posttoday

"บิ๊กตู่"ปัดรัฐบาลถังแตก ยันไม่ขึ้นแวต

03 เมษายน 2564

นายกฯ ย้ำชัดรัฐบาลไม่ได้ถังแตก-ไม่ขึ้นภาษีแวต ขออย่าเชื่อข่าวบิดเบือน ยันโครงการช่วยเหลือเยียายาไม่ได้แจกเงินทิ้งเปล่าๆ แต่เพื่อกระตุ้นเงินหมุนเวียนในระบบ ชี้นับจากนี้ผลลงทุนโครงการพื้นฐานเริ่มออกดอกออกผลให้เห็นนำรายได้กลับมา

เมื่อวันที่ 3 เม.ย. 64 พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม กล่าวในรายการ PM PODCAST นายกรัฐมนตรีเล่าเรื่อง ผ่านเพจเฟซบุ๊กไทยคู่ฟ้าว่า เรื่องของการขับเคลื่อนเศรษฐกิจและการช่วยเหลือประชาชน อย่างแรกต้องขอย้ำอีกครั้งให้ชัดเจนว่ารัฐบาลไม่ได้ถังแตก ข้อมูลที่มีการรายงานในสื่อและเป็นรายงานความเสี่ยงที่กระทรวงการคลังทำรายงานเสนอคณะรัฐมนตรีทุกปีอยู่แล้วเป็นประจำ ในการประชุมครม.เมื่อวันที่ 30 มี.ค.ที่ผ่านมา มีการหารือกันว่าเรามีผู้อยู่ในระบบภาษีน้อย เราจึงต้องไปสร้างความเข้าใจให้ประชาชนว่า เมื่อเข้าระบบภาษีแล้วจะได้รับประโยชน์อะไรบ้าง ยืนยันว่ายังไม่มีการขึ้นภาษีมูลค่าเพิ่มหรือแวตใดๆทั้งสิ้น อย่านำเสนอข่าวหรือหลงเชื่อข่าวที่บิดเบือน นอกจากนี้อย่างที่บอกไปแล้วว่า เรามีเป้าหมายเพิ่มจีดีพีของไทยขึ้นเป็น 4 % เรื่องนี้จะต้องอาศัยการส่งออก 8 % การลงทุนภาครัฐ 12% รวมถึงการบริโภคของประชาชนด้วย

ทั้งนี้ ที่ผ่านมาการโครงการต่างๆ ทั้งคนละครึ่ง เราชนะ เรารักกัน เราเที่ยวด้วยกัน ก็ช่วยให้มีการบริโภคมากขึ้น ตอนนี้อยู่ระหว่าง กระทรวงการคลังพิจารณาโครงการคนละครึ่งเฟส 3 ก็ขอย้ำว่าโครงการเหล่านี้เป็นโครงการกระตุ้นให้มีการหมุนเวียนเงินในระบบ ไม่ใช่เป็นการแจกเงินทิ้งไปเปล่าๆ และเราต้องมาคิดมาตรการเพิ่มเติมครอบคลุมไปถึงคนที่มีเงินฝากจำนวนมากให้ช่วยกันออกมาจับจ่ายใช้สอยด้วย อย่างปีที่แล้วก็มีโครงการช็อปดีมีคืน

สำหรับตัวเลขอัพเดทโครงการ คนละครึ่งวันที่ 31 มี.ค.มีผู้ใช้สิทธิ 14.7 ล้านคน ยอดใช้จ่ายสะสม 102,065 ล้านบาท ต้องการเอาชนะมีผู้ใช้สิทธิแล้ว 32.5 ล้านคน ยอดใช้จ่ายสะสม 183,725 ล้านบาท ส่วนโครงการ ม33 เรารักกัน ถึงวันที่ 30 มี.ค.มันไปประมาณหนึ่งสัปดาห์มีผู้ประกันตนใช้จ่ายแล้ว 6.2 ล้านคน ยอดการใช้จ่ายสะสม 8,102 ล้านบาท

