posttoday

เด็กพปชร.ขอทุกฝ่ายหยุดเล่นการเมือง เปิดทางประชาชนรับข้อมูลโควิด-19ที่ถูกต้อง

27 มีนาคม 2563

เด็กพปชร.ชี้โควิด-19 ระบาดไม่ใช่ความผิดพลาดของรัฐบาล ชูไทยจัดการปัญหาได้ดีเยี่ยมหากเทียบในอาเซียน ขอประชาชนให้ความร่วมมือ อยู่บ้าน หยุดเชื้อ เพื่อชาติ

นายสามารถ เจนชัยจิตรวนิช ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงยุติธรรม ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์ร้องทุกข์พรรคพลังประชารัฐ เปิดเผยว่า ปัญหาโรคระบาดในประเทศไทยไม่ใช่เพิ่งเคยเกิดขึ้นและเกิดขึ้นมาหลายครั้งแต่ขอหยิบยกบางเหตุการณ์มาให้ได้รับทราบกันว่าเราเคยผ่านวิกฤตแบบนั้นมาแล้วมีการเสียชีวิตจำนวนมาก ดังนั้นเรื่องโควิด-19 ไม่ใช่เป็นความผิดพลาดของรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา โดยหลายประเทศในขณะนี้การป้องกันไวรัสโควิด-19 นั้นประเทศไทยถือว่าเป็นประเทศที่จัดการแก้ปัญหาและป้องกันได้อย่างดีเยี่ยมหากเทียบกับประเทศในย่านอาเซียน วันนี้ในยุโรปหลายประเทศได้รับผลกระทบมีผู้ติดเชื้อจำนวนมากหรือแม้แต่ประเทศสหรัฐอเมริกา ซึ่งเป็นประเทศที่มีความล้ำสมัยทางเทคโนโลยีก็ยังมีผู้ติดเชื้อจำนวนมาก ดังนั้น ต้องขอให้คนไทยทุกคนร่วมมือร่วมใจกันจึงขอยกเหตุการณ์ในอดีตขึ้นมาเพื่อจะได้เห็นว่าประเทศไทยนั้นได้ผ่านวิกฤตร้ายแรงในเรื่องเกี่ยวกับโรคระบาดมาแล้วหลายครั้ง

นายสามารถ เผยอีกว่า สำหรับโรคระบาดที่ฆ่าชีวิตประชากรมากที่สุดในโลก คือ กาฬโรค (Black Death) จะมีจุดบวมดำและแตกออกสร้างความเจ็บปวดแสนสาหัสและผู้ป่วยจะเสียชีวิตภายใน 5 วัน กรือเร็วสุดคือภายใน 1 วัน โดยกาฬโรคระบาดครั้งแรกในประเทศจีน ก่อนแพร่ระบาดตามเส้นทางสายไหมมาสู่ทวีปยุโรป ค.ศ.1347 เมื่อกองเรือพาณิชย์ชาวอิตาลีทำการค้าขายกับประเทศตะวันออกเดินทางมาเทียบท่าทางตอนใต้ของประเทศอิตาลี และเกิดการแพร่ระบาดเข้าสู่ตอนในประเทศ ซึ่งอาการป่วยช่วงแรกจะมีไข้สูงเฉียบพลันและบวมดำบริเวณต่อมน้ำเหลืองรักแร้หรือขาหนีบ

ต่อมาระบาดเข้าประเทศฝรั่งเศสและประเทศอังกฤษ ภายในเวลาเพียง 1 ปี และใช้เวลาเพียง 4 ปี กระจายไปถึงตอนเหนือยุโรปและประเทศรัสเซีย ช่วงเวลาระบาดประมาณ ค.ศ.1347-1353 แต่ขณะนั้นไม่มียารักษาชัดเจนทำได้เพียงประคับประคองตามความเชื่อ เช่น การใช้ยาสมุนไพร หรือใช้ทากดูดเลือด ฯลฯ ส่วนผู้รอดชีวิตต้องหลีกเลี่ยงการสัมผัสศพผู้เสียชีวิต หลายคนต้องหนีออกจากบ้าน และยอดผู้เสียชีวิตทั่วโลกประมาณ 75 ล้านคน ทำให้ประชากรโลกลดเหลือ 350 ล้านคน ชาวยุโรปตายกว่า 25 ล้านคน

นายสามารถ เผยต่อว่า สำหรับกาฬโรคเริ่มมีการระบาดในครั้งแรกประเทศไทย สมัย พระเจ้าอู่ทอง จึงนำไปสู่การสร้างเมืองใหม่ ที่มีชื่อว่า “อโยธายาศรีรามเทพนคร” หรือที่เรารู้จักคือ กรุงศรีอยุธยา และระบาดอีกหลายครั้ง จนมาถึงสมัย ร.5 แม้จะมีการให้เรือที่มาจากพื้นที่ระบาดโรคต้องจอดให้เจ้าหน้าที่ทำการตรวจเชื้อ รวมถึงจอดรอที่เกาะก่อนจนครบ 9 วัน ถึงอนุญาตให้เข้ามาในประเทศได้ โดยมีนายแพทย์ตรวจโรคประจำด่านเพื่อป้องกันการแพร่ระบาด และต้องตรวจเป็นระยะเวลาหลายปีกว่ากาฬโรคจะหมดไป โดยผู้ป่วยรายสุดท้ายเป็นชาว จ.นครสวรรค์ เมื่อปี พ.ศ.2495 และปัจจุบันไม่มีโรคดังกล่าวเกิดขึ้นอีกเลย

