posttoday

กกต.แจงแล้วร้องคัดค้านเลือกตั้ง24มีนา 584สำนวนเหลือค้างเพียง121เรื่อง

18 ตุลาคม 2562

กกต.ร่อนเอกสารข่าวแจงคำร้องคัดค้านผลเลือกตั้ง24มี.ค.มีเพียง 584 เรื่อง รับพิจารณา281 ชี้ขาดแล้ว160สำนวน เหลือค้างเพียง121 สำนวน

กกต.ร่อนเอกสารข่าวแจงคำร้องคัดค้านผลเลือกตั้ง24มี.ค.มีเพียง 584 เรื่อง รับพิจารณา281 ชี้ขาดแล้ว160สำนวน เหลือค้างเพียง121 สำนวน

เมื่อวันที่ 18ต.ค. สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เผยแพร่เอกสารข่าว ชี้แจงเรื่องการพิจารณาวินิจฉัยเรื่องคัดค้านและสำนวนการเลือกตั้ง สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ตามที่ปรากฏข่าวตามสื่อมวลชน เรื่องการพิจารณาวินิจฉัยเรื่องคัดค้านและสำนวนการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรของคณะกรรมการการเลือกตั้ง กรณีการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ในการเลือกตั้งทั่วไปเมื่อวันที่ 24 มีนาคม 2562 นั้น สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้งขอให้ข้อมูลการพิจารณาเรื่องคัดค้านและสำนวนการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรในการเลือกตั้งทั่วไปเมื่อวันที่ 24 มีนาคม 2562 ดังนี้

ทั้งนี้เรื่องคัดค้าน จำนวนทั้งสิ้น 584 เรื่อง รับไว้ดำเนินการ จำนวน356 เรื่อง คณะกรรมการการเลือกตั้งสั่งให้รวมเรื่องที่รับไว้ดำเนินการ จำนวน 75 เรื่อง เนื่องจากเป็นเรื่องที่ผู้ร้องหรือผู้ถูกร้องเป็นรายเดียวกัน หรือกลุ่มเดียวกัน หรือมีความสัมพันธ์กัน หรือมีมูลกรณีเดียวกันแล้วแต่กรณี ดังนั้น คงเหลือเป็นสำนวนรับไว้ดำเนินการหลังสั่งรวมเรื่องแล้วจำนวน 281 สำนวนซึ่งผลการดำเนินการเป็นดังนี้ (1)วินิจฉัยชี้ขาดแล้ว จำนวน 160 สำนวน (2) อยู่ระหว่างดำเนินการ จำนวน121 สำนวน ไม่รับไว้ดำเนินการ (เพราะเป็นคำร้องที่มีลักษณะไม่ให้รับไว้ดำเนินการ) จำนวน226 เรื่อง และอยู่ระหว่างดำเนินการเสนอสั่งคำร้อง จำนวน 2 เรื่อง

สำหรับสำนวนที่คณะกรรมการการเลือกตั้งได้วินิจฉัยชี้ขาดแล้ว สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง ต้องแจ้งให้ผู้ร้องและผู้ถูกร้องทราบ และเผยแพร่ให้ประชาชนทราบเป็นการทั่วไป โดยผู้สมัคร พรรคการเมือง หรือประชาชนสามารถตรวจดูได้ทางเว็บไซต์ของสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้งwww.ect.go.th

อนึ่ง ในการพิจารณาคดีเลือกตั้งของศาลให้นำสำนวนการสืบสวน หรือการไต่สวนของคณะกรรมการการเลือกตั้งเป็นหลักในการพิจารณา ดังนั้น คณะกรรมการการเลือกตั้งจึงต้องให้โอกาสผู้ถูกกล่าวหา ได้มีโอกาสมาให้ถ้อยคำ หรือแสดงพยานหลักฐานในการแก้ข้อกล่าวหา และรวบรวมข้อเท็จจริง และพยานหลักฐานจนสิ้นกระแสความเพื่อให้เกิดความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย