posttoday

"เสรีรวมไทย"วอนอย่าขวางแก้รธน.จนนำไปสู่วิกฤติชาติ

09 กุมภาพันธ์ 2564

ส.ส.พรรคเสรีรวมไทยชี้การแก้ไขรัฐธรรมนูญบางมาตราเพื่อนำไปสู่การจัดทำร่างรัฐธรรมนูญใหม่เพื่อแก้วิกฤติชาติสามารถได้ วอนอย่าใช่ตรรกะหลักการที่บิดเบือนความจริงเป็นหนทางไปสู่วิกฤติ

เมื่อวันที่ 9 ก.พ. น.ส.ธนภร โสมทองแดง ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเสรีรวมไทย เปิดเผยว่า วันนี้มีการพิจารณา ญัตติเรื่อง ขอเสนอญัตติตามข้อบังคับการประชุมรัฐสภา พ.ศ.2563 ข้อ 31 ให้รัฐสภามีมติขอให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาวินิจฉัยปัญหาเกี่ยวกับหน้าที่และอำนาจของรัฐสภาตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 210 (2) ตนจึงใช้สิทธิแสดงความคิดเห็น ในฐานะผู้แทนปวงชนชาวไทยที่กำลังมองเห็นวิกฤตการณ์อันหนักหน่วงใหญ่หลวงที่กำลังจะเกิดขึ้นกับแผ่นดินไทย เมื่อได้เห็นญัตติและเหตุผลที่ประกอบญัตตินี้ก็ย้อนคิดว่า สิ่งที่ผู้เสนออ้างถึงโดยสรุปว่ารัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560 มิได้มีบทบัญญัติให้แก้ไขรัฐธรรมนูญทั้งฉบับดังนั้นการเสนอแก้ไขรัฐธรรมนูญให้มีการร่างรัฐธรรมนูญขึ้นใหม่จะกระทำมิได้ เห็นว่าเป็นการพูดข้อเท็จจริงอย่างหนึ่งเพื่อให้เข้าใจอีกอย่างหนึ่ง ทำให้เปิดช่องทางให้มีการใช้เหตุผลหรือตีความทางกฎหมายที่ไม่ตรงกับความเป็นจริง

ทั้งนี้ ความเป็นจริงการเสนอญัตติแก้ไขรัฐธรรมนูญที่กำลังพูดถึงคือ การแก้ไขรัฐธรรมนูญบางมาตรา ตนและผู้เสนอญัตติเข้าใจตรงกันว่ากระทำได้ ตามที่รัฐธรรมนูญฉบับนี้ให้ไว้ ตามมาตรา 256 และ ญัตติการขอแก้ไขรัฐธรรมนูญนี้ได้รับความเห็นชอบในหลักการวาระที่ 1 จากรัฐสภาแห่งนี้ย่อมหมายความว่า รัฐสภาแห่งนี้ได้ยืนยันแล้วว่า ญัตติแก้ไขรัฐธรรมนูญ มิได้มีการแก้ไขที่มีลักษณะต้องห้ามตามมาตรา 255 ในที่นี้เราทั้งหลายเข้าใจตรงกันว่า การขอแก้ไขรัฐธรรมนูญนี้ทำได้ การที่ผู้เสนอญัตติอ้างว่ารัฐธรรมนูญ 2560 มิได้มีบัญญัติให้จัดทำรัฐธรรมนูญขึ้นมาใหม่ “รัฐธรรมนูญจึงมิได้มีเจตนารมย์ให้มีรัฐธรรมนูญ”โดยยกตัวอย่างจากรัฐธรรมนูญชั่วคราวปี 2557 ที่มาจาก คสช.นั้นเป็นการพูดความจริงเพียงครึ่งเดียว

น.ส.ธนภร กล่าวว่า ที่ผ่านมาในทางประวัติศาสตร์การเมืองไทยมีการดำเนินการเช่นนี้มาแล้วพอจะย้อนไปไม่ไกลนักคือภายหลังเกิดเหตุการณ์พฤษภาประชาธรรม และกระแสการเรียกร้องให้มีการปฏิรูปทางการเมืองรัฐบาลและรัฐสภาในขณะนั้น ได้มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับปีพุทธศักราช 2534 ในการแก้ไขฉบับที่ 6 ที่ประกาศลงในราชกิจจานุเบกษา เล่มที่ 113 ตอนที่ 53 (ก) ลงวันที่ 22 ต.ค.2539 โดยมีสาระสำคัญให้มีสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญขึ้นเพื่อให้จัดทำร่างรัฐธรรมนูญขึ้นใหม่ทั้งฉบับ และมีหลายตอนท้ายระบุไว้อย่างสำคัญว่า “ให้มีคณะกรรมการยกร่างรับธรรมนูญซึ่งปรกอบด้วยบุคคลจากหลายสาขาอาชีพเป็นองค์กรในการจัดทำร่างรัฐธรรมนูญ เพื่อปรับปรุงโครงสร้างทางการเมืองขึ้นมาใหม่ให้มีเสถียรภาพและประสิทธิภาพยิ่งขึ้น ทั้งเปิดโอกาสให้ประชาชนมีส่วนร่วมในการอนุมัติรัฐธรรมนูญ โดยยังคงรักษาระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงประมุขไว้ตลอดไป” ที่กล่าวมาเป็นประวัติศาสตร์ที่ยืนยันว่า เราสามารถแก้ไขรัฐธรรมนูญบางมาตราเพื่อนำไปสู่การจัดทำร่างรัฐธรรมนูญใหม่เพื่อแก้ไขวิกฤติของชาติได้ แต่หากเราใช่ตรรกะหลักการที่บิดเบือนความจริง ทั้งๆที่รู้อยู่ว่าเป็นหนทางไปสู่วิกฤติ ประวัติศาสตร์จะจดจำพวกท่านในฐานะสาเหตุมิใช่ผู้แก้ไข