posttoday

อธิบดีกรมป่าแจ้งจับแม่"ธนาธร"รุกป่าส่งท้ายปีเก่า

30 ธันวาคม 2563

อธิบดีกรมป่าไม้ร้อง เอาผิด 'สมพร จึงรุ่งเรืองกิจ' มารดาของ 'ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ' อดีตหัวหน้พรรคอนาคตใหม่บุกรุกที่ป่า กว่า3,098ไร่

เมื่อวันที่ 30ธ.ค.ที่บก.ปทส.นายอดิศรนุชดำรงค์อธิบดีกรมป่าไม้นายชีวะภาพชีวะธรรมผอ.สำนักป้องกันรักษาป่าและควบคุมไฟป่าเข้าร้องทุกข์ต่อพล.ต.ต.พิทักษ์อุทัยธรรมผบก.ปทส.พ.ต.อ.พิบูลย์เวียงจันทร์รองผบก.ปทส.พ.ต.อ.ศราณุโสมทัตผกก.5บก.ปทสและคณะพนักงานสอบสวนบก.ปทส.ให้ดำเนินคดีกับ นางสมพรจึงรุ่งเรื่องกิจหลังตรวจสอบพบว่ามีการบุกรุกที่ดินในจ.ราชบุรี

นายอดิศรกล่าวว่าสืบเนื่องจาก น.ส.ปารีณาไกรคุปต์ส.ส.เขต3ราชบุรีพรรคพลังประชารัฐได้แจ้งร้องทุกข์ให้กรมป่าไม้ดำเนินการตรวจสอบที่ดินจำนวน77แปลงเนื้อที่รวมทั้งหมดกว่า3,098ไร่เศษของ นางสมพรจึงรุ่งเรื่องกิจ มารดาของ นายธนาธรจึงรุ่งเรืองกิจ อดีตหัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ ซึ่งทางกรมป่าไม้รับเรื่องร้องเรียนว่ามีการออกเอกสารสิทธิ์โดยมิชอบ หลังรับเรื่องร้องทุกข์ทางกรมป่าไม้ได้ดำเนินการตรวจสอบโดยใช้ระยะเวลาในการตรวจสอบนานพอสมควรเนื่องจากต้องตรวจสอบเอกสารหลักฐานจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จนพบว่าที่ดินที่ครอบครองนั้น เป็นพื้นที่ป่าสงวนและเขตหวงห้าม โดยเรื่องนี้ทางกรมป่าไม้ได้รับร้องเรียนทั้งจากชาวบ้านในพื้นที่ เมื่อจะนำพื้นที่ป่าที่นางสมพรครอบครองไปทำป่าชุมชนแต่ตรวจสอบก็พบว่ามีการครอบครองโดยมิชอบ

ทั้งนี้จากการตรวจสอบพบว่า มีการนำเอกสารสิทธิที่ดินที่เกี่ยวข้องจำนวน77แปลงประกอบด้วยโฉนดที่ดินจำนวน1แปลง,นส.3กจำนวน55แปลง,นส. 3 จำนวน14แปลงโดยมีเนื้อที่รวมทั้งหมดกว่า3,098ไร่เศษซึ่งจากการตรวจสอบพบที่ดินทั้งหมดอยู่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติป่าฝั่งซ้ายแม่น้ำภาชีและซ้อนทับกับเขตปฏิรูปที่ดินของสำนักงานปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรมที่มีการประกาศปี2554และไม่มีแผนงานพร้อมงบประมาณที่จะการดำเนินงานจึงไม่มีผลเป็นการเพิกถอนป่าสงวนแห่งชาติและแปลงที่ดินทั้งหมดซ้อนทับในเขตป่าไม้ถาวรหมายเลขที่85 (ปี2512)

นายอดิศร กล่าวว่าในส่วนของที่ดินนส.3กทั้ง55ฉบับมีการออกโดยไม่มีหลักฐานเดิม(สค.1)เป็นการเดินสำรวจออกเมื่อปี2521ก่อนประกาศพื้นที่ดังกล่าวเป็นป่าสงวนแห่งชาติเมื่อปี2527แต่พื้นที่ดังกล่าวถูกประกาศเป็นเขตป่าไม้ถาวรหมายเลข85เมื่อปี2512ก่อนที่จะมีการออกเอกสารนส.3กทั้ง55ฉบับซึ่งทำให้เป็นเอกสารที่ออกไม่ชอบด้วยกฎหมายในขณะนั้น อย่างไรก็ตามจากพยานหลักฐานที่เชื่อได้ว่า นางสมพรมีเจตนาครอบครองที่ดินนส2โดยการซื้อเปลี่ยนมือจากบุคคลอื่นแบบผิดกฎหมายจำนวน7แปลงเนื้อที่350ไร่ทั้งนี้แปลงที่ดินดังกล่าวเป็นเอกสารนส.2ซึ่งเป็นประเด็นปัญหาซ้อนทับที่ดินในเขตป่าสงวนแห่งชาติและมีการร้องเรียนของกลุ่มชาวบ้านม14ต.รางบัวอ.จอมบึงจ.ราชบุรีที่มีแผนงานจัดตั้งป่าชุมชนของหมู่บ้าน มีตัวแทนของนางสมพรจึงรุ่งเรืองกิจได้ออกมาร่วมตรวจสอบร่วมกับเจ้าหน้าที่หลายฝ่ายมีการยอมรับการครอบครองและแสดงเจตนามอบให้หมู่บ้านจัดตั้งป่าชุมชนของหมู่บ้านซึ่งเป็นการแสดงเจตนาครอบครองนส.2แบบผิดกฎหมายของนางสมพร

