posttoday

"เพื่อไทย"ชี้ประกาศล็อกดาวน์เพิ่ม29จังหวัดศก.ยิ่งทรุดหนัก

02 สิงหาคม 2564

พรรคเพื่อไทยมอง"ประยุทธ์"ประกาศล็อกดาวน์เพิ่ม 29 จังหวัดแสดงถึงความล้มเหลวคุมโควิด ห่วงทำเศรษฐกิจหายนะยาว แนะไปศึกษามาตรของ"อู่ฮั่น"ให้ดีก่อนจะลอกเรียนแบบ

เมื่อวันที่ 2 ส.ค.นายกฤษฎา ตันเทอดทิตย์ ส.ส.หนองคาย คณะทำงานเศรษฐกิจพรรคเพื่อไทย เปิดเผยว่า ตามที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ได้ประกาศล็อกดาวน์เพื่มเป็น 29 จังหวัด แสดงถึงความล้มเหลวที่ไม่สามารถที่จะควบคุมการแพร่ระบาดของไวรัสโควิดได้ ทั้งที่สั่งล็อกดาวน์มา 14 วัน ใน 13 จังหวัดแล้วก่อนหน้านี้ การล็อกดาวน์เพิ่มเป็น 29 จังหวัดจะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจที่ทรุดหนักอยู่แล้วให้หนักหนาสาหัสเพิ่มมากขึ้น และการล็อกดาวน์ 29 จังหวัดจะส่งผลกระทบกับประชาชนทั้งประเทศอย่างมาก

ทั้งนี้ ปัญหาที่น่าห่วงคือพล.อ.ประยุทธ์พยายามซื้อเวลาและเหมือนกับต้องการหลอกประชาชนว่าจะล็อกดาวน์ต่ออีกเพียง 14 วัน ทั้งที่ทราบความจริงดีว่า การล็อกดาวน์จะต้องทำอีกเป็นระยะเวลานานหลายเดือน เพราะการระบาดครั้งนี้พล.อ.ประยุทธ์ล้มเหลวอย่างมาก การระบาดของไวรัสได้กระจายแพร่ไปมากแล้ว ก็ยังไม่สามารถแยกผู้ติดเชื้อออกมาอย่างเป็นระบบได้ โรงพยาบาลก็เต็ม พบผู้ติดเชื้อก็ไม่รู้จะนำเอาไปไว้ไหน จะนำไปกักตัวที่โรงพยาบาลสนาม โรงพยาบาลสนามก็เต็ม ตอนนี้พยายามปรับค่ายทหารมาเป็นโรงพยาบาลสนามตามคำแนะนำของพี่โทนี่และพรรคเพื่อไทย แต่บุคคลากรทางการแพทย์ก็อาจจะไม่เพียงพอ ปัญหาจึงยังวนเวียน ประกอบกับวัคซีนที่มีคุณภาพก็ยังขาดแคลนไม่สามารถนำเข้ามาให้ทันเวลาได้ จากการบริหารวัคซีนที่มั่วซั่ว จนมีข่าวคราวการทุจริต แม้กระทั่งวัคซีนไฟเซอร์ที่สหรัฐให้มายังบริหารจัดการได้วุ่นวายและขาดประสิทธิภาพมาก ดังนั้นสถานการณ์เละเทะแบบนี้จะทำให้ไม่สามารถที่จะปลดล็อกดาวน์ได้เลยอีกเป็นเวลาหลายเดือน แต่ที่พล.อ.ประยุทธ์ไม่กล้าจะบอกความจริงกับประชาชน เพราะกลัวประชาชนจะทนไม่ไหว แค่นี้คนก็ออกมาประท้วงในคาร์ม็อบที่ผ่านมาเป็นจำนวนมากแล้ว ดังนั้นจึงทำเป็นซื้อเวลาครั้งละ 14 วัน ไม่ต่างอะไรกับ “เราจะทำตามสัญญา ขอเวลาอีกไม่นาน” แต่ปาเข้าไป 7 ปี แต่คราวนี้ประชาชนรู้ทันแล้ว และจะสร้างความไม่พอใจกันอย่างมาก

