posttoday

'ไทยไม่ทน' จี้ 'ภูมิใจไทย' ถอนตัวพรรคร่วมรัฐบาล ชี้ 7 ปี "ประยุทธ์" มีแต่เรื่องคอรัปชั่น

26 พฤษภาคม 2564

กลุ่มไทยไม่ทน บุกพรรคภูมิใจไทย จี้ให้ถอนตัวพรรคร่วมรัฐบาลให้เดินข้างประชาชน ชี้ 7 ปียุคกบฎมีแต่เรื่องคอรัปชั่น

วันที่ 26 พ.ค. กลุ่มไทยไม่ทน นำโดยนายอดุลย์ เขียวบริบูรณ์ ประธานคณะกรรมการญาติวีรชนพฤษภา 35 นายจตุพร พรหมพันธ์, อดีตแกนนำนปช. นายวีระ สมความคิด เข้ายื่นหนังสือเพื่อขอให้ลาออกจากการเป็นพรรคร่วมรัฐบาล

นายอดุลย์ กล่าวว่า วันนี้ในนามสามัคคีประชาชนเพื่อประเทศไทยมาด้วยความปรารถนาดีถึงพรรคภูมิใจไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่งนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐบมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ในฐานะหัวหน้าพรรคที่น่าจะมีโอกาสเป็นนายกฯ คนต่อไป หากพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมลาออก ฉะนั้นเรามาวันนี้เพื่อจะขอให้พรรคภูมิใจไทยช่วยพิจารณาหาทางออกของประเทศโดยช่วยถอดสลัก ถอนตัวออกจากพรรคร่วมรัฐบาล เพื่อบ้านเมืองจะได้เดินต่อไป

ด้านนายจตุพร กล่าวว่า พวกตนเราได้เดินสายตั้งแต่พรคประชาธิปัตย์ ทำเนียบรัฐบาล และพรรคภูมิใจไทยเป็นจุดที่ 3 เพื่อมาบันทึกช่วยจำและเรียกร้องให้มีการถอนตัวออกจากพรรคร่วมรัฐบาล เพราะตนเชื่อว่าพรรคที่เข้าร่วมรัฐบาลในขณะนี้ อำนาจแทบจะไม่มี การที่นายกฯ ใช้อำนาจขณะเป็นคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ตั้งส.ว. 250 คนรวมกระทั่งการตั้งองค์กรอิสระทุกองค์กรทำให้พรรคการเมืองไม่มีทางเลือก จนกระทั่งเดินถึงจุดหนึ่ง ซึ่งตนมาร้องขอพรรคภูมิใจไทยว่าให้เห็นแก่เสียงของประชาชน

เพราะในขณะนี้การอยู่ในพรรคร่วมรัฐบาลก็แทบไม่มีความหมายอะไร เพราะอำนาจทั้งหมดที่เป็นของคณะรัฐมนตรีในการแก้ไขสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 นับตั้งแต่ประกาศพระราชกำหนด (พ.ร.ก.) ฉุกเฉิน เดือนมีนาคม ปี 2562 เป็นต้นมานั้น มีการประกาศ 3 ครั้ง ครั้งแรกยึดอำนาจมาตามพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) 40 ฉบับ ครั้งที่ 2 อีก 1 ฉบับ และครั้งที่ 3 อีก 31 ฉบับ โดยเฉพาะพ.ร.บ.วัคซีนแห่งชาติ ซึ่งหมายความว่าอำนาจไม่ได้อยู่ที่นายอนุทินในฐานะที่เป็นรองนายกฯ และรัฐมนตรีสาธารณสุข แต่ไปอยู่ที่พล.อ.ประยุทธ์ นอกจากนี้ก็ยังมีการตั้งคณะกรรมการแต่นายอนุทินไม่ได้อยู่ในคณะกรรมการ เป็นเพียงแค่ที่ปรึกษาเท่านั้น

