posttoday

เสียงจากคนถูกไล่ที่! "พิภพ" ซัดบาปกรรมของ EEC ยุค คสช.

26 สิงหาคม 2562

"พิภพ ธงไชย" เผยเรื่องราวประชาชนถูกไล่ที่อยู่จากโครงการอีอีซี อัดยกแผ่นดินบางส่วนให้นายทุนต่างชาติ ปลุกฝ่ายค้านล้มประกาศม.44จัดผังเมืองตะวันออก

"พิภพ ธงไชย" เผยเรื่องราวประชาชนถูกไล่ที่อยู่จากโครงการอีอีซี อัดยกแผ่นดินบางส่วนให้นายทุนต่างชาติ ปลุกฝ่ายค้านล้มประกาศม.44จัดผังเมืองตะวันออก

นายพิภพ ธงไชยที่ปรึกษาคณะกรรมการรณรงค์เพื่อประชาธิปไตย (ครป.) โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก แสดงความเห็นเกี่ยวกับ นโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) โดยมีเนื้อหาน่าสนใจดังนี้

บาปกรรมของ EEC ยุค คสช.มาถึงยุคประชาธิปไตยครึ่งใบ

“ลุงอยู่ที่นี่มาตั้งแต่ สมัยจอมพลสฤษดิ์ จนอายุ ๘๔ แล้ว วันหนึ่งก็บอกว่าเป็นที่ดินคลองชลประทาน แต่กำนันบอกลุงว่าอยู่ต่อไปได้ มาวันนี้กลับบอกว่าอยู่ไปไม่ได้แล้ว แล้วจะให้ลุงย้ายไปอยู่ที่ไหน ไปทำอาชีพอะไร”

เสียงคร่ำครวญจากชายชราที่อุตสาห์เดินทางมาจากฉะเชิงเทรา เพื่อมารับฟังการอภิปรายเรื่อง EEC ที่ไม่มีทางออกให้กับตัวเอง ขณะที่ที่ดินรอบแม่น้ำบางประกงหลายพันไร่ถูกกว้านซื้อไปหมดเพื่อให้นายทุนไทยส่งต่อให้นายทุนต่างชาติได้เช่าถึง ๙๐ ปี เพื่อสร้างโรงงานอุตสาหกรรมตามคำประกาศ มาตรา ๔๔ ของ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ที่โอ้อวดว่าจะไม่ทิ้งคนจนไว้ข้างหลัง

วันนี้คำประกาศนั้นทำให้ประชาชนนับร้อย และอาจนับพัน ถูกทิ้งที่ทำมาหากิน เลี้ยงกุ้ง เลี้ยงหอย เลี้ยงปู เลี้ยงปลา มาหลายสิบปี มองออกไปข้างหน้าไม่เห็นอนาคต ทั้งที่วันนี้ พ.ศ.นี้ เราเคยมีรัฐธรรมนูญที่ให้สิทธิเสรีภาพประชาชนมีส่วนร่วมในการพัฒนาประเทศ

ก่อนหน้านั้น เรามีโรงไฟฟ้าแม่เมาะ ที่มีมลพิษแก้ไม่ตกมานับสิบปี เรามีอุตสาหกรรมมาบตาพุด ที่ยังส่งกลิ่นอากาศเสียมาจนถึงวันนี้ ที่พื้นที่แม่น้ำบางปะกงนี้เองก็เคยประสบกับปัญหาน้ำร้อนที่ถูกปล่อยจากโรงไฟฟ้าบางปะกง จนชาวบ้านจับกุ้งหอยปูปลาไม่ได้ไปพักหนึ่ง

นักการเมือง นักการทหาร ข้าราชการ นายทุน ไม่เคยสรุปบทเรียนเลยว่า ตั้งแต่แผนพัฒนาเศรษฐกิจแห่งชาติ ฉบับที่ ๑ ถูกประกาศใช้มาตั้งแต่ปี ๒๕๐๔ ทำให้เกิดการพัฒนาอุตสากรรมขยะเต็มประเทศ โรงงานอุตสาหกรรมขยะที่ถูกประชาชนคนญี่ปุ่นขับไล่ออกจากอ่าวมินามาตะ ตั้งแต่ปี ๒๔๙๙ ที่โรงงานทิ้งน้ำเสียที่มีสารปรอทเจือปน จนเกิดอาการกระตุกตัวแข็ง แขนขาบิดงออย่างรุนแรง จากอาการของเด็กขาดสารอาหาร ที่เกิดจากการกินอาหารทะเลในอ่าวมินามาตะ สู้กันในศาลระหว่างกลุ่มนายทุนนักธุรกิจกับผู้ป่วยมาเป็นเวลานาน จนรัฐบาลญี่ปุ่นยอมแพ้ โรงงานอุตสาหกรรมขยะเหล่านี้จึงออกจากประเทศ เร่ร่อนมาอยู่ในประเทศด้อยพัฒนาอย่างสยามเมืองยิ้มของเรา

เราจึงมีโรงงานอุตสาหกรรมขยะเต็มมาบตาพุด ชาวบ้านเป็นมะเร็ง สู้กันจนเพื่อนผม สุทธิ อัชฌาศัย ยอมแพ้ ปิดชีวิตตนเองด้วยกระสุนปืน ไปตั้งแต่ปี ๒๕๕๗ เหมือนที่ก่อนหน้านั้น สืบ นาคเสถียร ก็ยอมปิดชีวิตตัวเองตั้งแต่ปี ๒๕๓๓ เพราะต้องการให้สังคมเห็นความสำคัญของการรักษาป่า

