posttoday

ซักฟอกเริ่มเดือด!ฝ่ายค้านเสนอบิ๊กตู่ลาออกรับผิดชอบถวายสัตย์ไม่ครบ

18 กันยายน 2562

ฝ่ายค้านปูพรมซักฟอกซัด"ประยุทธ์"กล่าวถวายสัตย์ไม่ครบ จงใจทำผิดรัฐธรรมนูญไม่เคารพประชาชนจี้ลาออกแสดงความรับผิดชอบ

ฝ่ายค้านปูพรมซักฟอกซัด"ประยุทธ์"กล่าวถวายสัตย์ไม่ครบ จงใจทำผิดรัฐธรรมนูญไม่เคารพประชาชนจี้ลาออกแสดงความรับผิดชอบ

เมื่อเวลา 9.30น.นายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎรในฐานะประธานการประชุมได้เปิดประชุมสภาฯเพื่อพิจารณาญัตติขออภิปรายทั่วไปเพื่อซักถามข้อเท็จจริงและเสนอแนะปัญหาต่อคณะรัฐมนตรีตามรัฐธรรมนูญมาตรา 152

นายวีระกร คำประกอบ ส.ส.นครสวรรค์ พรรคพลังประชารัฐ ขอให้สิทธิหารือกับประธานสภาฯ ตามที่ฝ่ายค้านได้เสนอญัตติเพื่อขอเปิดอภิปรายทั่วไปโดยไม่มีการลงมติในประเด็นการกล่าวถวายสัตย์ปฏิญาณไม่ครบถ้วนนั้น ต่อมาผู้ตรวจการแผ่นดินได้ยื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญให้วินิจฉัยในกรณีดังกล่าว ซึ่งศาลรัฐธรรมนูญได้มีความเห็นว่าการถวายสัตย์ฯเป็นการกระทำทางการเมืองอันอยู่ในความหมายของการกระทำทางรัฐบาลและไม่ได้รับคำร้องไว้พิจารณา

นายชวน กล่าวว่า ผู้นำฝ่ายค้านฯและคณะส.ส.205 คน โดยมาตรา 152 เป็นเรื่องใหม่ของสภาฯเพราะรัฐธรรมนูญในอดีตไม่ได้บัญญัติสิทธิหน้าที่ของสภาฯในเรื่องนี้เอาไว้ แต่มาตรา 152 เปิดโอกาสให้ส.ส.เข้าชื่อเพื่อขอเปิดอภิปรายทั่วไปเพื่อซักถามข้อเท็จจริงหรือเสนอแนะต่อคณะรัฐมนตรี

"แม้ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญจะวินิจฉัยมาแล้ว แต่ฝ่ายกฎหมายของสภาฯและรองประธานสภาฯหารือร่วมกันโดยมีความเห็นร่วมกันว่าญัตตินี้ไม่ได้ขัดต่อรัฐธรรมนูญ คำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญจะมีผลผูกพันต่อทุกองค์กรต่อเมื่อเป็นคำวินิจฉัยตามความหมายของรัฐธรรมนูญมาตรา 211 แต่ที่ผ่านมาศาลรัฐธรรมนูญมีเพียงคำสั่งไม่รับพร้อมกับมีความเห็นประกอบ จึงไม่ถือเป็นคำวินิจฉัยตามมาตรา 211 สภาฯจึงสามารถพิจารณาญัตตินี้ได้ตามมาตรา 152และข้อบังคับการประชุมสภาฯ" นายชวน กล่าว

จากนั้นที่ประชุมเข้าสู่ระเบียบวาระ โดยนายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ ผู้นำฝ่ายค้านในสภาฯได้ใช้สิทธิ์อภิปรายเป็นคนแรกว่า รัฐธรรมนูญมาาตรา 161 กำหนดให้ก่อนเข้ารับหน้าที่ รัฐมนตรีต้องถวายสัตย์ปฏิญาณต่อพระมหากษัตริย์ด้วยถ้อยตามที่มาตรา 161 แต่ในทางข้อเท็จจริงปรากฎว่าคณะรัฐมนตรีไม่ได้กล่าวคำว่า "..ทั้งจะรักษาไว้และปฏิบัติตามซึ่งรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยทุกประการ" และยังมีการกล่าวคำว่า "ตลอดไป" ทั้งที่เป็นถ้อยคำที่ไม่ได้บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญ จึงมีปัญหาความชอบด้วยรัฐธรรมนูญ