“สำหรับกรณีที่เกิดสถานการณ์ข่าวลือ คนที่เป็นนายกรัฐมนตรียิ่งเป็นทหารเสือราชินีมา แทนที่จะปกป้องสถาบันเพื่ออธิบายข้อเท็จจริง เพื่อยุติข่าวลือ นายกรัฐมนตรีก็ไม่กระทำการใดๆ มิหนำซ้ำยังให้บริวารเอามาตรา 112 ไปต่อรองกับบุคคลอื่น เช่นหากยอมทำตัวเองก็จะไปถอนฟ้องให้ ซึ่งตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 ไม่สามารถกระทำการได้ ชี้ได้ชัดว่านายกรัฐมนตรีและบริวารนำมาตรา 112 เพื่อประโยชน์แห่งตนและไว้ทำลายบุคคลอื่น ก็ขัดแย้งกับแนวทางของพรรคภูมิใจไทย และประเด็นพ.ร.ก.เงินกู้จาก 7 แสนล้านบาทลดลงมาเหลือ 5 แสนล้านบาท พรรคร่วมรัฐบาลแทบจะไม่มีส่วนร่วมใดๆ ในการร่วมตัดสินใจและเงินจำนวนดังกล่าวที่กำลังจะชนเพดานนั้น ก็ไม่ได้เป็นเครื่องสะท้อนว่าจะมาแก้ไขวิกฤตโควิด วิกฤตเศรษฐกิจและการเยียวยาอย่างไร” นายจตุพร กล่าว

นายจตุพร กล่าวต่อว่า เพราะเงินกู้ก่อนหน้านี้ 1 ล้านล้านบาท ก็ไม่ได้มีคำตอบให้กับประชาชนเช่นเดียวกันว่าเขาจะอยู่อย่างไร ฉะนั้นจากการเยียวยา 15,000 บาท เหลือ 7,000 บาท และในปัจจุบันเหลือ 2,000 บาท ตนเชื่อว่าพรรคภูมิใจไทยมีส.ส.ทั่วทุกภูมิภาคจะต้องรับรู้ทุกข์ของประชาชนว่าตอนนี้เขามีความทุกข์กันแสนสาหัส พล.อ.ประยุทธ์ ไม่ได้ทำหน้าที่ตั้งแต่การปราบปรามการทุจริต ประกาศวาระแห่งชาติมาแล้ว 2 ครั้งซึ่งเป็นการประกาศว่าครั้งแรกล้มเหลว ฉะนั้นการดำรงอยู่ของพล.อ.ประยุทธ์ภายใต้การสนับสนุนของพรรคภูมิใจไทย ซึ่งพรรคก็เคยปประกาศจุดยืนขณะหาเสียงเรียกตั้งเรื่องการไม่ยอมรับอำนาจของส.ว. 250 คน ซึ่งตอนนี้ประเทศเดินมาถึงจุดที่นักการเมืองจะต้องเสียสละ ตนเชื่อว่ายิ่งดื้อดึงไป การอยู่ก็อยู่อย่างไร้เกียรติเพราะหัวหน้ารัฐประหารเดิมไม่ได้ให้เกียรตินักการเมือง หากเขาให้เกียรติเขาจะไม่ยึดอำนาจของรัฐมนตรีโดยนำเอาพ.ร.ก.ฉุกเฉินมาเป็นของตนเอง

