"เทพไท"จี้รัฐเร่งหามาตรการรับมือผลกระทบโควิด

เมื่อวันที่ 4 เม.ย. นายเทพไท เสนพงศ์ ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงมาตรการช่วยเหลือประชาชน ที่ได้รับผลกระทบจากแพร่ระบาด ของเชื้อไวรัสโควิด-19 ของรัฐบาล ว่าจากการที่รัฐบาลได้คัดกรองผู้มีสิทธิ์ รับเงินเยียวยาจากรัฐบาล จากการลงทะเบียนจำนวน 22 ล้านคนนั้น มีคนจำนวนไม่น้อยขาดคุณสมบัติหมดสิทธิ์ จะได้รับเงินเยียวยาจากรัฐบาลคนละ5,000บาท คนละ3เดือน แม้ว่ารัฐบาลจะออกมายืนยันว่า ยังมีมาตรการอื่นๆรองรับเพื่อช่วยเหลือกลุ่มคนเหล่านี้อีกก็ตาม เช่น มีโครงการช่วยเหลือจากธนาคารออมสิน ธนาคารกรุงไทย ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร(ธกส.)ฯลฯ แต่เป็นการช่วยสำหรับคนที่มีหลักทรัพย์ประกันกับธนาคาร มีโครงการสินเชื่อกับธนาคารอยู่ก่อนแล้ว อาจจะมีการลดดอกเบี้ย ชะลอการผ่อนดอกเบี้ยและเงินต้นไว้ชั่วคราวเท่านั้น ซึ่งยังไม่ครอบคลุมไปถึงประชาชนผู้เดือดร้อน จากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 อีกจำนวนมากโดยเฉพาะอย่างยิ่ง กลุ่มคนที่มีอาชีพอิสระ,ลูกจ้างรายวัน,คนหาเช้ากินค่ำ,คนตกงาน,คนเร่ร่อน ซึ่งไม่มีหลักฐานตามเงื่อนไขเพื่อไปยืนยันสิทธิ์เข้ารับการเยียวยาได้ กลุ่มคนเหล่านี้ เป็นผู้ด้อยโอกาสทางสังคมอยู่แล้ว เมื่อไม่ได้รับการเยียวยา ก็เหมือนกับการซ้ำเติมความเดือดร้อนลงไปอีก ถ้าเขาไม่มีทางออก ไม่มีเงินเลี้ยงชีพ ไม่มีข้าวจะกินในแต่ละวัน ก็จะก่อให้เกิดปัญหาทางสังคมตามมาอีกมากมาย จึงอยากจะให้รัฐบาลขึ้นทะเบียนกับกลุ่มคนเหล่านี้ และหามาตรการช่วยเหลือเยียวยาให้กลุ่มคนเหล่านี้ได้มีโอกาสดำรงชีพอยู่ได้ ท่ามกลางการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19อยู่ในขณะนี้ด้วย

นายเทพไท กล่าวว่า ต้องยอมรับความจริงว่าวิกฤตโควิด-19ในครั้งนี้ มีผลกระทบต่อคนทุกชนชั้น ซึ่งแตกต่างกับวิกฤตลดค่าเงินบาทใน ปี2524 ยุครัฐบาลพล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ที่มีผลกระทบเฉพาะกลุ่มนักธุรกิจส่วนหนึ่ง หรือวิกฤตต้มยำกุ้ง ปี2540 ยุครัฐบาลพล.อ.ชวลิต ที่มีผลกระทบต่อกลุ่มธนาคาร บริษัทเงินทุนหลักทรัพย์ และนักธุรกิจระดับสูง แต่วิกฤตโควิด-19ในครั้งนี้ มีผลกระทบกับทุกกลุ่มคน ตั้งแต่เศรษฐี คนรวย ยันยาจก ซึ่งต่อไปอาจจะเห็นเศรษฐี นักธุรกิจล้มละลาย คนชั้นกลางตกงาน คนชั้นล่างระดับรากหญ้า อดยากไม่เงินซื้อข้าวกิน จะเกิดปัญหาทางสังคมตามมาอีกมากมาย ทั้งปัญหาอาญชกรรม ปัญหาลักเล็กขโมยน้อย จนถึงปัญหาการฆ่าตัวตายจะมีเพิ่มขึ้น อยากให้รัฐบาลได้เร่งหามาตรการรับมือกับปัญหาที่กำลังจะเกิดขึ้นท่ามกลางวิกฤตโควิด-19 ซึ่งเป็นปัญหาที่หนักหน่วงมาก ต้องอาศัยความสามัคคี และความร่วมมือของคนในชาติ เพื่อนำพาประเทศก้าวผ่านวิกฤตนี้ไปให้ได้ด้วยกัน