ช่วงปีนี้และปีหน้าเราถือว่าเป็นช่วงรอยต่อและการปรับตัวทางเศรษฐกิจ เพราะในช่วง 5-6 ปีที่ผ่านมา เราได้ลงทุนเรื่องของโครงสร้างพื้นฐานมาอย่างต่อเนื่องกว่า 160 โครงการ มูลค่าถึง 1.7 ล้านล้านบาท แม้ว่าจะเป็นการกู้เงินมาดำเนินการบ้าง แต่นับต่อจากนี้ไปก็จะเริ่มออกดอกออกผลให้เห็นโดยเฉพาะโครงการรถไฟฟ้าสายต่างๆการสร้างถนนหนทางการลงทุนเคเบิลใต้น้ำ การลงทุนโครงการต่างๆเหล่านี้ จะนำรายได้กลับมารัฐบาลในอนาคต

ขณะเดียวกัน จากเดิมประเทศไทยมีอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ แต่จากนี้จะต้องเปลี่ยนไปเป็นอิเล็กทรอนิกส์อัจฉริยะ ภายใน 10 - 15 ปีข้างหน้า รวมถึงอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้า ส่งเสริมการใช้รถยนต์พลังงานไฟฟ้าหรืออีวี ให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางในการสร้างรถยนต์อีวีในภูมิภาค ซึ่งจะต้องหาคนดูแลการชาร์ตของรถไฟฟ้าอีวีด้วย นอกจากนี้ จะต้องส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงคุณภาพ อุตสาหกรรมเทคโนโลยีทางการแพทย์และการดูแลสุขภาพเพราะไทยพร้อมที่จะเป็นศูนย์กลางในการดูแลคนไข้และผลิตยา เราต้องคิดถึงเรื่องการดึงดูดนักท่องเที่ยวที่มีศักยภาพ นักท่องเที่ยวผู้สูงอายุที่มีกำลังจ่ายสูง ส่งเสริมอุตสาหกรรมดิจิทัลให้ประเทศไทยมีบิ๊กดาต้าเพื่อรองรับระบบเอไอหรือ 5 จี ที่จะนำไปใช้ในโรงงานอุตสากรรม และเราจะได้ปรับแก้กฎหมาย แก้กฎกติกา เพื่อดึงดูดนักลงทุนต่างชาติเข้ามาลงทุน และพักอาศัย ด้วยการท่องเที่ยวในเชิงคุณภาพหมายถึงว่านักท่องเที่ยวที่มีรายได้มากก็มีโอกาสเข้ามาได้มากขึ้น สำหรับผู้มีรายได้น้อยเช่นเราเคยรับนักท่องเที่ยวเหล่านี้มาเราก็ต้องเตรียมสถานที่ไว้ให้พร้อมและพัฒนาปรับปรุงให้ปลอดภัยโดยรัฐบาลยินดีพร้อมสนับสนุนทุกภาค

ส่วนที่ต้องไม่ลืมคือการดูแลพี่น้องเกษตรกรในภาคการเกษตรเรื่องสำคัญที่ต้องเร่งแก้ไขคือเรื่องน้ำให้มีน้ำที่เพียงพอ ต้องลดต้นทุนเพิ่มผลผลิต หามาตรการทางการตลาดมารองรับทั้งในประเทศและต่างประเทศ การทำเกษตรแบบบีซีจี โดยการเพิ่มมูลค่าสินค้าทางการเกษตรจากการใช้วิทยาศาสตร์เทคโนโลยี นวัตกรรม เพื่อราคาสินค้าเกษตรจะได้เพิ่มขึ้นอย่างยังยืน และในอนาคตของเราจะประกาศเป็นประเทศที่ก้าวเข้าสู่สังคมคาร์บอนต่ำ ส่งเสริมการปลูกป่าเพื่อช่วยดูดซับคาร์บอนไดออกไซด์ ช่วยสร้างรายได้กับพยากรณ์และชุมชนได้อีกทางหนึ่งด้วย