posttoday

"บิ๊กตู่"ปัดไม่ได้ยกโควิดข่มขู่ม็อบลั่นห่วงจะรับมือกันไม่ไหว

18 กันยายน 2563

“บิ๊กตู่”แจงไม่ได้ยกสถานการณ์โควิดระลอก 2 ขู่ม็อบนักศึกษายันเป็นห่วงจริงๆขอให้มองเจตนาดีด้วยชี้ถ้าเกิดอะไรขึ้นมา จะรับมือไหวหรือเปล่า

เมื่อวันที่18ก.ย. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ให้สัมภาษณ์ระหว่างเดินทางมาเป็นประธานในพิธีเปิดและปิดการฝึกซ้อมการค้นหา และช่วยเหลืออากาศยานประสบภัย (Search and Rescue Exercise (SAREX)ประจำปี 2563 ที่ค่ายนเรศวร อ.ชะอำ จ.เพชรบุรี ถึงแถลงการณ์เกี่ยวกับข้อห่วงใยการแพร่ระบาดของโควิด-19 ระลอกสอง ว่า แล้วเป็นห่วงหรือไม่ ก็เป็นห่วงใช่หรือไม่ ตนเองห่วงทุกเรื่อง ไม่ใช่ห่วงตรงนี้เพื่อไปกดดันตรงนู้น ขอให้มองเจตนารมณ์ของคนเป็นนายกฯหน่อย ตนเองเป็นนายกฯที่มีแต่ความห่วงใย ก็ไม่รู้สิ อยู่มาทุกวันนี้ตนเองก็อยู่มาแบบนี้

“ที่ผมพูดไปเมื่อวานห่วงใยจริงๆ ผมไม่ต้องการจะไปข่มขู่ใครทั้งสิ้น แต่มันเป็นเรื่องจริง ฉะนั้น ผู้ใหญ่ทุกคนจะต้องเข้าใจตรงนี้ ต้องห่วงใยลูกหลานของท่าน ถ้ามันเป็นอะไรกันขึ้นมา จะรับมือกันไหวหรือเปล่า แค่นั้นที่เป็นห่วง เพราะคนมันจำนวนมาก แม้ว่าจะมีความพร้อมอยู่ก็ตาม ฉะนั้น อะไรก็ตามที่จะลดภาระให้กับเจ้าหน้าที่เขาได้บ้าง ซึ่งต้องมาตรากตรำหลายเรื่อง ทั้งโควิดด้วย อะไรด้วย หลายอย่าง เจ้าหน้าที่เขาก็เหน็ดเหนื่อย”พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว

ทั้งนี้เมื่อถามถึงความคืบหน้าการปรับ ครม. จะปรับตำแหน่งที่ว่างอย่างเดียวใช่หรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า พูดไปหลายครั้งแล้ว

ขณะเดียวกัน นายกฯได้ กล่าวให้โอวาทและปิดการฝึกซ้อม SAREX 2020 ว่า ขอชื่นชมทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องที่ร่วมดำเนินการต่างๆให้สำเร็จลุล่วงไปได้ด้วยดี ทั้งนี้มีคำกล่าวที่ใช้ได้ทุกโอกาสว่า"แม้หวังตั้งสงบ จบเตรียมรบให้พร้อมสรรพ”แม้จะไม่มีเหตุอะไรเกิดขึ้นแต่ต้องเตรียมความพร้อม ทั้งคน เครื่องมือ ระเบียบปฏิบัติต่างๆให้สอดคล้องกัน ทั้ง พลเรือน ตำรวจ และทหาร เพราะภารกิจเรามีมากมาย หากบูรณาการวางแผนและฝึกร่วมกัน จะมีสมรรถภาพเข้นกับที่ฝึกในวันนี้

“โดยการเตรียมการรับสถานการณ์นั้นมีหลายด้าน อย่างวันนี้ซึ่งเราเจอสถานการณ์ทั้งด้านความมั่นคง เศรษฐกิจ สังคม กฎหมายและกระบวนการยุติธรรม ซึ่งรัฐบาลให้ความสำคัญอย่างยิ่งยวดว่าทำอย่างไรให้ประชาชนปลอดภัย”

