"เทพไท" ตั้ง7ข้อสังเกตม็อบ หวังให้เกิดความรุนแรง ห่วงอำนาจนอกระบบหวนคืน
เทพไท ตั้งข้อสังเกตม็อบ7ข้อ หวังให้เกิดความรุนแรง ห่วง อำนาจนอกระบบ หวนกลับมาอีก แนะ แก้ รธน.ทางออกของประเทศ จับตา พรก.ฉุกเฉินฯเอาม็อบอยู่หรือไม่
เมื่อวันที่ 15 ตค. นายเทพไท เสนพงศ์ ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงการประกาศ พ.ร.ก.สถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรง ในเขตพื้นที่กรุงเทพมหานคร ของรัฐบาล ว่าเป็นมาตรการทางกฎหมายของรัฐบาลต่อการชุมนุมของกลุ่มต่างๆ ตั้งแต่วันที่ 14 ตุลาคมที่ผ่านมา ซึ่งต้องเฝ้าติดตามดูว่าสามารถควบคุมสถานการณ์การชุมนุมได้จริงหรือไม่ ตนได้เฝ้าติดตามความเคลื่อนไหวการชุมนุมของทุกฝ่ายอย่างใกล้ชิด ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มคณะราษฎร 2563 หรือกลุ่มคนเสื้อเหลือง ซึ่งเป็นการชุมนุมที่อยู่ในพื้นที่ใกล้เคียงกัน ย่อมมีการกระทบกระทั่งกัน และมีการปะทะกันอย่างประปราย หรือเกิดความวุ่นวายเป็นระยะๆ ซึ่งจากปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นตลอดทั้งวัน สามารถตั้งข้อสังเกตได้ดังนี้
1.กลุ่มมวลชนทั้งหมด ที่มาร่วมชุมนุมของทั้งสองฝ่ายเป็นการจัดตั้งมวลชนกันมา มีการโฆษณาชวนเชื่อ และปลุกระดมให้เกิดความเชื่อตามแนวความคิดของแต่ละฝ่าย
2.มีนักการเมืองอยู่เบื้องหลังการชุมนุม หรือให้การสนับสนุนทั้งสองฝ่าย มีทั้งที่เปิดเผยตัวและไม่ยอมเปิดเผยตัวต่อสาธารณชน
3.มีการระดมมวลชนของแต่ละฝ่ายมาให้มากที่สุด เพื่อแสดงพลังทางการเมือง ตามที่เกิดภาพมีรถขนคนให้เห็นทางสื่อโซเชียลมีเดีย
4.เป็นการชุมนุมที่มีข้อเรียกร้องสุดขั้ว ก่อให้เกิดความขัดแย้งทางสังคมสูง จนเกิดวาทกรรมที่เรียกกันว่า กลุ่มล้มเจ้ากับกลุ่มโหนเจ้า
5.มีการเคลื่อนไหวในลักษณะยั่วยุให้เกิดความรุนแรง หวังให้เกิดการเผชิญหน้ากันระหว่างกลุ่มมวลชน2กลุ่ม จนไม่สามารถควบคุมได้
6.มีมือที่สามคอยสร้างสถานการณ์ความรุนแรง หวังผลให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางการเมือง เพื่อเรียกร้องให้รัฐบาลแสดงความรับผิดชอบ
7.มีแนวความคิดและเตรียมการสร้างเงื่อนไข เพื่อเปิดทางให้อำนาจนอกระบบ เข้ามาแทรกแซงระบอบประชาธิปไตยอีกครั้งหนึ่ง
ด้วยเหตุผลทั้งหมดนี้ อยากให้คนไทยทุกคน กลุ่มการเมืองทุกฝ่าย ได้ตระหนักและร่วมมือกันประคับประคองระบอบประชาธิปไตยอย่าให้ถูกทำลาย ซึ่งภูมิคุ้มกันระบอบประชาธิปไตย และทางออกของประเทศในขณะนี้ ก็คือการแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับปี 2560 ให้เป็นรัฐธรรมนูญที่มาจากประชาชน และเป็นประชาธิปไตยอย่างแท้จริง