แน่นแฟ้นเหมือนเดิม!! “อนุทิน-เฉลิมชัย”ควงแขนโชว์ ยัน ปชป.ขอโควต้าเดิม
“เฉลิมชัย” เข้าพบ “อนุทิน” คาดคุยเรื่องปรับ ครม. ลั่น ปชป.ขอโควต้าเดิมแม้ภูมิใจไทยจะมี ส.ส.เพิ่ม
วันที่ 25 ก.พ. นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รมว.เกษตรและสหกรณ์ และเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ ได้เดินทางมายังกระทรวงสาธารณสุข เมื่อช่วงสายของวันนี้ (25 ก.พ.) ทั้งนี้นายเฉลิมชัยได้พบกับนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรมว.สาธารณสุข และหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ที่ห้องทำงานของนายอนุทิน ชั้น 4 โดยมีนายสาธิต ปิตุเตชะ รมช.สาธารณสุข และรองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ร่วมการพูดคุยนี้ด้วย ซึ่งคาดว่า เป็นการหารือถึงสถานการณ์การเมือง โดยเฉพาะอย่างยิ่งการปรับคณะรัฐมนตรี (ครม.) เนื่องจาก นายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ รมว.ศึกษาธิการนายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม และนายถาวร เสนเนียม รมช.คมนาคม ต้องพ้นจากตำแหน่ง หลังศาลอาญาพิพากษาในคดีแกนนำกปปส.ก่อการชุมนุม เมื่อปี 2557 และขณะนี้เกิดกระแสข่าวว่าอาจต้องดึงโควตารัฐมนตรีของพรรคประชาธิปัตย์ 1 ตำแหน่ง ไปให้พรรคภูมิใจไทยที่มีจำนวนส.ส.เพิ่มขึ้น
ทั้งนี้ ภายหลังการหารือดังกล่าวเสร็จสิ้น นายอนุทิน และนายสาธิต เดินลงมาส่งนายเฉลิมชัยขึ้นรถกลับ โดยนายอนุทิน และนายสาธิต กล่าวกับผู้สื่อข่าวสั้นๆ ว่าไม่มีอะไร นายเฉลิมชัยแค่มาทำการสว็อฟเพื่อตรวจหาเชื้อโควิด-19 ก่อนเข้าเฝ้าเท่านั้นเอง พอตรวจเสร็จก็มาคุยกันเท่านั้น
นายอนุทิน ยังกล่าวถึงกระแสข่าวที่ ว่ามีการถ่วงเวลาดำเนินการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ว่า ตนไม่ทราบ แต่เราไปประชุมทุกครั้ง ในความเป็นพรรคการเมือง เป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร เราแสดงเจตนารมณ์ชัดเจน สนับสนุนให้มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญ โดยเฉพาะมาตรา 256 ให้มี ส.ส.ร. เป็นการเดินหน้าตามหลักการประชาธิปไตย จะเป็นการแก้ไขทั้งฉบับ หรือรายมาตราก็เป็นเรื่องของ ส.ส.ร.ว่ากันไปจะได้ไม่มีความขัดแย้งอะไร ให้ตัวแทนของประชาชนเป็นผู้ตัดสินดีที่สุด ขณะที่นายสาธิต กล่าวว่า การแก้ไขรัฐธรรมนูญต้องมีการเดินหน้าต่อ
ขณะเดียวกัน นายสาธิต ยังได้กล่าวย้ำประเด็นโควตารัฐมนตรีของพรรคประชาธิปัตย์ ว่าทางพรรคประชาธิปัตย์ก็ต้องรักษาโควตาเก้าอี้ไว้ ส่วนจะปรับใครขึ้นมาแทนนั้นขึ้นอยู่กับที่ประชุมกรรมการบริหารพรรคร่วม กับส.ส. การจะหาคนมาแทนต้องเสนอชื่อมาให้ที่ประชุมพิจารณา เพื่อคัดเลือกคนมาแทน ปกติ ระเบียบข้อบังคับของพรรคพูดชัดว่า ต้องคำนึงถึงความสามารถ ตอนนี้รอสัญญาณจากทางท่านนายกฯ ว่าจะมีการหารือกันเรื่องนี้เมื่อไหร่ แต่ในส่วนของพรรคประชาธิปัตย์ยังพยายามยืนยันในสัดส่วนของพรรคเช่นเดิม