วันนี้การฝึกแสดงให้เห็นถึงความพร้อมและความเชื่อมั่น ทั้งนี้การช่วยเหลืออากาศยานประสบภัยนั้นไม่ใช่แค่คนไทยเท่านั้นแต่เกี่ยวข้องทุกสายการเบิน ซึ่งไม่อยากให้เกิดขึ้น แต่เมื่อเกิดขึ้นแล้วจะทำได้ย่างไร จึงต้องเตรียมการไว้ มีการฝึก สิ่งที่เป็นหลักการสำคัญคือต้องกำหนดแผนหลายสมมุติฐานให้ชัดเจน มีแผนหลัก แผนรอง และแผนเผชิญเหตุ สำคัญสุดคือการติดต่อสื่อสารหลายหน่วยงานที่ทำงานร่วมกัน หากเรามีการฝึกซ้อมก็จะไม่เกิดความสับสนอลหม่าน รัฐบาลให้ความสำคัญเครื่องไม้เครื่องมือ โดยเฉพาะเฮลิคอปเตอร์ เครื่องมือช่วยชีวิตต่างๆดำเนินการจัดหามาอย่างต่อเนื่องและจะดำเนินการต่อไป พร้อมพัฒนาวิจัยสิ่งที่เราทำเองได้ใกล้เคียงกับเขา ทำให้ลดการใช้จ่ายงบประมาณลงไป

นายกฯ กล่าวว่า เรามีความพร้อมหลายๆ ด้าน มีเครื่องมือใหม่ๆ มาใช้บูรณาการ โดยเฉพาะเฮลิคอปเตอร์ที่มีหลายประเภท อากาศยาน นั่นคือเหตุผลว่าทำไมต้องมี ถ้ามองอย่างเดียวว่าจะซื้อไปทำไมก็อีกเรื่องหนึ่ง แต่เมื่อซื้อมาใช้ประโยชน์ก็ขอให้เข้าใจว่ามีความจำเป็น ตรงนี้เป็นสิ่งที่ทุกคนต้องตระหนักถึงความสำคัญของการดำเนินการในลักษณะนี้อย่างชัดเจน เพื่อเป็นการยกระดับความปลอดภัย ทั้งผู้ประสบภัยและเจ้าหน้าที่ สิ่งสำคัญสุดคือขวัญและกำลังใจเจ้าหน้าที่ ซึ่งตนเคยบอกว่าอำนาจกำลังรบทางทหารเป็นอีกเรื่องหนึ่ง แบบเดียวกับพลเรือนนั้นแหละ โดยอำนาจรบที่มีตัวตนนั่นคือเครื่องไม้ เครื่องมือ บุคคลากรต่างๆส่วนที่ไม่มีตัวตนคือขวัญกำลังใจผู้ปฏิบัติและผู้ที่ถูกช่วยเหลือเชื่อมั่นว่าปลอดภัย วันนี้เรามีเครื่องมือเครื่องไม้หลายประการจำเป็นต้องจัดหาให้สอดคล้องกับภารกิจอื่นๆด้วย การดับไฟป่า การดับเพลิง การช่วย ชีวิตคนบนตึกสูง สิ่งเหล่านี้รัฐบาลให้ความสำคัญและบรรจุในแผนยุทธศาสตร์ชาติ ในการพัฒนาทันต่อสถานการณ์โลก

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวอีกว่า สิ่งสำคัญระเบียบกาาปฏิบัติต่างๆ และการสั่งการ หากทำงานหลายหน่วยงานต้องประสานสอดคล้องกัน หน้าที่ใคร ทำอะไร มีตารางประสานสอดคล้องเพื่อไม่ให้เกิดความสับสนอลม่าน รวมทั้งต้องมีระบบการสื่อสารสำรอง สายบังคับบัญชาที่ต้องทบทวนตลอดเวลาทุกปี อย่างสถานการณ์ ที่เกิดขึ้นเราก็รู้อยู่แล้วว่าจะเกิดขึ้นอย่างวันนี้ และอาจมีสถานการณ์ที่คาดไม่ถึงเกิดขึ้นได้ อย่างวันนี้เราให้ความสำคัญเรื่องสภาวะการเปลี่ยนแปลงซึ่งโลกให้ความสำคัญอยู่ วันนี้ขอฝากทุกคนตระหนักบทบาทหน้าที่ของตัวเองและหน่วยงานให้ชัดเจน เพื่อยกระดับมาตรฐานความปลอดภัยและเป็นปัจจัยแห่งความสำเร็จในวันข้างหน้าไปพร้อมๆของประเทศ อย่างไรก็ตามประเทศชาติจะเดินหน้าไปได้ด้วยความสงบเรียบร้อย มีเสถียรภาพ และความมีประสิทธิภาพของภาครัฐ และประชาชน ทุกคนจะต้องรวมไทยสร้างชาติ ช่วยสร้างชาติของเราให้เข้มแข็ง ให้มีอนาคตและพื่อลูกหลานของเราในวันหน้าในทุกมิติ

