posttoday

ศาลแพ่งสั่งสตช.ส่งเอกสารรายงานมาตรการคุมม็อบ

17 สิงหาคม 2564

ศาลแพ่ง สั่ง "สำนักงานตำรวจแห่งชาติ" ส่งเอกสารรายงานมาตรการ-ขั้นตอนการปฏิบัติตามคำสั่งคุ้มครองชั่วคราวที่ให้ใช้ความระวังคุมม็อบ ภายใน 15 วัน หลังวันนี้สื่อออนไลน์เคยบาดเจ็บกระสุนยางร้องศาลรอบสอง

เมื่อวันที่ 17 ส.ค. 64 ที่ศาลแพ่ง ถ.รัชดาภิเษก ทนายความของของผู้สื่อข่าวและช่างภาพ สำนักข่าว Plus Seven และ The Matter สำนักออนไลน์บนเว็บไซต์ ที่เป็นโจทก์ยื่นฟ้องสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) จำเลยที่ 1 ในคดีหมายเลขดำ พ.3683/2564 ได้ยื่นคำร้องขอให้ศาลมีค่าสั่งเรียกจําเลยที่ 1 หรือตัวแทนมาไต่สวนกรณีละเมิดคำสั่งคุ้มครองชั่วคราว ฯ ในคดีหมายเลขดำ พ.3683/2564 ที่ให้จำเลยที่ 1 ใช้ความระมัดระวังในการปฏิบัติหน้าที่ควบคุมการชุมนุมและสลายการชุมนุมโดยคำนึงถึงความปลอดภัยของโจทก์ทั้งสองและสื่อมวลชนภายใต้หลักเกณฑ์และแนวทางการปฏิบัติงานของสื่อมวลชน

ศาลพิเคราะห์แล้ว โจทก์ทั้งสองบรรยายคำร้องโดยกล่าวอ้างว่า โจทก์ทั้งสองและสื่อมวลชนอื่นได้ปฏิบัติตามหลักเกณฑ์และแนวทางการปฏิบัติงานของสื่อมวลชนแล้ว แต่กลับถูกเจ้าพนักงานตำรวจควบคุมฝูงชนและสลายการชุมนุมใช้อาวุธปืนยิงกระสุนยาง ถูกสื่อมวลชนหลายราย โดยไม่ได้ใช้ความระมัดระวังในการปฏิบัติหน้าที่

ทั้งนี้ตามคำร้องโจทก์ทั้งสองมีความประสงค์ขอให้ศาลเรียกจำเลยที่ 1 หรือผู้แทนมาไต่สวนเพื่อให้ปรากฏข้อเท็จจริงว่า จำเลยที่ 1 จะดำเนินการหรือมีมาตรการอย่างไรเพื่อให้การเป็นไปตามคำสั่งคุ้มครองชั่วคราว

ศาลเห็นว่า ในชั้นนี้กรณีมีเหตุสมควรให้จำเลยที่ 1 รายงานมาตรการ วิธีการ และขั้นตอนในการปฏิบัติตามคำสั่งคุ้มครองชั่วคราวต่อศาลภายใน 15 วัน นับแต่วันทราบคำสั่ง กรณีไม่จำต้องเรียกจำเลยที่ 1 หรือผู้แทนมาไต่สวน หมายแจ้งคำสั่งให้จำเลยที่ 1 ทราบ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับคดีที่ ผู้สื่อข่าวและช่างภาพ สำนักออนไลน์ 2 แห่ง ยื่นฟ้องสำนักงานตำรวจแห่งชาติ นั้น เริ่มขึ้นวันที่ 6 ส.ค.64 โดยยื่นฟ้องความผิดเรื่องละเมิด ตาม พ.ร.บ.ความรับผิดทางละเมิดของเจ้าหน้าที่ พ.ศ.2539 เรียกค่าเสียหายจำนวน 1,412,000 บาท จากกรณีที่โจทก์ระบุว่าได้รับบาดเจ็บทางร่างกายและจิตใจ โดยอ้างเหตุการณ์เจ้าหน้าที่ใช้กระสุนยางขณะระงับเหตุชุมนุมกลุ่มทะลุฟ้าช่วงเดือน ก.ค.64 ที่ผ่านมา โดยโจทก์ทั้งสองได้ยื่นคำร้องขอให้ศาลไต่สวนคำร้องขอคุ้มครองชั่วคราวในกรณีฉุกเฉินด้วย

ซึ่งในส่วนของคำขอคุ้มครองชั่วคราวนั้น ศาลแพ่งได้มีคำสั่งไปเมื่อวันที่ 10 ส.ค.ว่า ให้จำเลยที่ 1 ใช้ความระมัดระวังในการปฏิบัติหน้าที่ควบคุมการชุมนุมและสลายการชุมนุมโดยค่านึงถึงความปลอดภัยของโจทก์ทั้งสองและสื่อมวลชนภายใต้หลักเกณฑ์และแนวทางการปฏิบัติงานของสื่อมวลชน

จากนั้นวันที่ 11 ส.ค.64 ทนายความของโจทก์ทั้งสอง ยังได้ยื่นคำร้องขอให้ศาลมีค่าสั่งเรียกจําเลยที่ 1 หรือตัวแทนพร้อมเอกสารที่เกี่ยวข้องมาไต่สวนเพื่อให้ได้ข้อเท็จจริงว่าจําเลยที่ 1 ได้ดำเนินการประการใดบ้างที่ให้ตำรวจปฏิบัติหน้าที่ตามคำสั่งของศาลแพ่ง (เมื่อวันที่ 10 ส.ค.64) ให้จำเลยที่ 1 ใช้ความระมัดระวังในการปฏิบัติหน้าที่ควบคุมการชุมนุมและสลายการชุมนุม

โดยครั้งนั้นศาลแพ่งได้พิจารณาคำร้องดังกล่าวแล้วเห็นว่ากรณีตามคำร้องโจทก์ทั้งสองที่จะให้เรียกไต่สวนจำเลย ไม่ปรากฏว่าสื่อมวลชนที่ถูกยิงด้วยกระสุนยางได้ปฏิบัติตามหลักเกณฑ์และแนวทางการปฏิบัติงานของสื่อมวลชนแล้วด้วยหรือไม่ อย่างไร อันจะได้รับความคุ้มครองตามคำสั่งดังกล่าว กรณียังไม่มีเหตุอันสมควรที่จะไต่สวนตามคำร้องของโจทก์ทั้งสอง ศาลแพ่งจึงมีคำสั่งให้ยกคำร้องไปในครั้งแรกนั้น