posttoday

สุวัจน์แนะสภาเลือกเวลาครึ่งเทอมปูทางกำหนดกติกาเลือกตั้งใหม่

19 มีนาคม 2564

"สุวัจน์ ลิปตพัลลภ"แนะแก้ไขรธน.รายมาตราแทนแต่ทุกฝ่ายต้องจริงใจ ระบุ สภาเหลือครึ่งเทอมควรปูทางกำหนดกติกาเลือกตั้งใหม่

นายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ อดีตรองนายกรัฐมนตรี และประธานที่ปรึกษาพรรคชาติพัฒนา ได้ออกมาแสดงความคิดเห็นต่อกรณีที่ประชุมรัฐสภามีมติคว่ำร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ วาระ 3 ว่า เข้าใจว่าการที่ร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญไม่ผ่านวาระ 3 มีอยู่หลายเหตุผล โดยเฉพาะเหตุผลหนึ่งคือการแก้ไขรัฐธรรมนูญอาจจะไม่สอดคล้องกับคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ ที่จะต้องไปถามประชาชนด้วยการทำประชามติก่อน จึงทำให้ทั้ง ส.ส. และ ส.ว.รู้สึกกังวลใจ จนทำให้มติที่ประชุมรัฐสภาออกมาไม่ให้ผ่าน สังเกตได้จากคะแนนผู้ที่งดออกเสียง ผู้ที่เดินออกมาจากห้องประชุม และผู้ที่ไม่ประสงค์จะลงคะแนน มีจำนวนสูงมาก

อย่างไรก็ตามขณะนี้ร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญก็ตกไปแล้ว ก็เป็นเรื่องที่ทุกฝ่ายต้องมาหารือกันอีกครั้ง เพราะเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญถือว่าเป็นนโยบายที่สำคัญของรัฐบาล และยังเป็นนโยบายของพรรคร่วมรัฐบาลอีกหลายพรรคด้วย เนื่องจากก่อนหน้านี้ทั้งพรรคร่วมรัฐบาล และพรรคร่วมฝ่ายค้านส่วนใหญ่ ก็มีความเห็นตรงกันว่าควรที่จะมีการแก้ไขรัฐธรรมนูญหลายข้อที่เป็นปัญหา

ดังนั้นเมื่อไม่สามารถแก้ไขทั้งฉบับได้ ก็ต้องมาพูดคุยหารือกันว่าอาจจะต้องมาแก้ไขเป็นรายมาตราแทน เพราะการแก้ไขรายมาตราในบางหมวดก็ไม่ต้องไปทำประชามติ ขณะเดียวกันอายุของรัฐสภาชุดนี้ ในวันที่ 24 มีนาคมที่จะถึงนี้ก็จะหมดครึ่งวาระแล้ว ถ้าเปรียบฟุตบอลก็จะหมดเวลาครึ่งแรกแล้ว ดังนั้น มีเวลาเหลืออีกเพียงครึ่งหลังที่จะมาช่วยกันคิด ว่าจะมีประเด็นปัญหาอะไรในรัฐธรรมนูญที่จะแก้ได้บ้าง

ยกตัวอย่างเช่น การเลือกตั้งในอดีตเคยกาบัตร 2 ใบ ใบหนึ่งเลือก ส.ส. ใบหนึ่งเลือกพรรค แล้วปัจจุบันมาเหลือเพียงใบเดียว โดยนำคะแนนที่เลือก ส.ส.มาคำนวณเป็นคะแนนพรรค แต่ถ้าพรรคการเมืองใดไม่ส่งผู้สมัคร ส.ส.ลงครบทุกเขต ก็จะไม่ได้คะแนนพรรค หรือเรื่องคะแนนไพรมารี่โหวต ซึ่งจะให้พรรคการเมืองต้องมีตัวแทนพรรคอย่างน้อย 100 คน ในแต่ละเขตเลือกตั้ง ถ้าใครจะส่ง ส.ส.สมัคร 350 คน ก็ต้องมีตัวแทนอย่างน้อย 35,000 คน ซึ่งในทางปฏิบัติพรรคการเมืองจะทำได้หรือไม่ หรือแม้แต่การคำนวณสัดส่วนของคะแนน จะเป็นการปัดเศษอะไรก็ตาม ซึ่งสร้างความสับสนให้กับประชาชนเป็นอย่างมาก

ดังนั้นในการเลือกตั้งครั้งใหม่ เราอยากให้ลดความสับสนเหล่านี้ลงซึ่งยังมีเวลาเหลืออีก 2 ปี เพื่อที่จะได้มานั่งพูดคุยหารือกันแก้ไขกติกาว่าทำอย่างไรจะลดความสับสนและให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย ส่งผลให้เกิดการยอมรับผลของการเลือกตั้ง ซึ่งตนเห็นว่าอย่างนี้จะทำให้บรรยากาศทางการเมืองดี มีรัฐบาลที่ได้รับการยอมรับตั้งแต่เริ่มต้น ซึ่งจะเป็นผลดีต่อเศรษฐกิจของประเทศได้

ขณะนี้สถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ก็เริ่มดีขึ้น หลังจากที่ได้รับการฉีดวัคซีน หลังจากผ่านครึ่งปีนี้ไปตนเชื่อว่าเศรษฐกิจไทยจะเริ่มฟื้นตัวขึ้น ดังนั้นเราต้องการรัฐบาลที่มีความคล่องตัวในการบริหารประเทศ เพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจให้ดีขึ้นโดยเร็ว หลังจากนี้ไปทั้งฝ่ายรัฐบาลและฝ่ายค้านก็ต้องมานั่งคุยกันด้วยความจริงใจ ที่จะแก้ไขรัฐธรรมนูญเป็นรายมาตรา เพราะขณะนี้ร่างกฎหมายประชามติก็ยังไม่มี ซึ่งการแก้ไขรัฐธรรมนูญนั้นเป็นเรื่องที่ทำได้ยาก นอกจากจะต้องฟังเสียงข้างมากแล้ว ยังต้องฟังเสียงข้างน้อยด้วย เราต้องแสดงความจริงใจต่อกัน และหยิบประเด็นที่เป็นปัญหาของประเทศมาแก้ไข เพื่อให้ประเทศขับเคลื่อนต่อไปได้