"จตุพร"ฟันธง อุ้ม "ปารีณา" พารัฐบาลพัง

จตุพรชี้กรณีปัญหาที่ดิน "ปารีณา" สะท้อนความอยุติธรรม คนจนจำนวนมากไม่มีที่ทำกิน เชื่อหากรัฐบาลอุ้มปารีณาจะยิ่งทำให้พังเร็วขึ้น

เมื่อวันที่ 1 ธ.ค. 62 นายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธานแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) กล่าวถึงสถานการณ์การเมืองไทยตอนหนึ่งว่า ส่วนตัวเห็นว่า การอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลควรเลื่อนไปเป็นช่วงหลังปีใหม่ เนื่องจากเดือนธันวาคมยังไม่เหมาะกับการอภิปราย เพราะมีเทศกาลวันหยุดเป็นจำนวนมาก จะเบี่ยงเบนความสนใจของประชาชนออกไป

"หลังปีใหม่ รวบรวมพยานหลักฐานให้ดี อภิปรายไม่ไว้วางใจเพื่อที่จะนำสู่การหมดความชอบธรรมของรัฐบาล และเมื่อเศรษฐกิจจบ การเมืองก็ต้องจบ ส่วนความอยุติธรรมเป็นการเพิ่มอุณหภูมิให้จบเร็วยิ่งขึ้น"นายจตุพรกล่าว

นายจตุพร ยังกล่าวถึง ปัญหาที่ดิน 1,700 ไร่ของน.ส.ปารีณา ไกรคุปต์ ส.ส. ราชบุรี พรรคพลังประชารัฐว่า จะกลายเป็นปัญหาซ้ำเติมให้สถานการณ์ของรัฐบาลต้องจบเร็วยิ่งขึ้นไปอีก

"คนจนจำนวนมากไม่มีที่ทำกิน การจัดสรรที่ดินของรัฐยังให้ความเป็นธรรมกับคนจนไม่ได้ กรณีนี้เห็นชัดเจนเป็นการบุกรุกป่าสงวนแห่งชาติ ไม่มีใครอุ้มกันได้ หากอุ้ม พังกันทั้งรัฐบาลมาแล้ว ดังนั้น เมื่อเศรษฐกิจจบ ไม่ฟื้นแล้ว การเมืองก็จบ ถ้าไม่มีความยุติธรรมเพิ่มเข้ามาอีก ยิ่งทำให้เกิดความลำบากไปกันใหญ่ ซึ่งเป็นการเพิ่มอุณหภูมิให้จบเร็วขึ้น"

นายจตุพร กล่าวว่า ที่ดิน 1,700 ไร่ของ น.ส.ปารีณา เชื่อเถอะไม่มีใครช่วยใครได้ บางคนบอกรัฐมนตรีอุ้ม ก็จะเป็นการอุ้มแล้วโยน แล้วอุ้มใหม่ กลับไปมาเรื่อยๆ แต่ข้อเท็จจริงไม่สามารถอุ้มได้แล้ว เพราะคุณสมบัติไม่เข้าข่ายได้ที่ดิน ส.ป.ก. เนื่องจากไม่ได้เป็นเกษตรกรยากไร้ ไม่มีที่ดินมาก่อน และได้รับการจัดสรรให้ไม่เกิน 50 ไร่ ซึ่ง น.ส.ปารีณา ไม่เข้าคุณสมบัติใดๆเลย

กรณีปัญหาที่ดินของ น.ส.ปารีณา นั้น กระบวนการเริ่มเมื่อกรมป่าไม้มอบที่ดินให้สำนักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม (ส.ป.ก.) ไปจัดสรรให้กับเกษตรกรยากจน แต่ยังไม่ได้จัดสรร เพราะมีการบุกรุกครอบครองเสียก่อน และสำนัก ส.ป.ก. ได้ปล่อยปละปัญหาการจัดสรรไว้นาน ดังนั้น กรณีนี้จึงเป็นการบุกรุกป่าสงวนแห่งชาติชัดเจน

อีกทั้ง หากรัฐบาลไปอุ้มขึ้นมา ตนมั่นใจว่าต้องพังคาตาแน่ เพราะเปลี่ยนแปลงข้อเท็จจริงไม่ได้ อีกทั้งปัญหาแจกที่ดิน ส.ป.ก.เคยทำให้รัฐบาลต้องหนีปัญหา นายกฯประกาศยุบสภามาแล้ว

“กรณีที่ดิน ปารีณา ยังโยงพันไปถึงการยื่นบัญชีทรัพย์สินต่อ ป.ป.ช. เมื่อกรมป่าไม้ไปไปตรวจสอบมีแค่ประมาณ 690 ไร่ แต่แจ้งไว้ 1,700 ไร่ จึงเป็นการแจ้งเท็จ รวมทั้งไม่ได้แสดงว่าเป็นที่ดิน ส.ป.ก. หรือไม่ จึงเป็นปัญหาการบุกรุกที่ป่าสงวนแห่งชาติแน่”นายจตุพรกล่าว