นายกฤษฎา กล่าวว่า ถึงวันนั้นอย่าว่าแต่เปิดประเทศเลย เปิดล็อกดาวน์ก็ยังไม่น่าจะได้ จะมีผลกระทบอย่างมากต่อเศรษฐกิจ จนนำมาสู่ความหายนะทางเศรษฐกิจได้ ซึ่งจะทำให้ เศรษฐกิจปีนี้น่าจะต้องติดลบต่ออีกปีอย่างแน่นอน โดยจะทำให้ ธุรกิจจะเจ๊งและปิดตัวกันอีกมาก คนจะยิ่งตกงาน หนี้ครัวเรือน และ หนี้นอกระบบจะพุ่งกระฉูด พร้อมๆไปกับหนึ้สาธารณะที่พลเอกประยุทธ์ต้องกู้มาแจกแต่ไม่แก้ปัญหาเศรษฐกิจ ในปัจจุบันรายได้ของประเทศที่ยังหาได้คือการส่งออก ที่มีการขยายตัวอย่างมาก โดยเฉพาะใน 2 เดือนที่ผ่านมา มีการขยายตัวได้มากกว่า 40% แต่ต้องมาประสพปัญหาการติดเชื้อของคนงานในโรงงาน เพราะมีคนงานที่ได้รับการฉีดวัคซีนกันเพียง 10% เท่านั้น ซึ่งหากจะปิดโรงงานก็จะส่งผลกระทบต่อการส่งออกได้ ดังนั้นพลเอกประยุทธ์จึงต้องเร่งแก้ไข หาวัคซีนมาเร่งฉีดให้คนงานในภาคอุตสาหกรรม พร้อมทั้งทำการคัดกรองผู้ติดเชื้อ และเร่งทำโรงพยาบาลสนามเพื่อแยกคนติดเชื้อ ภายในพื้นที่ของโรงงาน แต่ยังคงสามารถดำเนินการผลิตต่อไปได้ เพื่อไม่ให้ กระทบกับการผลิตและการส่งออก เพื่อประคองเศรษฐกิจของไทยในภาวะวิกฤตินี้

อย่างไรก็ตาม การที่พูดถึงการล็อกดาวน์ประเทศคล้ายกับโมเดลอู่ฮั่น ที่ปิดล็อกตายทั้งเมืองนั้น อยากให้พลเอกประยุทธ์ได้พิจารณาให้ดี ทั้งนี้เพราะเมืองอู่ฮั่นที่ปิดเพียงเมืองเดียวในประเทศจีน มีสัดส่วนของจีดีพีที่น้อยมากเมื่อเทียบกับจีดีพีของประเทศจีน มีการคำนวณกันว่าการปิดอู่ฮั่นคราวนั้นคิดความเสียหายเป็นเพียง 0.174% ของจีดีพีประเทศจีนเท่านั้น แต่หากจะปิดเฉพาะ กทม. และ ปริมณฑลจังหวดใกล้เคียง สัดส่วนของจีดีพีจะสูงถึง 47.5 % ของ จีดีพีไทย ถ้าล็อกดาวน์เข้มงวดแบบอู่ฮั่นความเสียหายทางเศรษฐกิจจะมากมายมหาศาลจนถึงกับหายนะได้ ซึ่งหากจำกันได้ตอนที่สหรัฐอเมริกามีการติดเชื้อกันมาก สหรัฐเองก็ยังไม่กล้าที่จะล็อกดาวน์เมืองนิวยอร์ค ซึ่งถือเป็นศูนย์กลางทางการค้าและการลงทุนของสหรัฐเลย ดังนั้นจึงอยากให้พลเอกประยุทธ์ได้ศึกษาและพิจารณาให้ดี หากตัดสินใจโดยไม่ศึกษาและพิจารณาโดยละเอียดจะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจอย่างมหาศาลและอาจเสียหายจนไม่อาจจะรับได้

"การที่ประเทศไทยต้องอยู่ในสภาวะเช่นนี้ ทั้งการติดเชื้อของประชาชนที่เพิ่มสูงขึ้นมาก และคนตายก็เพิ่มขึ้นทุกวัน เศรษฐกิจก็ทรุดโทรม ต้องมาคิดหนักว่าจะต้องล็อกดาวน์แบบไหน ทั้งหมดนี้เกิดขึ้นจากความล้มเหลว ในการบริหารจัดการของพล.อ.ประยุทธ์ ที่หมดความน่าเชื่อถือแล้วและต้องออกไปได้แล้ว ยิ่งอยู่นานคนจะยิ่งทนกันไม่ไหว และจะออกมาขับไล่กันมากขึ้น สุดท้ายพล.อ.ประยุทธ์ก็จะไม่สามารถอยู่ต่อไปได้อยู่ดี จึงควรต้องออกไปก่อนที่สถานการณ์จะเลวร้ายกว่านี้ ถ้าถึงตอนนั้นจะมีคนโกรธแค้นพลเอกประยุทธ์อีกเป็นจำนวนมาก"นายกฤษฎา