ และสร้างความเสียหายอย่างร้ายแรงต่อชีวิตประชาชน และระบบเศรษฐกิจ ซึ่งผมจะขอชี้แจงให้เห็นประเด็นใหญ่ๆ ดังนี้

1.ท่านปฏิเสธ ที่จะสั่งซื้อวัคซีนให้หลากหลายชนิด หลากหลายยี่ห้อ มาตั้งแต่แรก แต่กลับทุ่มหมดหน้าตักไปกับวัคซีนเพียงตัวเดียว ทำให้ไทยเป็นประเทศที่มีวัคซีนน้อยชนิด อันดับรั้งท้ายของโลก

2.ท่านปฏิเสธการเข้าร่วมโครงการ COVAX โดยอ้างเหตุผลต่างๆ ที่ช่างย้อนแย้งอย่างสิ้นเชิง ทำให้ไทยเป็นหนึ่งในไม่กี่ประเทศในภูมิภาคนี้ ที่ไม่ได้เข้าร่วมโครงการ แม้ในที่สุดเมื่อทนต่อเสียงก่นด่า ของประชาชน และสถานการณ์ที่บีบคั้นไม่ได้ จึงกลับตัวจะเข้าร่วมโครงการ แต่ท่านทราบหรือไม่ว่า เราช้ากว่าประเทศอื่นไปเป็นปี เสียโอกาสการได้รับวัคซีนไปหลายสิบล้านโดส ท่านทราบหรือไม่ว่า ทุกวินาทีที่ไทยได้รับวัคซีนล่าช้านั้น มันคือ ชีวิตของประชาชน ที่ต้องล้มตายเพิ่มมากขึ้น

3.ท่านสั่งวัคซีน Sinovac ให้เป็นวัคซีนหลักของประเทศ ทั้งๆ ที่ในช่วงนั้นยังไม่ได้รับการรับรองจากองค์การอนามัยโลกทั้งๆ ที่รู้ว่าเป็นวัคซีนคุณภาพต่ำ การระบาดของสายพันธุ์เดลต้าได้ตอกย้ำความด้อยประสิทธิภาพของวัคซีน Sinovac แต่รัฐบาลของท่านก็ยังคงยืนยันจัดซื้ออีก โดยไม่สนใจคำคัดค้าน และคำถามที่เหตุใดวัคซีนประสิทธิภาพต่ำเช่นนี้ จึงมีราคาแพงกว่าวัคซีนอื่นที่มีคุณภาพและประสิทธิภาพสูงกว่า และเหตุใดรัฐบาลของท่านจึงยังดึงดัน สั่งซื้อซ้ำซาก อย่างไม่มีที่สิ้นสุด จนเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์ทั่วทั้งแผ่นดินในขณะนี้ ต่างกังขาว่าการกระทำเช่นนี้หากไม่โง่ ก็คงโกงท่านต้องตอบให้ได้ว่าคนของท่านมีผลประโยชน์ทับซ้อนอะไร ที่มันใหญ่กว่าคุณค่าชีวิตของประชาชน

4.ท่านเพ้อฝัน จะสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ ด้วยวัคซีนเชื้อตายตัวนี้ ซึ่งภูมิคุ้มกันของผู้ฉีดวัคซีนเชื้อตายไปช่วงแรกๆ แทบไม่เหลือแล้ว การสั่งการทั้งจัดหาวัคซีน และการระดมฉีดวัคซีนที่มีอยู่เป็นไปอย่างเชื่องช้า เสมือนสถานการณ์ปกติ จนถึงทุกวันนี้คนไทยกว่า 70% ยังไม่ได้รับวัคซีนแม้แต่เข็มแรก และผู้ที่ได้รับวัคซีนครบ 2 เข็มแล้วก็มีไม่ถึง 10% ของประชากรทั้งหมด

5.ท่านกล้าคิดค้นสูตรฉีดวัคซีนไขว้ให้กับประชาชน เป็นที่แรกในโลก ทั้งที่ไม่มีการศึกษาวิจัยที่น่าเชื่อถือ มากเพียงพอ รองรับ ท่านเอาประชาชนเป็นหนูทดลอง เพียงเพราะท่านต้องการใช้วัคซีนคุณภาพต่ำ ที่สั่งซื้อมาแล้ว และหวังจะสั่งซื้อต่อไปอีกเรื่อยๆ ใช่หรือไม่

ทั้งหมด ยืนยันที่จะกล่าวหาว่า ท่านเป็นรัฐบาลที่กล้า ที่จะค้าความตายกับประชาชน และถ้ารัฐบาลของท่าน ทำเต็มที่แล้ว ได้ผลอย่างที่ประเทศและประชาชนกำลังเผชิญหายนะอย่างทุกวันนี้ รวมทั้งประชาชนต้องมาแบกรับภาระช่วยเหลือกันเองแบบนี้พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชาท่านควรพิจารณาตัวเอง ลาออกไปได้แล้ว

"ผมจะขอเชิญชวนให้พรรคร่วมรัฐบาล หยุดการมองเห็นแต่ผลประโยชน์ทางการเมือง และผลประโยชน์ส่วนตน ขอให้ท่านเปิดหัวใจ มองเห็นชีวิตของประชาชน มาร่วมยืนยันเจตจำนงกับประชาชน ให้พล.อ.ประยุทธ์ ลาออก พล.อ.ประยุทธ์ ไม่ใช่ ผู้นำของปัจจุบัน ที่จะแก้ปัญหาวิกฤตใดๆ ได้อีก ไม่ใช่ ผู้นำของอนาคต ไม่ใช่ความหวัง ของ ลูกหลานของเรา พล.อ.ประยุทธ์ เป็นได้เพียง สิ่งที่ไร้ค่า ไร้ความหมาย ในความทรงจำของ คนรุ่นต่อไป จึงไม่อาจให้ความไว้วางใจ ให้ทำหน้าที่บริหารประเทศต่อไปได้" นายสมพงษ์ กล่าว