สุภรณ์ขอธนาธรหยุดบิดเบือนยันนายกฯไม่ได้พูด"วัคซีนพระราชทาน"

นายสุภรณ์ อัตถาวงศ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีที่นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานกลุ่มก้าวหน้า บอกว่าไม่ได้พูดคำว่า “วัคซีนพระราชทาน” แต่เป็นคำพูดของพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เรื่องนี้หากนายธนาธรได้ฟังคำพูดของนายกฯที่แถลงข่าวเมื่อวันที่ 27 พ.ย.63 หลังเป็นประธานพิธีลงนามในสัญญาการจัดหาวัคซีนโควิด-19 ซึ่งนายกฯ ระบุตอนหนึ่งว่า “เราต้องมีการเตรียมการภายในประเทศคือ เมื่อรับวัคซีนมาแล้ว จะต้องดำเนินการอย่างไรต่อไป ซึ่งอันนี้ก็ได้รับพระมหากรุณาธิคุณจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ได้ทรงพระราชทานให้บริษัทสยามไบโอไซเอนซ์ ซึ่งเป็นบริษัทในพระปรมาภิไธย อยู่ในขั้นตอน คือเมื่อรับวัคซีนเข้ามาแล้วจะมีการบรรจุแจกจ่าย"ดังนั้น ในคำพูดของนายกฯ เป็นการกล่าวถึงพระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวที่ทรงพระราชทานให้บริษัทสยามไบโอไซเอนซ์ ซึ่งเป็นบริษัทในพระปรมาภิไธย รับถ่ายทอดเทคโนโลยีการผลิตวัคซีนโควิด-19 เข้ามาเป็นผู้ร่วมผลิตวัคซีนโควิดแอสตราเซเนกา (AstraZeneca) บริษัทผลิตวัคซีนสัญชาติอังกฤษ-สวีเดน และไม่ได้บอกว่า เป็นวัคซีนพระราชทานเพื่อจะนำมาฉีดให้กับประชาชน

บริษัท สยามไบโอไซเอนซ์ จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทในพระปรมาภิไธย มีวัตถุประสงค์ที่อยากจะผลิตยาเพื่อให้ประชาชนคนไทยได้ใช้ยาที่มีราคาถูกกว่ายาที่นำเข้าจากต่างประเทศ โดยไม่คิดถึงกำไรเลยแม้แต่น้อย ต้องการให้ประชาชนคนไทยได้เข้าถึงยาที่มีคุณภาพที่ดีที่สุด เพื่อสุขภาพที่ดีการที่นายธนาธรบิดเบือนคำพูดของนายกฯไร้จรรยาบรรณความรับผิดชอบและยังกล้าก้าวล่วงพาดพิงไปถึงสถาบันเบื้องบน นายธนาธรควรสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณของสถาบันที่ท่านทรงมีเมตตา ทำเพื่อประเทศชาติและประชาชนมาโดยตลอด

"การที่นายธนาธรฯ ออกมาพูดเรื่องวัคซีนพระราชทาน เชื่อว่า นายธนาธรได้ฟังคำพูดของนายกฯ อย่างละเอียดแล้ว และทราบดีว่านายกฯ ไม่ได้พูดถึงวัคซีนพระราชทาน แต่มีความพยายามที่จะบิดเบือนข้อเท็จจริง เพื่อให้ประชาชนเข้าใจในตัวนายกฯ และรัฐบาลผิดๆ เพื่อหวังผลทางการเมืองโดยไม่สนใจความเดือดร้อนของประชาชน ต้องขอย้ำว่า การที่ตนเองและพวกไปแจ้งความดำเนินคดีกับนายธนาธร มาตรา 112 จึงเป็นเรื่องที่ทำถูกต้องแล้ว"นายสุภรณ์ กล่าว