นอกจากนี้ยังตรวจสอบพบว่า นางสมพรมีการครอบครองที่ดินมือเปล่าแบบผิดกฎหมาย(ภบท.5)อีก1 แปลงเนื้อที่90ไร่ในท้องที่ม.3ต.รางบัวอ.จอมบึงจ.ราชบุรีโดยตรวจสอบพบหลักฐานใบเสร็จรับเงินที่ระบุชื่อ นางสมพรจึงรุ่งเรื่องกิจจ่ายเงินค่าที่ดินมือเปล่าในเขตป่าสงวนแห่งชาติจำนวน90ไร่ในช่วงปี2553-2556ในส่วนเอกสารโฉนดที่ดิน1แปลงและนส.3อีก14ฉบับต้องขยายผลตรวจสอบอย่างไรก็ตามขณะนี้พบว่ามีความผิดในข้อหาบุกรุกยึดถือครอบครองที่ดินในเขตป่าสงวนแห่งชาติจำนวน450ไร่(ที่ดินภบท.5และนส.2ทั้ง7แปลง)และแจ้งความดำเนินคดีเจ้าหน้าที่ของรัฐที่เกี่ยวข้องกับการออกเอกสารสิทธิที่ดินนส.3กจำนวน55แปลงและเสนอให้กรมที่ดินเพิกถอนเอกสารสิทธิที่ดินของนางสมพรฯนส.3กอีกประมาณ2,000ไร่ซึ่งเบื้องต้น นางสมพร เข้าข่ายความผิดตามมาตรา 14พรบ.ป่าสงวนแห่งชาติ2507มาตรา54พรบ.ป่าไม้2484อธิบดีกรมป่าไม้กล่าว

พ.ต.อ.พิบูลย์กล่าวว่า เบื้องต้นรับเรื่องราวร้องทุกข์ก่อนดำเนินการสอบสวนตามขั้นตอนในส่วนคดีรุกพื้นที่ป่าของนางสาวปารีณาว่าขณะนี้ขั้นตอนการดำเนินการทางตร.ได้นำเอกสารส่งให้ผบ.ตร.ลงนามส่งไปยังรัฐสภาเพื่อขอนำตัวนางสาวปารีณาส่งมอบต่ออัยการจ.ราชบุรีดำเนินการตามขั้นกฎหมายเช่นเดียวกับคดีของนายทวีไกรคุปต์บิดานางสาวปารีณาก็พบว่าเอกสารสิทธิ์นั้นมีบางจุดที่ครอบครองโดยชอบธรรมจนท.ก็จะตัดส่วนนี้ออกไม่ดำเนินการตามกฎหมายแต่จุดที่ทับซ้อนก็จะดำเนินคดีตามกฎหมายซึ่งทั้งสองคดีนี้จะมีความชัดเจนหลังปีใหม่และขอยืนยันว่าเจ้าหน้าที่ทำงานตรงไปตรงมาไม่ได้มีเรื้องการเมืองมาเกี่ยวข้องและทุกขั้นตอนและหลักฐานต่างๆสามารถตรวจสอบได้

ด้านนายวราวุธ ศิลปอาชา รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีกรมป่าไม้เตรียมแจ้งความดำเนินคดีนางสมพร จึงรุ่งเรืองกิจ มารดานายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า รุกป่าสงวนในพื้นที่ จ.ราชบุรี 450 ไร่ พร้อมเสนอเพิกถอนเอกสารสิทธิ์ นส. 3 ก จำนวน 2,000 ไร่ ว่า ในการทำงานของกระทรวงทรัพยากรฯ เราไม่ดูที่ว่าเป็นใครหรือฝ่ายใด เราดูแค่ว่าทรัพย์สมบัติของประเทศ ไม่ว่าจะเป็นป่าสงวนหรือป่าอนุรักษ์นั้นได้มีการบุกรุกหรือไม่

อย่างไรก็ตามถ้ามีการบุกรุกขึ้นมา กระทรวงในฐานะที่เป็นเจ้าทุกข์ก็จะมีการแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ ซึ่งทุกคดีที่มีการร้องเรียนกระทรวงทรัพยากรฯ จะดำเนินคดีจนถึงที่สุด เราไม่ได้ประวิงเวลาหรือเอื้อประโยชน์ให้กับฝ่ายใดทั้งนั้น เราดำเนินคดีตามกฎหมายและเป็นไปตามขั้นตอนของกระบวนการยุติธรรม ไม่มีมี 2 มาตรฐาน หรือเลือกที่รักมักที่ชังอย่างแน่นอน เราให้ความยุติธรรมและดำเนินคดีโดยไม่ได้ดูที่ตัวบุคคล