ล่าสุดเราก็เจอโรคเอ่อที่เกิดจากสารตะกั่วที่ห้วยเหมืองคลิตี้ กาญจนบุรี สู้กันมานับสิบปี ประชาชนจึงได้รับค่าชดเชยจากการก่อมลพิษของบริษัทเหมืองแร่ เมื่อปีนี้เอง ใช้เวลาต่อสู้นานถึง ๙ ปี

มาวันนี้ คำสั่ง คสช. มาตรา ๔๔ จัดผังเมืองพื้นที่อุตสาหกรรม ๑.๒ หมื่นไร่ ใหม่ในพื้นที่ระยอง ชลบุรี ฉะเชิงเทรา ลัดขั้นตอนต่างๆให้ง่ายขึ้น ฉีกกฎหมายหลายฉบับ รวมทั้งรัฐธรรมนูญหลายมาตรา ที่ให้โอกาสประชาชนมีส่วนร่วมกำหนดอนาคตตนเองในเรื่องสิ่งแวดล้อม ถูกยกเลิกไป

นี่เป็นครั้งแรกในรอบ ๓ เดือนที่ผมออกจากเรือนจำในคดีการเมืองมาลงพื้นที่ EEC ที่ฉะเชิงเทรา ประสบพบเห็นการขายชาติขายแผ่นดิน ขายประชาชน ขายทรัพยากร ขายอากาศ ขายน้ำ ให้เกิดมลพิษไปทั่วให้กับต่างชาติ เพื่อหวังเม็ดเงินจากการลงทุนที่เราทำมาตั้งแต่ปี ๒๕๐๔ โดยอ้างว่าจะมีรายได้เพิ่มขึ้น มีงานทำของประชาชนเพิ่มขึ้น โดยลืมไปว่าไม่เคยเป็นจริง เพราะนับเวลาร่วม ๖๐ ปี นายทุนต่างชาติ นายทุนต่างด้าว รวยเอารวยเอา การคอรัปชั่นระบาดไปทั่ว ความเหลื่อมล้ำกลายเป็นอันดับหนึ่งของโลก ที่ดินนับหมื่นนับแสนไร่ อยู่ในมือไม่กี่ตระกูล และกำลังส่งต่อให้ต่างชาติ ย้อนกลับไปสู่ยุคอาณานิคม เฉกเช่นฮ่องกงที่เป็นข่าวอยู่ในวันนี้

ถามหน่อยว่า ถ้าเราตัดแขนขา ตัดปากเสียงของประชาชน ไม่ให้มีอำนาจต่อรองใดๆในทุนอุตสาหกรรม ในเขตพื้นที่เศรษฐกิจใหม่ เราหวังพึ่งนักการทหาร ข้าราชการ นักการเมือง นักธุรกิจนายทุน ได้ไหม ประสบการณ์ ๖๐ ปี ของการพัฒนายุคใหม่ บอกได้เลยว่าหวังพึ่งไม่ได้

นี่เป็นการคอรัปชั่นเชิงนโยบายเหมือนยุคทักษิณ ยุคยิ่งลักษณ์ อย่างที่อดีตรัฐมนตรี ดร.ธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล ว่าไว้ หรือต้องปล่อยให้ทนายศรีสุวรรณ จรรยา นักกฎหมายนำเรื่องไปสู้กันในศาลต่อไป หรือจะให้อดีตรัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศ กษิต ภิรมย์ เป่าประกาศระหว่างประเทศต่อไป ว่าประเทศไทย รัฐบาลไทย กำลังละเมิดกฎบัตรสหประชาชาติว่าด้วยสิทธิมนุษยชนที่เราไปลงนามไว้

ขณะเดียวกันเรามี สส.ในพื้นที่จากพรรคอนาคตใหม่ มาร่วมฟัง จะนำไปสู้ในสภาผู้แทน ล้มประกาศ คสช.มาตรา ๔๔ ร่วมกับพรรคประชาชาติของนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ในเรื่องนี้ได้ไหม

ผมเสนอให้ สส..ทั้งสองพรรค รวบรวมรายชื่อประชาชนใน ๓ จังหวัดในเขต EEC ที่ได้รับผลกระทบทั้งอาชีพและที่อยู่อาศัย เสนอในสภาฯให้เป็นข่าวเพื่อสร้างกระแสสังคมให้ถึงที่สุด แบบกัดไม่ปล่อย หรือเสนอล้มประกาศฉบับนี้ของ คสช.เสียให้ได้

ผมขอจบลงด้วยเรื่องราวทางประวัติศาสตร์ ที่ในหลวงรัชกาลที่ ๕ ทรงยอมแรกแผ่นดินไทย จันทบุรีและตราด กับพระตะบอง เสียมราฐ และศรีโสภณ อันเป็นที่ตั้งนครวัด กับฝรั่งเศส เหตุเพราะสองจังหวัดนี้มีคนไทย แต่วันนี้เรากำลังยกแผ่นดินไทยบางส่วนที่มีคนไทยให้นายทุนต่างชาติ ในนามของ EEC

นี่คือการรักชาติรักแผ่นดินของนักการทหาร ข้าราชการ นักการเมือง และนักธุรกิจนายทุนไทย ยุคนี้หรือ

จารึกไว้ ณ วันที่ ๒๕ สิงหาคม ๒๕๖๒
ณ อนุสรณ์สถาน ๑๔ ตุลา.
เวทีสภาที่ ๓
EEC,BOI ขายขาติ-ขายแผ่นดิน ?

ภาพจาก https://www.facebook.com/pibhop.dhongchai