posttoday

เปิดผลโพลยุคเศรษฐกิจฝืดเคือง คนไทยสุขลดลงวอนรัฐช่วยลดค่าใช้จ่าย

08 พฤศจิกายน 2563

ดุสิตโพลเผยภาวะเศรษฐกิจในปัจจุบันทำคนไทยกว่า 62% มีความสุขลดลง แนะรัฐลดค่าสาธารณูปโภค ชดเชยรายได้ พักชำระหนี้

เมื่อวันที่ 8 พ.ย. 63 สวนดุสิตโพล มหาวิทยาลัยสวนดุสิต เปิดเผยผลสำรวจความคิดเห็นของประชาชนทั่วประเทศ ต่อกรณี “อยู่อย่างไร? ให้มีความสุขในยุคเศรษฐกิจฝืดเคือง” จำนวนทั้งสิ้น 1,374 คน ระหว่างวันที่ 1-6 พ.ย. 63 เพื่อสะท้อนความคิดเห็นกรณีภาวะเศรษฐกิจถดถอย จนกระทบต่อการดำเนินชีวิตของประชาชนที่ต้องดิ้นรนทำมาหากินเพื่อให้ตนเองและครอบครัวอยู่รอด การใช้ชีวิตให้มีความสุขในสภาวะเช่นนี้จึงเป็นเรื่องที่ยากลำบากอย่างยิ่ง สรุปผลได้ ดังนี้

1.ภาวะเศรษฐกิจในปัจจุบัน มีผลทำให้ความสุขของประชาชนเพิ่มขึ้นหรือลดลง

อันดับ 1 ลดลง 62.66%

อันดับ 2 เท่าเดิม 34.72%

อันดับ 3 เพิ่มขึ้น 2.62%

2.ปัจจัยอะไร ที่ส่งผลต่อความสุขของประชาชน

อันดับ 1 มีรายได้เพียงพอ 79.85%

อันดับ 2 สุขภาพแข็งแรง 74.41%

อันดับ 3 การงานมั่นคง 67.72%

อันดับ 4 ครอบครัวอบอุ่น 66.54%

อันดับ 5 สังคมปลอดภัย 58.31%

3.ประชาชนมีวิธีสร้างความสุขให้ตนเองในยุคเศรษฐกิจฝืดเคืองได้อย่างไร

อันดับ 1 ต้องลด/ควบคุมค่าใช้จ่าย 70.80%

อันดับ 2 ใช้หลักเศรษฐกิจพอเพียง 50.99%

อันดับ 3 หาทางเพิ่มรายได้ 47.25%

อันดับ 4 ทำงานอดิเรกที่ชอบ 40.06%

อันดับ 5 ออกกำลังกาย 39.10%

4.มาตรการใดของภาครัฐที่จะช่วยให้ประชาชนมีความสุขมากขึ้น

อันดับ 1 ลดค่าสาธารณูปโภค 63.81%

อันดับ 2 ชดเชยรายได้ 52.68%

อันดับ 3 พักชำระหนี้ 44.05%

อันดับ 4 โครงการคนละครึ่ง 36.03%

อันดับ 5 เลื่อนการชำระและลดหย่อนภาษี 33.46%

นางสาวพรพรรณ บัวทอง นักวิจัยสวนดุสิตโพล มหาวิทยาลัยสวนดุสิต เปิดเผยว่า จากผลสำรวจ พบว่า ความสุขของประชาชนขึ้นอยู่กับปัจจัยทางด้านเศรษฐกิจอย่างเห็นได้ชัด หากเศรษฐกิจดีประชาชนก็จะใช้ชีวิตได้อย่างมีความสุข รัฐบาลจึงมีหน้าที่สำคัญในการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพื่อให้เกิดการจับจ่ายใช้สอย เพราะหากประชาชนยังต้องลดและควบคุมค่าใช้จ่ายเพื่อให้ชีวิตดำเนินไปได้อย่างมีความสุข นั่นสะท้อนให้เห็นว่าการแก้ปัญหาเศรษฐกิจและปัญหาคุณภาพชีวิตของรัฐบาลนั้นยังไม่ประสบความสำเร็จ

ด้าน ดร.ศิริ ชะระอ่ำ นักเศรษฐศาสตร์การศึกษา คณะวิทยาการจัดการ มหาวิทยาลัยสวนดุสิต เปิดเผยว่า ผลการสำรวจยังระบุชัดว่ามาตรการภาครัฐที่เกี่ยวข้องกับการลดค่าใช้จ่ายประจำของครัวเรือนแบบตรงไปตรงมา เช่น การลดค่าสาธารณูปโภค การพักชำระหนี้เงินกู้ประเภทต่างๆ ส่งผลบวกต่อความรู้สึกของประชาชนเป็นอย่างมาก

จึงสามารถสรุปได้ว่า ในยุคเศรษฐกิจฝืดเคืองเช่นปัจจุบัน มาตรการภาครัฐระยะสั้นที่สร้างการรับรู้ถึงความตั้งใจช่วยเหลือประชาชนในเรื่องค่าครองชีพนั้น มีความสำคัญไม่ยิ่งหย่อนไปกว่าการกระตุ้นเศรษฐกิจมหภาคด้วยการลงทุนในโครงการขนาดใหญ่ภาครัฐ (Mega Projects) ได้อย่างน่าสนใจ