ศรีสุวรรณร้องดีเอสไอสอบ2ส.ส.ก้าวไกลแพร่ข้อมูลวัคซีนเท็จ

เมื่อวันที่ 31 พ.ค. 64 นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย เดินทางมายื่นคำหนังสือต่อ พ.ต.อ.กรวัชร์ ปานประภากร อธิบดีดีเอสไอ ขอให้ตรวจสอบพฤติการณ์ ส.ส.พรรคก้าวไกล 2 คน คือ นายประเสริฐพงษ์ ศรนุวัตร์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล กับ นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร เลขาธิการพรรคก้าวไกล และส.ส.พรรคก้าวไกล หลังทวีตข้อความลงในสื่อโซเชียล อันมีลักษณะเป็นเท็จ อาจเข้าข่ายความผิดเกี่ยวกับ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ ม.14 และฝ่าฝืนมาตรฐานจริยธรรม อย่างร้ายแรง

นายศรีสุวรรณ กล่าวว่า สืบเนื่องจาก นายประเสริฐพงษ์ ศรนุวัตร์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ได้ทวิตเตอร์ส่วนตัว ระบุว่า ส.ส.พลังประชารัฐ และ ส.ส.รัฐบาล ได้ฉีดวัคซีนแอสตราเซเนกา โดยเจ้าหน้าที่จะถามก่อนว่าเป็น ส.ส.พรรคไหน ถ้าเป็นพรรคฝ่ายค้านเจอวัคซีนซิโนแวค ต่อมามี ส.ส.รัฐบาลหลายคนออกมาปฏิเสธข้อมูลดังกล่าว และเรียกร้องให้ ส.ส.รายดังกล่าว แสดงความรับผิดชอบกับการให้ข้อมูลเท็จ และขอให้หยุดสร้างความสับสนกับสังคม

ส่วน นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร เลขาธิการพรรคก้าวไกล และ ส.ส.พรรคก้าวไกล ซึ่งได้ทวิตเตอร์ปั่นข่าวการเสนอขายวัคซีนซิโนฟาร์มของบริษัท แอคแคปฯ ที่อ้างว่าพยายามติดต่อนายกฯ กว่า 1 เดือนแล้วแต่ไม่สามารถเข้าถึงได้ พร้อมจี้นายกฯ ปฏิเสธความรับผิดชอบดังกล่าวไม่ได้

นายศรีสุวรรณ กล่าวอีกว่า บุคคลทั้งสองมีสถานะเป็นถึงสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร เป็นบุคคลสาธารณะ แต่กลับไม่ใช้วิจารณญาณอันเหมาะสมกับสถานะของตน แต่กลับใช้สื่อในสังคมออนไลน์ปั่นกระแสสร้างความสับสนขัดแย้งในสังคม โดยมีเจตนาที่จะนำเข้าข้อมูลอันเป็นเท็จ ก่อให้เกิดความตื่นตระหนกแก่ประชาชน ส่งผลกระทบต่อการรับรู้ข้อมูลข่าวสารและความเข้าใจที่ถูกต้องและความน่าเชื่อถือของประชาชน อันอาจกระทบต่อความมั่นคงของชาติในภาวะวิกฤต

การกระทำดังกล่าวอาจเข้าข่ายความผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ 2550 และ ฉบับที่ 2 พ.ศ.2560 และอาจเป็นการฝ่าฝืนมาตรฐานจริยธรรมร้ายแรง หลายข้อ อาทิ ข้อ 7 ข้อ 9 ข้อ 11 ข้อ 15 และข้อ 17 ซึ่งศาลรัฐธรรมนูญบัญญัติขึ้นตามรัฐธรรมนูญ 2560 ม.219

“สมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย จึงร้องเรียน ดีเอสไอ ซึ่งได้ตั้งศูนย์สืบสวนและต่อต้านข่าวสารอันเป็นเท็จในสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา (COVID-19) เพื่อให้ตรวจสอบข้อมูลข้อเท็จจริงเพื่อสนับสนุนภารกิจในการสืบสวนสอบสวนตาม พ.ร.บ.การสอบสวนคดีพิเศษ พ.ศ.2547 ในการพิจารณาคดีพิเศษหรือคดีอาญาที่อยู่ในอำนาจหน้าที่ได้ และรวบรวมพยานหลักฐานส่งคำร้องต่อไปยัง ป.ป.ช. เพื่อเอาผิดจริยธรรมอย่างร้ายแรงต่อไปได้”

เบื้องต้น ดีเอสไอรับเรื่องไว้ตรวจสอบพยานหลักก่อนรวบรวมข้อมูลพิจารณาตามขั้นตอนต่อไป