จากนั้น นายกฯได้ทักทายพร้อมถ่ายภาพเป็นที่ระลึกกับเจ้าหน้าที่ที่ร่วมฝึกซ้อม โดยช่วงหนึ่งนายกฯ ได้ถือโอกาสพูดคุยกับเด็กนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 ที่มาร่วมในงาน ตอนหนึ่งว่า เด็กเหล่านี้คืออนาคตของชาติ ปัญหาต่างๆ ที่เกิดขึ้นต้องแก้ปัญหาที่ระบบการศึกษาของเรา โดยต้องปรับให้ทันสถานการณ์และโลกปัจจุบัน

"ลุงก็เคยอายุเท่าหลานๆ แต่ชีวิตผ่านมา 50-60 ปีแล้ว เคยรู้เคยมีประสบการณ์ และรู้ถึงความต้องการของเด็กๆ และอยู่ท่ามกลางการเปลี่ยนแปลงมาโดยตลอด และขอยืนยันว่าสิ่งที่ลุงและรัฐบาลทำจะดีขึ้นตามลำดับ วันข้างหน้าก็จะทำต่อไปและจะดีขึ้นอีก เราต้องทำงานไปด้วยกัน ทุกคนต้องทำงานไปด้วยกัน พร้อมสานต่อสิ่งที่ดีงาม สร้างความเข้าใจซึ่งกันและกัน และในทุกๆ เรื่อง ทุกคนสามารถแสดงความคิดเห็นได้ไม่ว่าจะวงเล็กหรือวงใหญ่ และแม้จะเป็นเด็กทุกคนก็มีความคิด วันนี้ลุงก็รับฟังทั้งหมด และวันนี้หน้าที่ของพวกเราคือการเรียนหนังสือและเรียนให้มาก อนาคตเราต้องเตรียมตัวให้พร้อม ส่วนอย่างอื่นก็มีหลายฝ่ายพร้อมที่จะทำให้แต่เราต้องกำหนดอนาคตตัวเอง เราต้องตั้งความหวังและเดินไปถึงความหวังตรงนั้นให้ได้ เราต้องไปด้วยกันให้ได้ แต่อย่าให้ใครมากำหนดชีวิตเรา วันนี้รัฐบาลเตรียมนโยบายและมาตรการต่างๆ ไว้สำหรับทุกคนรวมทั้งแก้ไขปัญหาระหว่างทาง ไม่มีใครทำสำเร็จเพียงฝ่ายเดียว"นายกฯ กล่าว

จากนั้นนายกฯ ได้สอบถามเด็กๆ ว่า โตขึ้นอยากประกอบอาชีพอะไร พร้อมแนะนำว่าถ้าไม่อยากเรียนสายสามัญก็ให้เรียนสายอาชีวะรับรองมีงานทำแน่ และแนะนำให้เด็กๆ หันมาออกกำลังกาย ซึ่งจะช่วยทั้งในเรื่องของสมองและสุขภาพ อีกทั้งต้องระมัดระวังตัวเองโดยเฉพาะขณะนี้ที่ยังมีการแพร่ระบาดกับโควิด-19 ส่วนเด็กคนไหนมีความฝันอยากเป็นครูนั้น ถือเป็นสิ่งที่ดีมาก เพราะครูคือผู้อบรมสั่งสอนเด็กๆ ทุกคน โดยเฉพาะการเป็นครูสมัยใหม่จะค้องสอนและถ่ายทอดในสิ่งที่ถูกต้อง การเป็นครูปัจจุบันจะหยุดนิ่งไม่ได้ ต้องเข้าใจนักเรียนและเข้าใจสิ่งแวดล้อม ถ้ายังเป็นครูแบบเดิมก็ไปไม่ได้ วันนี้ปัญหาเกิดขึ้นมากมายครูก็ต้องช่วยกันแก้ปัญหา โดยเฉพาะการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วในปัจจุบัน บางอย่างเปลี่ยนแปลงในทางที่ดีบางอย่างเปลี่ยนแปลงในทางที่ไม่ดี จึงฝากเด็กๆ ทุกคนช่วยกันคิดด้วย

ทั้งนี้ผู้สื่อข่าวถามว่า ในการพบปะกับเด็กนักเรียนในวันนี้ได้มีการสะท้อนถึงเรื่องการเมืองหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า เด็กเหล่านี้เพิ่งจะอยู่ชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 เขายังไม่มีเรื่องเหล่านี้ จะมีความรู้ทางการเมืองอย่างไร สื่อก็ถามเกินไปหรือไม่ ก่อนที่เวลา 11.50 น. นายกฯและคณะ เดินทางเฮลิคอปเตอร์ กลับกรุงเทพมหานคร