posttoday

ศาลยกฟ้อง "สิระ" ฟ้อง "เสรีพิศุทธ์" ฐานหมิ่นประมาท

30 มีนาคม 2563

ศาลยกฟ้อง คดี "สิระ" ฟ้อง "เสรีพิศุทธ์" ฐานหมิ่นประมาท ชี้คำสัมภาษณ์เป็นเพียงคำไม่สุภาพเท่านั้น ไม่ถึงกับเป็นการหมิ่นประมาทโจทก์

เมื่อวันที่ 30 มี.ค.63 ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ศาลนัดฟังคำสั่ง/คำพิพากษาชั้นไต่สวนมูลฟ้อง คดีหมายเลขดำ อ.3078/2562 ที่นายสิริ เจนจาคะ ส.ส.กรุงเทพมหานคร พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) เป็นโจทก์ ยื่นฟ้อง พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย และประธานคณะกรรมาธิการการป้องกันและปราบปรามการทุจริตประพฤติมิชอบ (กมธ.ป.ป.ช.) สภาผู้แทนราษฎร เป็นจำเลย ในความผิดฐานหมิ่นประมาทผู้อื่นโดยการโฆษณา ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 326,328

โดยฟ้องโจทก์ระบุพฤติการณ์สรุปว่า เมื่อวันที่ 14 พ.ย.62 พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ จำเลย ขณะปฏิบัติหน้าที่ ส.ส. และประธานกรรมาธิการ( กมธ.) ป้องกันและปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ สภาผู้แทนราษฎร ให้สัมภาษณ์ต่อสื่อมวลชนที่อาคารรัฐสภา ถึงการปฏิบัติหน้าที่ของโจทก์ ในฐานะ กมธ.ป้องกันและปราบปรามการทุจริตฯ ด้วยข้อความลักษณะเปรียบเทียบเป็นพืชที่ไร้ประโยชน์

และมีเนื้อหาที่สื่อความหมายกล่าวหาหรือใส่ความโจทก์ทำนองว่า ปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต แจกเงินหรือทรัพย์สินเพื่อสนับสนุนโจทก์ในการปลดจำเลยออกจากการเป็นประธาน กมธ. ที่มีเจตนามุ่งทำลายชื่อเสียงโจทก์และทำลายความน่าเชื่อถือโจทก์ในการปฏิบัติหน้าที่ ส.ส.และกรรมาธิการป้องกันและปราบปรามการทุจริต และเป็นการพูดในลักษณะดูถูกดูแคลนโจทก์ ซึ่งทำให้ผู้ฟังเข้าใจว่าโจทก์เป็น ส.ส.ไร้ประโยชน์ โดยถ้อยคำนั้นล้วนเป็นเท็จ

ส่วนที่โจทก์เคยให้สัมภาษณ์ต่อสื่อมวลชนว่า จะประชุมเพื่อเสนอปลดจำเลย ออกจากการเป็นประธาน กมธ.ดังกล่าวนั้นเป็นการเสนอความเห็นต่อสื่อมวลชนในการปฏิบัติหน้าที่ของโจทก์และจำเลยตามอำนาจหน้าที่ ข้อบังคับการประชุมสภาฯ และข้อบังคับการประชุมกรรมาธิการฯ ซึ่งโจทก์เป็นส.ส.ได้รับการเลือกตั้งจากประชาชน ไม่เคยทำหน้าที่ใดๆให้เกิดความเสียหายแก่สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร เหตุเกิดที่อาคารรัฐสภา ถ.สามเสน แขวงนครไชยศรี เขตดุสิต กทม.

โดยวันนี้ โจทก์และจำเลยไม่ได้เดินทางมาศาล เนื่องจากเป็นการพิจารณาชั้นไต่สวนมูลฟ้อง คงมีเพียงผู้รับมอบอำนาจโจทก์-จำเลย เดินทางมารับฟังคำสั่ง

ขณะที่ ศาลพิเคราะห์แล้ว เห็นว่ากรณีโจทก์ให้สัมภาษณ์ว่าจะปลดจำเลยสามารถทำได้ตามระเบียบ เป็นความขัดแย้งระหว่างโจทก์กับจำเลย ผู้สื่อข่าวจึงไปถามจำเลย เป็นเรื่องปกติที่จำเลยจะไม่พอใจ จึงใช้ถ้อยคำรุนแรงไปบ้างก็เป็นเพียงคำไม่สุภาพเท่านั้น ไม่ถึงกับเป็นการหมิ่นประมาทโจทก์

และที่จำเลยกล่าวถึงการพูดกันด้วยเงิน การแจกกล้วย หรือคำว่าสวะนั้น เป็นการกล่าวถึงการทุจริตทั่วไป ไม่ได้เฉพาะเจาะจงระบุชื่อโจทก์ ตามที่จำเลยรับรู้จากการดำรงตำแหน่งประธาน กมธ.การป้องกันและปราบปรามการทุจริตประพฤติมิชอบ สภาผู้แทนราษฎร และคำว่าแจกกล้วยไม่ใช่คำด่าที่คนทั่วไปใช้ด่ากัน ที่จำเลยให้สัมภาษณ์จึงไม่เป็นความผิดฐานหมิ่นประมาท คำฟ้องโจทก์ไม่มีมูลให้รับไว้พิจารณา พิพากษายกฟ้อง