“วันนี้ตนหวังว่าหนังสือที่นายอดุลย์ได้ยื่นมายังพรรคภูมิใจไทย จะได้หยิบยกขึ้นมาพิจารณา ตนไม่ต้องการให้ประเทศเดินไปถึงทางตันอีกครั้ง แต่หากพรรคภูมิใจไทยได้ฟังเสียงของประชาชน ตนคาดหวังว่าพรรคภูมิใจไทยจะเป็นพรรคที่ถอนสลักระเบิดการเมืองลูกใหม่ในไม่ช้านี้ ตนเชื่อว่าอย่างไรก็จะต้องมีการเปลี่ยนแปลง แต่หากการเปลี่ยนแปลงเป็นไปด้วยความไม่สูญเสียเพียงแค่พรรคภูมิใจไทยได้ร่วมในการเสียสละ ถอนสลักวิกฤตระเบิดทางการเมือง ด้วยการประกาศถอนตัวออกจากรัฐบาล ซึ่งไม่ใช่แค่พรรคภูมิใจไทยแต่บางกลุ่มในพรรคพลังประชารัฐก็กำลังจะถอนตัว รัฐบาลนี้กำลังจะพัง ฉะนั้นอยากจะบอกไปยังพรรคภูมิใจไทยว่าควรที่จะยืนข้างประชาชน ไม่ควรยืนข้างคณะผู้สืบทอดอำนาจและให้เชื่อมั่นในพลังของประชาชน”

ขณะที่นายวีระ กล่าวว่า สำหรับตนก็ต้องการให้นายอนุทินในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทยได้กลับมาทำตามที่เคยให้สัญญาไว้กับประชาชนว่าพรรคจะไม่สนับสนุนคนที่ไม่ได้มาจากการเลือกตั้ง ซึ่งเป็นเรื่องที่พรรคภูมิใจไทยได้ทำผิดพลาดไปแล้ว เวลาที่ผ่านมา 2 ปีก็ได้พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่ารัฐบาลที่นำโดยหัวหน้ากบฏ ซึ่งการเป็นกบฏเป็นไปจนตายถึงแม้จะมีการนิรโทษกรรม แต่ก็เพียงแค่ไม่เอาโทษไม่เอาผิด แต่การเป็นกบฏคนที่ทำลายความมั่นคงในราชอาณาจักรและเราไปสนับสนุนให้มีอำนาจ ตลอดที่ผ่านมาก็ได้ประจักษ์ชัดว่าเขาไม่ได้บริหารประเทศตามที่เคยได้ให้สัญญาไว้กับประชาชน

ที่เลวร้ายคือเวลาที่ประเทศมีวิกฤต เขาก็ไม่เคยแก้ไขปัญหาวิกฤตของประเทศได้ ปัญหาการทุจริตคอรัปชั่นซึ่งเป็นปัญหาสำคัญที่ไปยึดอำนาจมาจากนักการเมืองในปี 2557 ตลอดเวลา 7 ปีของกบฏประยุทธ์ก็มีแต่เรื่องคอรัปชั่นมากกว่ารัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งด้วยซ้ำ ถึงเวลาแล้วที่พรรคการเมืองที่ต่อสู้ในกติกาที่เสียเปรียบ พรรคภูมิใจก็รู้แต่ต้นว่าเป็นกติกาที่เสียเปรียบแล้วจะต้องไปพายเรือให้เขาทำไม ถึงเวลาแล้วถอนตัวออกมา โอกาสที่นายอนุทินจะได้เป็นนายกฯ ก็มีโอกาสแล้ว และพรรคการเมืองที่ไม่ใช่คนเขียนกติกาที่เอาเปรียบ ไม่ได้มีข้อครหาใดๆ จะได้เป็นทางเลือกให้ประชาชน ตนก็หวังว่าพรรคภูมิใจไทยจะใช้โอกาสนี้ในการทำให้ประเทศเดินหน้าต่อไปได้

ด้านนายสิรภพ ดวงสอดศรี ผู้อำนวยการพรรค กล่าวว่า ตนจะนำหนังสือของคณะสามัคคีประชาชนเพื่อประเทศไทยที่เรียกร้องให้พรรคภูมิใจไทยถอนตัวออกกจากการเป็นพรรคร่วมรัฐบาลไปนำเรียนนายอนุทินต่อไป

 'ไทยไม่ทน' จี้ 'ภูมิใจไทย' ถอนตัวพรรคร่วมรัฐบาล ชี้ 7 ปี "ประยุทธ์" มีแต่เรื่องคอรัปชั่น