posttoday

ผบ.เรือนจำกรุงเทพเตือนทนายอานนท์อยู่ในคุกต้องรู้มารยาท

24 กุมภาพันธ์ 2564

ผบ.เรือนจำพิเศษกรุงเทพเตือนทนายอานนท์อยู่ในคุกต้องรู้มารยาทโพสต์โซเชียลทำให้เสียหายระวังถูกดำเนินคดี ยันห้องน้ำได้มาตรฐานสากลตัวใหญ่กว่าเพนกวินก็นั่งถ่ายได้จัดอาหารหลากเมนูญาติสั่งผ่านไลน์ได้

นายกฤช กระแสร์ทิพย์ ผู้บัญชาการเรือนจำพิเศษกรุงเทพ เปิดเผยว่า ขณะนี้ครบกำหนดระยะเวลา 14 วันที่ต้องกักตัว 4 แกนนำกลุ่มราษฎร ประกอบด้วย นายพริษฐ์ ชิวารักษ์ หรือ เพนกวิน, นายอานนท์ นำภา, นายปติวัฒน์ สาหร่ายแย้ม หรือ หมอลำแบงค์ และนายสมยศ พฤกษาเกษมสุข แกนนำกลุ่มราษฎร์ ในข้อหาร่วมชุมนุมเมื่อวันที่ 19 ก.ย.63 ฐานความผิดมาตรา 116 และ 112 ในห้องกักโรคที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพในแดนแรกรับแล้ว โดยขั้นตอนหลังจากนี้จะต้องรอแยกแดนตามรอบ ซึ่งผู้ต้องหาแต่ละคนจะมีสามารถในการปรับตัวแตกต่างกันที่ผ่านมาพบว่า ข้าราชการหรือนักการเมืองบางคนที่เคยใช้ชีวิตสุขสบาย แต่เมื่อต้องมาติดคุกก็ไม่สามารถปรับตัวได้ ส่วนเรื่องอาหารทางเรือนจำเมนูอาหารให้กับผู้ต้องขังได้หลากหลายเมนู เช่น ไก่ต้มน้ำปลา เค้กวันเกิด ซึ่งมีจัดทำที่โรงเบเกอรี่ของทาง เรือนจำ และมีหน่วยงานหลายหน่วยงานภายนอกเข้ามาตรวจสอบเพื่อให้เป็นไปตามมาตรฐานสากล นอกจากนี้ยังอนุญาตให้ญาติสามารถไลน์สั่งซื้ออาหารหรือสิ่งของจากร้านค้าสวัสดิการของเรือนจำฝากให้ผู้ต้องขังได้เช่นเดียวกัน

นายกฤช กล่าวอีกว่า กรณีที่โลกโซเซียลโพสเผยแพร่บันทึกของทนายของแกนนำกลุ่มราษฎร โดยระบุว่านายพริษฐ์ หรือเพนกวินมีน้ำหนักตัวมาก ทำให้ใช้ห้องน้ำลำบากนั้น ขอชี้แจงว่าห้องน้ำในเรือนจำออกแบบและจัดสร้างจากกรมราชทัณฑ์ กระทรวงยุติธรรม ซึ่งเป็นไปตามมาตรฐานสากล โดยคำนึงถึงการใช้งานได้กับทุกคนเช่นเดียวกับเก้าอี้บนเครื่องบินที่คนตัวใหญ่ก็ต้องนั่งได้ อีกทั้งเรือนจำเคยรับตัวผู้ต้องขังที่มีขนาดตัวใหญ่กว่านายพริษฐ์ ก็สามารถใช้ห้องน้ำได้ตามปกติ

ส่วนการที่นายอานนท์ได้แจ้งผ่านไปยังทนายว่าจะต่อสู้อยู่ข้างในเรือนจำนั้น ผบ.เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯกล่าวว่า หากเป็นการต่อสู้ทางคดีสามารถทำได้เต็มที่ ไม่มีปัญหา แต่ถ้ามีการโพสข้อความลงในสื่อโซเชียลและอ้างว่าเจ้าตัวโพสข้อความเองจากเรือนจำ หรือมีการกระทำใดที่ทำให้เรือนจำเสียหายก็จะต้องดำเนินการทางกฎหมาย ทนายความมีหน้าที่รับผิดชอบคดี หากจะช่วยทำอะไรให้ผู้ต้องขังก็ต้องพิจารณาด้วยว่า ในฐานะทนายทำได้หรือไม่ และเป็นมารยาทของทนายหรือไม่

รายงานข่าวจากรมราชทัณฑ์แจ้งว่า กรมราชทัณฑ์ได้ประกาศผ่อนปรนเปิดให้ญาติผู้ต้องขังเข้าเยี่ยมที่เรือนจำและทัณฑสถานทั่วประเทศ ตั้งแต่วันที่ 1 มี.ค.นี้ ยกเว้น 5 จังหวัดพื้นที่เสี่ยงสูงที่จะต้องรอประเมินสถานการณ์อีกครั้ง คือ กรุงเทพมหานคร สมุทรสาคร สมุทรปราการ ปทุมธานี และนนทบุรี โดยญาติจะต้องลงทะเบียนจองเยี่ยมล่วงหน้าทางออนไลน์ และยื่นแบบคัดกรองโควิด 19 ก่อนเข้าเยี่ยมล่วงหน้าอย่างน้อย 1 วัน เมื่อมาถึงเรือนจำให้เช็คอินไทยชนะ และปฏิบัติตามมาตรการที่กระทรวงสาธารณะสุขกำหนด