มีอีกโรคที่ขอหยิบยก คือโรคอหิวาตกโรคระบาดในประเทศไทยมีผู้เสียชีวิตจำนวนมาก โดยมีพระราขพงศาวดารรัชกาลที่2 ได้กล่าวถึงเหตุการณ์ระบาดของไข้ป่วง หรือ ลงราก ภายหลังเรียกว่า อหิวาตกโรค ได้ฆ่าชีวิตคนในยุคต้นกรุงรัตนโกสินทร์ทั้งในกรุงเทพและเมืองใกล้เคียงกว่า 30,000 คน โดยในพงศาวดารระบุว่า “ ผู้คนในสมัยนั้นยังโง่เขลา ไม่รู้อะไรหลายสิ่งหลายอย่าง พูดซุบซิบนินทากันว่า เพราะไปเอาศิลาก้อนใหญ่ๆในทะเลมาก่อเขาในพระราชวัง เจ้าโกรธ ผีโกรธ จึงบันดาลให้เป็นไข้ ครั้นเมื่อถึงเดือนเจ็ดข้างขึ้น เกิดไข้ป่วงมาแต่ทะเล ไข้นั้นเกิดมาแต่เกาะหมากก่อน แล้วข้ามมาหัวเมืองตะวันตก เดินเข้ามาถึงปากน้ำเจ้าพระยา ชาวเมืองสมุทรปราการตายลงเป็นอันมาก ก็พาอพยพขึ้นมากรุงเทพมหานครบ้าง แยกย้ายไปตามทิศต่างๆบ้าง ที่กรุงเทพฯ ก็เป็นขึ้นเมื่อวันขึ้น6 ค่ำเดือน 7 ไปจนถึงวันเพ็ญ ตายทั้งหญิงทั้งชาย ศพที่ป่าช้าแบศาลาดินในวัดสระเกษ วัดบางลำภู วัดบพิตรพิมุข วัดปทุมคงคา แลวัดอื่นๆ ก่ายกันเหมือนกองฟืน ที่เผาก็เสียมากว่ามาก แลที่ลอยในแม่น้ำลำคลองเกลื่อนกลาดไปทุกแห่ง จนพระสงฆ์ก็หนีออกจากวัด คฤหัสถ์ก็หนีออกจากบ้าน” ครั้นถึงช่วงรัชกาลที่ 3 อหิวาตกโรคระบาดขึ้นอีกครั้ง ระบาดที่กรุงเทพฯ หนังสือพิมพ์อังกฤษรายงานว่ามีผู้เสียชีวิตกว่า 5,000 คน

จากนั้นสมัยรัชกาลที่5 อหิวาตกโรคระบาดอีก ในเพียงช่วงเดือนเดียวมีรายงานผู้เสียชีวิตถึง 6,600 คน เนื่องจากไม่มีกฏเกณฑ์การสัญจรข้ามประเทศ การเดินทางเข้าออกง่ายดาย นำพาเชื้อโคกระจายไปตามการคมนาคม กระทั่งมีแพทย์ตะวันตกและความก้าวหน้าทางสาธารณสุขตามลำดับทำให้อหิวาตกโรคไม่น่ากลัวอีกต่อไป โดยตนหยิบยกมาให้เห็นว่าประเทศไทยเผชิญกับโรคระบาดมาหลายครั้งและมีการเสียชีวิต สูญเสียจำนวนมาก

"ดังนั้น ไวรัสโควิด-19 เป็นเพียงโรคระบาดชนิดหนึ่ง ถ้าคนไทยร่วมแรงร่วมใจกัน พร้อมกับรัฐบาล ภายใต้การนำของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ความเสียหายที่จะเกิดขึ้นนั้นน่าจะไม่ร้ายแรงเทียบเท่ากับในอดีตที่ผ่านมา โดยในต่างประเทศสะท้อนปัญหาให้เห็นแล้วว่ามีความเดือดร้อนมากมาย ดังนั้นผมขอวิงวอนขอฝากพี่น้องประชาชนอยู่กับบ้าน หยุดแพร่เชื้อ เพื่อชาติ และผมมั่นใจว่ารัฐบาลมีหลายมาตรการที่จะเยียวยาที่พร้อมจะช่วยเหลือพ่อแม่พี่น้องประชาชนทุกคน สุดท้ายขอฝากไปยังนักการเมืองที่เห็นต่างขอให้หยุดเล่นการเมืองสักพัก เพื่อให้ประชาชนได้รับข้อมูลจริง ข้อมูลที่ถูกต้อง เพื่อจะได้หยุดเชื้อโควิด-19 ให้หมดจากประเทศไทยอย่างรวดเร็ว อดีตเป็นบทเรียนสอนให้เราเรียนรู้ ดังนั้นเราต้องเรียนรู้ประวัติศาสตร์เพื่อกำหนดทิศทางวางแผนอนาคต ผมมั่นใจว่าถ้าทุกคนร่วมมือร่วมใจกัน เราจะผ่านเหตุการณ์นี้ไปได้อย่างรวดเร็ว และ เสียหายน้อยที่สุด " นายสามารถ กล่าว