posttoday

"บิ๊กตู่"ยันพบทูตเมียนมาแค่มาคารวะไม่เกี่ยวเป็นตัวกลางแก้ปัญหาภายใน

25 กุมภาพันธ์ 2564

นายกฯปฎิเสธไทยจับมืออินโดฯเป็นตัวกลางเคลียร์ปัญหาในเมียนมาร์ ยันมีอาเซียนเป็นตัวกลางอยู่แล้ว หนุนหาแนวทางยุติปัญหาแบบวิน-วิน ประชาชนชน ประเทศชาติได้ประโยชน์สูงสุด 

เมื่อวันที่ 25 ก.พ.พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม กล่าวถึงการหารืออย่างไม่เป็นทางการกับรมว.ต่างประเทศเมียนมาที่ท่าอากาศยานทหาร กองบิน 6 ว่า เป็นเรื่องที่ทางเมียนมาขอมาเยี่ยมคารวะมา เป็นเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ เมื่อเขาขอมาก็ต้องพบ แต่ไม่ได้หมายถึงว่าไปรับรองอะไรทั้งสิ้น ทาง รมว.ต่างประเทศอินโดนีเซียก็ได้ขอเข้าพบทาง รมต.เมียนมาก่อนด้วย ในส่วนของเราเป็นเรื่องที่เมียนมามาขอคุยและขอเยี่ยมคารวะตน

“ที่ผมคุยกับเขาก็เพื่อจะทราบพัฒนาการทางด้านการเมือง และสถานการณ์ในประเทศเมียนมา พร้อมแสดงความห่วงใยในนามของประเทศที่มีชายแดนติดกัน ประชาชนไปมาหาสู่กัน รวมถึงปัญหาต่างๆ ตามแนวชายแดน ก็ได้ฝากไปทั้งเรื่องแรงงานต่างด้าวผิดกฎหมาย การข้ามแดนโดยผิดกฎหมาย และเรื่องโควิด-19 ด้วย เรื่องการเมืองก็เป็นเรื่องของประเทศเขา ก็เป็นกำลังใจให้เดินหน้าประเทศไปสู่ประชาธิปไตยให้ได้โดยเร็วที่สุด ซึ่งแต่ละประเทศมีปัญหาต่างกัน แต่ไม่ได้หมายความว่า ผมซึ่งเป็นนายกฯ จะไปตอบรับ หรือไม่ตอบรับอะไร เพราะเขาไม่ได้ให้ผมตอบรับอะไรเลย เมื่อผมฟัง เขาก็เล่าให้ฟัง เท่านั้นเอง ก็ฟังในนามประเทศไทย และในนามอาเซียนด้วย เพราะจะมีการหารือร่วมกันของอาเซียนหลายประเทศด้วยกัน ซึ่งมติออกมาแล้วในส่วนของบรูไนก็ออกแทนไปแล้ว แต่วันนี้เราจะทำอย่างไรให้ประสบความสำเร็จในลักษณะ วิน-วิน ไปด้วยกันทั้งหมด โดยคำว่า วิน-วิน คือประชาชน ประเทศชาติได้รับประโยชน์สูงสุด” พล.อ.ประยุทธ์กล่าว

ผู้สื่อข่าวถามว่า สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่าไทยและอินโดนีเซียจะถูกดึงเป็นตัวกลางในการพูดคุยแก้ไขปัญหาในประเทศเมียนมา นายกฯกล่าวว่า ท่าทีของประเทศไทย คือ ต่างคนต่างแก้ปัญหาไป ซึ่งมีอาเซียนเป็นตัวกลางอยู่แล้ว แค่รับฟังเขา เราเป็นตัวแทนใครไม่ได้ แต่ในฐานะที่อยู่ใกล้ชิดกับเขา จะทำอย่างไรให้งานของเรากับเขา สองประเทศวิน-วิน ทั้งเศรษฐกิจ ประชาชน ส่วนเรื่องการเมืองของเมียนมาก็เป็นเรื่องของเขา อย่าเอามาพันกัน ส่วนที่สื่อต่างประเทศเขียนในลักษณะนี้ก็ขอให้สื่อไทยช่วยอธิบายด้วย