"นิยม" อัด รัฐแก้ปัญหาไร้ทิศทางเชื่อปี64ศก.ไทยไม่รอด

เมื่อวันที่ 25 ธ.ค. 63 นายนิยม ช่างพินิจ ส.ส.พิษณุโลก พรรคเพื่อไทย ในฐานะรองประธานคณะกรรมาธิการอุตสาหกรรม สภาผู้แทนราษฎร เปิดเผยว่า จากสถานการณ์การระบาดของไวรัสโควิด-19 ในประเทศไทย ส่งผลกระทบในภาคอุตสาหกรรมทั้งการค้า การขาย และการลงทุน นอกจากนี้การแก้ปัญหาของรัฐบาลยังไม่ตรงจุด แก้ปัญหาประเทศแบบไร้ทิศทาง ไร้วิสัยทัศน์ ส่งผลให้เศรษฐกิจประเทศพังทุกภาคอุตสาหกรรม

ปัจจัยหลักจากการที่พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี มีอคติกับพรรคเพื่อไทย ไม่ยอมรับว่านโยบายของพรรคเพื่อไทยสามารถช่วยเหลือภาคการเกษตรได้ดีและส่งผลเศรษฐกิจภาพรวมของประเทศดีไปด้วย แต่ด้วยความคิดและจิตใจที่เป็นอคติจึงไม่ยอมรับนโยบายดีๆของพรรคการเมือง ส่งผลให้การแก้ปัญหาประเทศจึงไร้ประสิทธิภาพและส่งผลให้ประชาชนประสบความยากลำบากจากนโยบายรัฐบาลที่มีอคติ

นายนิยม กล่าวด้วยว่า ในปี 2564 เชื่อว่าเศรษฐกิจไทยก็ยังไม่ดีขึ้นและมีแนวโน้มว่าภาคอุตสาหกรรมขนาดเล็กและขนาดกลางหรือ เอสเอ็มอี จะปิดกิจการเป็นจำนวนมาก ทั้งจากการระบาดของไวรัสโควิด-19และการแก้ปัญหาที่ผ่านมาของรัฐบาลไร้ประสิทธิภาพไม่มีฝีมือส่งผลให้ภาคอุตสาหกรรมหมดทางเลือกต้องปิดกิจการในที่สุด

“หากรัฐบาลเปิดใจยอมรับฟังคำแนะนำจากพรรคการเมืองฝ่ายค้าน มากกว่าคำแนะนำจากนักธุรกิจการแก้ปัญหาประเทศก็สามารถเดินหน้าไปได้ ทั้งนี้ในความเป็นจริงหากภาคเกษตรดีภาคอุตสาหกรรมอื่นๆก็จะดีตามไปด้วย รัฐบาลที่ดีต้องยกระดับชีวิตความเป็นอยู่ของภาคเกษตร ถ้าอยากให้เศรษฐกิจดีรัฐบาลประกันราคาข้าวเลยที่ 15,000 บาทต่อตันหอมมะลิ 20,000 บาทต่อตัน เศรษฐกิจไทยจะดีขึ้นทันที ทั้งนี้การที่รัฐบาลไม่กล้าประกันราคาสูงเพราะเกรงใจนายทุนที่ใกล้ชิดมากกว่าเกรงใจเกษตรกร ซึ่งรัฐบาลต้องทำงานเพื่อประชาชนไม่ได้ทำงานเพื่อนายทุนภาคเอกชน”นายนิยม กล่าว