นายสมพงษ์ กล่าวว่า ที่ผ่านมาหลายฝ่ายให้โอกาสนายกฯในการแก้ไขปัญหาและเสนอทางออก แต่นายกฯได้เพิกเฉย จึงจำเป็นต้องมีการอภิปรายในวันนี้ โดยการถวายสัตย์เป็นการแสดงความจงรักภักดีต่อพระมหากษัตริย์ มีวัตถุประสงค์เป็นการให้คำสาบานต่อประมุขก่อนเข้ารับหน้าที่ว่าจะใช้อำนาจหน้าที่ตามกรอบของกฎหมาย ไม่ใช่อำนาจตามอำเภอใจ อันเป็นสาระสำคัญของการทำหน้าที่

"รองนายกฯวิษณุ เครืองาม ซึ่งเคยเป็นอดีตเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเคยเขียนหนังสือชื่อหลังม่านการเมืองตอนหนึ่งว่ารัฐมนตรีคนใดไม่ได้กล่าวถวายสัตย์ฯจะยังเป็นรัฐมนตรีไม่ได้ และต้องเปล่งวาจาด้วยถ้อยคำที่กฎหมายกำหนด เมื่อพิจารณาจากการถวายสัตย์ฯเมื่อวันที่ 16 ก.ค.2562 ปรากฎว่าได้ขาดถ้อยคำที่หายไปข้างต้น รัฐธรรมนูญเป็นกฎหมายสูงสุดของประเทศ ซึ่งมาตรา 5 วรรคแรกจึงบัญญัติรับรองหลักการที่ว่านั้นเอาไว้ และเมื่อรัฐธรรมนูญเป็นกฎหมายสูงสุดของประเทศแต่นายกฯไม่ได้กล่าวคำว่าจะรักษาไว้ซึ่งรัฐธรรมนูญ จึงเป็นการกระทำที่ขัดต่อรัฐธรรมนูญ"

นายสมพงษ์ กล่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์ เคยนำครม.ถวายสัตย์มาแล้วหลายครั้ง จึงสงสัยว่าเมื่อวันที่ 16 ก.ค.เหตุใดถึงขาดการกล่าวถ้อยคำสำคัญดังกล่าว และจะแก้ไขปัญหาอย่างไร ผลแห่งการที่ครม.ถวายสัตย์ไม่ถูกต้องย่อมเป็นการกระทำขัดต่อ 161 และทำให้การถวายสัตย์ฯนั้นใช้ไม่ได้ตามมาตรา 5 และส่งผลต่อความชอบด้วยของรัฐธรรมนูญต่อการแถลงนโยบายและการบริหารราชการแผ่นดิน

"บทเรียนที่เกิดขึ้นครั้งนี้ ผมขอเรียนว่านายกฯเป็นผู้นำของประเทศได้แสดงถึงความไม่มีวุฒิภาวะ ก่อให้เกิดความเสียหายเป็นลูกโซ่ ประเทศขาดความเชื่อมั่น เมื่อความเชื่อมั่นไม่เกิดขึ้น การยอมรับนับถือจึงไม่มี ผู้นำประเทศที่ถูกตำหนิมาตลอดเช่นนี้จะนำพาประเทศให้อยู่รอดได้อย่างไร" นายสมพงษ์ กล่าว

ขณะที่ น.อ.อนุดิษฐ์ นาครทรรพ ส.ส.กทม.และ เลขาธิการพรรคเพื่อไทย อภิปรายย้ำว่า การถวายสัตย์ปฏิญาณของนายกฯ ที่ไม่ครบถ้วน เป็นการกระทำที่ไม่ชอบด้วยรัฐธรรมนูญ ฉบับปัจจุบัน และคนที่เสียหายคือประชาชน เพราะเป็นการไม่ให้คำมั่นว่า จะทำตามรัฐธรรมนูญ

ทั้งนี้การที่ไม่ให้สัตย์ปฏิญาณแบบไม่สมบูรณ์ ก็คือความไม่ให้ความสำคัญกับประชาชน

"เปรียบเสมือนคนมาขอลูกสาว เขารับปากว่าจะรัก แต่ไม่รับปากว่าจะดูแลและให้เกียรติกับลูกสาวเราตลอดไป ผมคนนึงแหละ ที่ไม่ยกลูกสาวให้"นายอนุดิษฐ์ กล่าว

อย่างไรก็ตามทางออกของเรื่องนี้เห็นว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ควรจะลาออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี เพื่อแสดงความรับผิดชอบในเรื่องนี้