"สุดารัตน์"เสนอ3มาตรการแก้ปัญหาเยี่ยวยาผู้ได้รับผลกระทบโควิด

เมื่อวันที่ 10 ม.ค.คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ เดินหน้าต่อเนื่องโครงการรวมพลังสู้ภัยโควิด ฉีดพ่นน้ำยาป้องกันการแพร่เชื้อไวรัสโควิด-19 พร้อมแจกหน้ากากอนามัย แก่ชาวประชาชนหลายพื้นที่ในกรุงเทพมหานคร เริ่มจาก หมู่บ้านสหกรณ์เขตบึงกุ่ม ร่วมกับนายพลภูมิ วิภัติภูมิประเทศ ส.ส.กรุงเทพมหานคร จากนั้นเดินทางต่อมายัง หมู่บ้านเอื้ออาทรถนนคู้บอน เขตบางเขน ซึ่งเป็นอาคาร 5 ชั้น มี 83 ตึกๆ 45 ห้อง รวมประชากรประมาณ 4,000 คนโดยมีนายอนุสรณ์ปั้นทอง ส.ส. กทม. พร้อมคณะทำงาน คอยประสานงานและดำเนินการ

จากนั้นทั้งคณะได้ฉีดพ่นน้ำยาป้องกันการแพร่เชื้อโควิด-19 และแจกหน้ากากอนามัย ที่เคหะชุมชนหลักสี่ เขตหลักสี่กทม. โดยมี นายสุรชาติ เทียนทอง อดีต ส.ส.กทม. พร้อมคณะทำงาน คอยประสานงานและลงพื้นที่ แจกอุปกรณ์ป้องกันตัวเอง พร้อมพูดคุยกับประชาชนพ่อค้าแม่ขาย ที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิค-19 ซึ่วพบว่าการค้าขายเป็นไปด้วยความยากลำบาก รายรับตกลงกว่าครึ่ง และต้องพบกับปัญหาหนี้สินทั้งในและนอกระบบ

คุณหญิงสุดารัตน์ เปิดเผยว่า การดำเนินการของรัฐบาลในการแก้ปัญหาโควิด-19 ยังไม่มีมาตรการที่ชัดเจนในการป้องกันและแก้ปัญหาการระบาดรอบใหม่ และยังใช้การทำงานด้วยระบบราชการ พบว่ามีการตั้งหน่วยงานคณะกรรมการที่ซ้ำซ้อน และยังมีปัญหาด้านการสื่อสาร ที่ไม่มีความชัดเจนทำให้ประชาชนสับสน ส่วนมาตรการที่จะล็อกดาวน์พื้นที่นั้น ไม่จำเป็นเท่ากับการล็อคดาวบุคคล โดยเฉพาะการเร่งตรวจหาเชื้อโควิด-19 เชิงรุกให้ประชาชนโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย ต้องทำด้วยความรวดเร็วและครอบคลุม

คุณหญิงสุดารัตน์ กล่าวว่า การแก้ปัญหาให้ผู้ประกอบการรายย่อย พ่อค้าแม่ขาย และคนหาเช้ากินค่ำ โดยเฉพาะในมิติทางเศรษฐกิจ ต้องเร่งทำควบคู่ไปพร้อมกับการดูแลสุขภาพ คือ1.พักชำระหนี้ให้ประชาชน ที่มีหนี้สินครัวเรือนสูงขึ้น รายได้ลดลง โดยเฉพาะเกษตรกร และผู้ประกอบการรายย่อย 2.เงินช่วยเหลือ ชดเชยรายได้ ที่รัฐควรจัดสรรให้ พ่อค้าแม่ค้า ผู้ประกอบการรายย่อย ต่างๆโดยเฉพาะกับ SMEs และ 3.เงินกู้ดอกเบี้ยต่ำ เพื่อให้ผู้ประกอบธุรกิจ ประคับประประคองตัวเองได้ ซึ่งรัฐบาลมีเงินอยู่แล้ว จากการกู้รอบแรก รวมถึง เงินก้อนที่อยู่ในส่วนของ Soft Loan จากธนาคารแห่งประเทศไทย